คอนเสิร์ตเรื่องราวบนแผ่นไม้ครั้งนี้ไม่ใช่ครั้งแรกที่ร่วมงานกับเฉลียงใช่ไหม
     ครั้งแรกที่ร่วมงานกับเฉลียงตอนนั้นเด็กครับ เป็นคอนเสิร์ตปิดอัลบั้มกล้วยไข่ (อื่นๆ อีกมากมาย) ที่มีวงโยธวาทิตของสวนกุหลาบไปเล่น ผมไปเป่าแตร ตอนนั้นก็ได้เห็นพี่เกี๊ยงมาเล่นกีตาร์ ก็อู้ย…ดีเว้ย ขณะที่ซ้อมคอนเสิร์ตก็เห็นพี่เล่นเปียโน จำได้ว่าเล่นเพลง imagine เพลงเข้าใจ ก็รู้สึกดีครับ
เริ่มเล่นดนตรีตั้งแต่เมื่อไหร่

     คือผมเรียนเปียโนตั้งแต่ 6-7 ขวบ เรียนอยู่ 3 เดือน โรงเรียนไล่ออก เขาบอกไม่ต้องเรียนแล้วเด็กคนนี้ไม่ยอมเรียน ผมซน ไม่เรียนน่ะ อารมณ์แบบแม่บังคับให้เรียน พี่ชายก็เรียนอยู่แล้ว ครูบอกว่าเป็นเด็กที่ไม่ยอมอ่านโน้ต แต่เล่นได้ ถ้าเล่นให้ฟังก็จะเล่นต่อได้ แต่สอนโน้ตยังไงก็ไม่ยอมอ่าน ที่ผมเล่นๆ คือจำนิ้ว ฟังแล้วจำแล้วเล่นออกมา ครูบอกเด็กคนนี้ยังไม่พร้อมจะเรียน เราก็ไม่พร้อมจริงๆ น่ะ ก็เลยหยุดไป
     จนมัธยม 1 ได้ฟังเพลงเข้าใจ อูย..เพลงนี้เพราะ ถ้าเราเล่นเพลงนี้ได้ต้องเท่ คือตอนนั้น ณ โรงเรียนเด็กผู้ชายล้วน อยู่ม. 1 เด็กๆ น่ะครับ ก็เลยพยายามแกะเล่น เพราะเป็นคนที่พอจะจับเปียโนได้อยู่แล้ว แกะเพลงเข้าใจโดยที่ไม่รู้หรอกว่าคอร์ดอะไร โน้ตอะไร แต่รู้ว่าเสียงนี้อย่างนี้
     เพลงเข้าใจคือเพลงที่ทำให้ผมกลับมาเล่นดนตรี เล่นเปียโน ซึ่งพอเล่นไปได้สักพัก ก็รู้สึกอยากกลับมาอ่านโน้ต ก็เลยเรียนเอง รู้ว่าอะไรอยู่ตรงไหน จริงๆ โน้ตก็คงอ่านออกแหละตอนนั้น เพียงแต่ไม่ตั้งใจอ่านเท่านั้นเอง

นี่คือจุดเปลี่ยนของชีวิตหรือเปล่า อย่างที่พี่ดี้แนะนำในคอนเสิร์ตว่าแน่นบอกว่าพี่ๆ เฉลียงทำให้ชีวิตผมเปลี่ยนไป
     มันก็เริ่มมาจากเพลงเข้าใจนี่แหละครับ คือจริงๆ แล้วผมเรียนสายวิทย์มา พอเอ็นทรานซ์ก็เลือกวิศวะ 5 อันดับ ทีนี้มีอาจารย์สอนพิเศษที่นับถือมาก เป็นเพื่อนคุณแม่ บอกว่าน่าจะเรียนดนตรี เลือกดนตรีให้สักอันดับหนึ่งได้มั้ย เพราะเห็นเด็กคนนี้ชอบเล่นดนตรี ผมก็เลยเลือกครุศาสตร์ ดนตรี เป็นอันดับ 6 หมายความว่าผมต้องสอบทั้งสายวิทย์สายศิลป์ เบ็ดเสร็จก็ 13 วิชา ปรากฏว่าผมเอ็นท์ติดดนตรี สอบได้ที่ 1 ของคณะด้วยนะ รู้งี้เรียนสายศิลป์ตั้งแต่ม. 4 ดีกว่า อาจจะรุ่ง (ฮา)
     แล้วผมสอบเทียบด้วย ตอนนั้นก็คิดว่าคงไม่เรียน คงจะเรียนม. 6 ก็เลยกลายเป็นว่าไปเรียนสวนกุหลาบ เอาชุดนิสิตจุฬาไปด้วย ตอนบ่ายก็ไปจุฬา ช่วงนั้นก็ไม่รู้ว่าจะเอายังไงกับชีวิต จนคุณแม่บอกว่าเรียนจุฬาเถอะ ไม่ชอบแล้วค่อยเอ็นท์ใหม่ พอมาเรียนจริงๆ ก็บานปลาย สมัครสอบเอ็นท์ใหม่ก็ไม่ไปสอบแล้ว บานปลายมาชอบดนตรี
เลยกลายเป็นรุ่นน้องพี่แต๋งที่ครุศาสตร์
     ครับ แต่ไม่ทันรุ่นกันนะ ผมอยู่ชมรม CU Band พี่แต๋งเป็นรุ่นพี่ชมรม พอมีงานศิษย์เก่าพี่แต๋งจะมา ก็ได้เจอ แต่ก่อนหน้านั้น ช่วงมัธยม ผมไปเล่นคอนเสิร์ตของคณะครุศาสตร์ สาขาดนตรี ที่จุฬา ซึ่งพี่แต๋งก็เล่นอยู่ด้วย เราก็เฮ้ย..พี่คนนี้พี่เฉลียงนี่ แต่ไม่กล้าเข้าไปคุย เด็กๆ น่ะครับ
มาร่วมงานในคอนเสิร์ตเรื่องราวบนแผ่นไม้ได้อย่างไร
     เริ่มจากพี่แต๋งคุยเกริ่นไว้แต่แรก บอกว่า เดี๋ยวแน่นมาหาพี่แจ็ค มาช่วยทำคอนเสิร์ตนะ ซึ่งพี่แจ็ค (โดม ทิวทอง) ที่ธันเดอร์มิวสิก คือคนที่ร้องคอรัส เล่นเปียโน ทำอะไรให้เฉลียงมาตลอด พอดีพี่แต๋งคุยกับพี่ดี้ พี่ดี้บอกว่ามีน้องอีกคนนึงอยู่ที่ตึก ชื่อไอ้แน่น ก็คนเดียวกันนี่แหละ เพราะผมทำงานอยู่แกรมมี่ พี่ดี้ก็บอก ทำ orchestration เอาไอ้แน่นมาช่วยมั้ย พี่แต๋งเลยบอกว่ากูคุยกับมันแล้ว ผมก็เลยเข้ามาทำ ซึ่งพี่แจ็คก็ทำเพลงพิเศษ 2 เพลงในคอนเสิร์ต คือเรื่องราวบนแผ่นไม้ กับย้ำคิดย้ำฝัน ที่เหลือคือเพลงที่ผมทำ
ทำหน้าที่อะไรในคอนเสิร์ตครั้งนี้
     เป็น Music Director ทำเพลงที่เล่นในคอนเสิร์ตเรื่องราวบนแผ่นไม้ทั้งหมด เรียบเรียงเสียงประสาน arrange เพลง ดูแลการฝึกซ้อมของวง ในส่วน rhythm, คอรัส, วงแบ็คอัพ ทั้งหมดเลย แล้วก็คุยกับพี่ๆ เฉลียง ซ้อมกับพี่ๆ ว่าพี่ต้องการเพลงยังไง เช่น เพลงนี้ต้องการแบบเดิม หรือจะให้เพิ่มส่วนไหนลงไป แล้วก็อาจจะมีส่วนในการเลือกเพลงด้วย เพราะบางทีพี่เขาจะไม่เอาเพลงนี้ ก็บอกว่าเอาสิพี่ ผมน่ะแฟนเพลงเฉลียงนะ มาดูคอนเสิร์ตเฉลียงก็อยากฟังเพลงแค่มี เข้าใจ และอีกหลายๆ เพลง ผมจำได้ว่าตอนแรกเขาจะไม่เอาเพลงเข้าใจ ผมบอกว่าเป็นเพลงที่ทำให้ผมหัดเล่นเปียโนเลยนะนั่นน่ะ