ตะไคร่น้ำสุดขอบฟ้า
หลังจากงานชุด
แบ-กบาล เฉลียงพักวงไปร่วม 2 ปี ก่อนจะกลับมารวมกันอีกครั้ง
ในระยะ เวลา 2 ปีที่เงียบหายไปนั้น
เฉลียงแต่ละคนต่างแยกย้ายกันไปเก็บเกี่ยวประสบการณ์ในวงการ บันเทิงและวงการเพลง
วัชระ ปานเอี่ยม หันไปจับงานพิธีกรโทรทัศน์
ภูษิต ไล้ทอง ออกงานเดี่ยวเพลงบรรเลงชุด
ลูกลิงในหัวใจ และเป็นโปรดิวเซอร์ร่วมกับประภาส ชลศรานนท์ ในงานหลายๆชุดของ
โคโค่แจ๊ส และศิลปินในสังกัด คีตา
เกียรติศักดิ์ เวทีวุฒาจารย์
มีอาชีพเป็นสถาปนิกในวันจันทร์ถึงศุกร์ แต่ยังอดไม่ได้ที่จะใช้เวลาในวันหยุด
ไปสร้างผลงานเพลงเดี่ยวชุด กว้างxยาว
ส่วน ฉัตรชัย ดุริยประณีต
ทำงานเป็นนักแต่งเพลงให้กับนักร้องและวงดนตรีในสังกัดคีตาฯ เช่นกัน
เมื่อรู้สึกว่า
พร้อม เฉลียงจึงกลับมาอีกครั้งกับ ตะไคร่น้ำสุดขอบฟ้า
ทำไมต้องตะไคร่น้ำ ทำไมต้องสุดขอบฟ้า
เฉลียงเขียนแถลงถึงเรื่องนี้ไว้บนปกเทปว่า
พืชสีเขียวต่ำต้อยที่ขึ้นได้ทั่วไป
ไม่ว่าจะเป็นข้างตุ่ม กำแพง หรือตีนบันได ไม่ต้องปลูก ไม่ต้องดูแลรักษา
ที่ไหนก็ตามที่ขอแค่เพียงชื้นและมีอากาศ ตะไคร่น้ำก็ขึ้นได้ทุกแห่งหน
แต่ใครจะรู้ ว่า วันหนึ่งข้างหน้า อย่าว่าแต่ป่าไม้เลย ลำพังแต่ตะไคร่น้ำพืชสีเขียวต่ำต้อยนี้
มนุษย์อาจจะต้องตามหากันสุดขอบฟ้ายิ่งกว่าขุมทรัพย์ใดๆ
เราคุยกันหลายครั้งถึงเนื้อหาที่จะพูดในเฉลียงชุดนี้
เพื่อนๆ ของเราหลายคนพูดว่า เรื่องสิ่งแวดล้อมมันล้าสมัยแล้ว มีเพลงมากมายที่พูดเรื่องนี้
แต่พวกเรากลับมาคิดว่า เรื่องนี้มันไม่ใช่เรื่องแฟชั่น เรื่องความเป็นความตายของธรรมชาติและมนุษยชาติไม่ใช่แฟชั่นและสำหรับวันนี้เป็นเรื่องที่ไม่พูดถึงอีกไม่ได้แล้ว
ถ้าความคาดหวังมันจะมี พวกเราคงหมายถึงคนรุ่นลูกรุ่นหลานที่ต้องเริ่มปลูกทัศนคติใหม่ว่า
ต้นไม้นั้นมีค่าไม่แพ้เพชรนิลจินดาหรือคอนโดมิเนียมร่วมร้อยชั้น
จะเป็นอย่างไรถ้า ไม่มีต้นไม้สักต้น
ไม่พบแม้แต่ตะไคร่น้ำ อัลบั้ม
ตะไคร่น้ำสุดขอบฟ้า เป็นการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่อีกครั้งหนึ่งของเฉลียง
นับตั้งแต่แนวความคิดโดยรวมที่พูดถึงการอนุรักษ์ธรรมชาติ
และการชี้ชวนให้มวลมนุษย์ตระหนักถึงการหวงแหนธรรมชาติ
และแนวของเพลงที่เปลี่ยนจากสวิงแจ๊ซเป็นโฟล์กร็อก
โลกมันเปลี่ยนไป เมื่อก่อนผมจะพูดถึงเรื่องจิตใจ
เตรียมพร้อมจะสู้ ทำจิตใจให้ร่าเริง รู้สึกสบายดี นั่นคือคอนเซ็ปต์เลยนะสำหรับเฉลียง
ประภาส ชลศรานนท์ บอกเล่าถึงความแตกต่างระหว่างแนวคิดของอัลบั้มหลังสุดนี้กับเฉลียงในยุคต้น
ชุดแรกๆ พยายามเข้าใจโลก เข้าใจมนุษย์
เข้าใจตัวเองแต่คราวนี้คล้ายๆ ปัญหาใหญ่ของโลกมาถึงแล้ว ใหญ่กว่าจะพูดให้สบายดีแล้ว
ไม่พอแล้ว ต้องคิดกันแล้วไง จะยังรู้สึกสบายดีเฉยๆ จะแปลกแล้วนะ
ในเรื่องของแนวดนตรี
ฉัตรชัย ผู้ได้รับมอบหมายให้ดูแลงานชุดนี้เสนอให้ใช้ดนตรีโฟล์กและโฟล์กร็อก
เป็นการนำเสนอด้วยเหตุผลที่ว่า อะคูสติกมิวสิกน่าจะอธิบายเรื่องราวของธรรมชาติได้ดี
และตัวเขาก็ถนัดแนวนี้มากกว่าสวิงแจ๊ซที่ติดอยู่กับเฉลียงมานมนาน
เพราะชุดนี้ค่อนข้างพูดถึงเรื่องธรรมชาติ
และก็สิ่งแวดล้อม เหมือนกับเป็นการเตือนภัยที่เกิดจากมือมนุษย์นั่นแหละ
ในแนวดนตรีที่จะทำให้สมกับเรื่องราวเหล่านี้ได้ ต้องไม่ใช่แนวที่ยากเหมือนกับแจ๊ซเหมือนกับเร็กเก้
ต้องเป็นอะไรที่ง่าย ฟังง่ายหน่อย
คือแนวโฟล์กร็อกอย่างนี้ ภูษิต ไล้ทองสำทับ
แต่แนวดนตรีที่เปลี่ยนไปนี้
ทำให้วัชระที่อยู่กับเฉลียงมาตั้งแต่แรกค่อนข้างลำบากใจในช่วงต้น
สำหรับผม ตัวเพลงในงานชุดนี้ยากขึ้น
ดนตรีมันแปร่งหู เป็นร็อก ที่ผมไม่ชินกับความเป็นเฉลียง มาเจอกับเพลงพัดลม
มึงจะพัดทำไมวะ หรือเพลงฝันให้ไกลไปให้ถึง ที่โจ๊ะมาก อีกอย่างจิกลงมือน้อยด้วย
มีเด็กใหม่เข้ามาช่วยทำ
เด็กใหม่ ที่วัชระกล่าวถึง
เป็นรุ่นน้องจากธรรมศาสตร์ของฉัตรชัยชื่อกลุ่ม ศิลา ซึ่งนำเพลงมาเสนอที่
คีตา และประภาสเห็นว่าแนวทางน่าจะไปกันได้กับเทปชุดใหม่ของเฉลียงที่กำลังจะลงมือ
จึงให้รวมเพลงเข้าด้วยกันเสียเลย โดยมีการแก้ไขปรับเนื้อร้องที่แต่งมาให้เข้ากับเฉลียงมากขึ้น
ถึงแม้เพลงส่วนใหญ่ของ ตะไคร่น้ำสุดขอบฟ้า
จะออกแนวร็อก แต่ก็ยังมีเพลงในสไตล์เฉลียงเดิมๆ ปนอยู่บ้าง อย่าง
พ่อกล่อมลูก...1 เป็นเพลงที่ประภาสเขียนให้ ภูษิต ซึ่งเพิ่งมีลูกชายได้ร้อง
เป็นการโชว์เสียงครั้งแรกของเขาหลังจากให้แซ็กโซโฟนส่งเสียงแทนมานาน
และ ฝากเอาไว้ ที่ประภาสตั้งใจเขียนอย่างยิ่ง
เพราะเขาเริ่มจะรู้ว่าเพื่อนๆ น้องๆ เฉลียงคงจะ ไม่เอาอีกแล้วล่ะ
ฝากเอาไว้
เป็นเพลงที่ประภาสเขียนเสร็จเป็นเพลงสุดท้าย และอัดเสียงเสร็จเป็นเพลงสุดท้าย
อ่านต่อ...
|