แคแร็กเตอร์ของวงเฉลียงไม่เหมือนใคร
ประมาณสบายๆ เหมือนจะบ้าๆ บอๆ แต่ก็ไม่ใช่แบบว่าเลวร้ายนะ  บ้าบอแบบมีความคิด สบายๆ เพลินๆ แต่มีความหมายอยู่ในเพลง
   



เฉลียงคือคนหนุ่มกลุ่มหนึ่ง
ซึ่งมีความคิดค่อนข้างแหวกแนววงการเพลงที่มีอยู่ในช่วงนั้น

เพลงของพวกเขาแหวกแนว เป็นเพลงที่มีเนื้อหาสาระ แต่ค่อนข้างไม่ซีเรียส   ถ้าเกิดฟังเฉยๆ ก็จะรู้สึกสนุกสนาน แต่ถ้าคิดไปด้วย เนื้อหาของเฉลียงก็ให้สาระกับคนฟังมากกว่าวงดนตรีทั่วไป

อารมณ์แรกที่ได้ฟัง รู้สึกจะเป็นเพลงที่ผ่อนคลายได้มาก โดยเฉพาะเพลงที่คุณจุ้ยร้อง  ปกติเราฟังเพลงค่อนข้างคาดหวังว่าฟังคนนั้นจะได้อย่างนี้ ฟังคนโน้นจะได้อย่างนั้น  แต่เฉลียงนี่ฟังสบายๆ เหมือนตอนเช้าๆ ฟังเฉลียงแล้วจะดีมากเลย รู้สึกว่าจะให้อารมณ์ที่สดชื่น  เฉลียงทำเพลงเข้ากับคนชั้นกลางของประเทศซึ่งค่อนข้างจะมีคุณภาพ  หรือไม่ก็พวกนักศึกษาตามมหาวิทยาลัยซึ่งกำลังแสวงหาดนตรีที่ค่อนข้างมีคุณภาพ

เฉลียงแยกวงน่ะดีแล้ว เพราะจริงๆ แล้วเนี่ยเราไม่สามารถจะรักษาความเป็นเฉลียงได้ตลอดไป วงดนตรีแนวนี้มันมีน้อยมาก ตลาดก็ไม่ค่อยกว้าง  เฉลียงอยู่ต่อไปอาจจะไม่ประสบความสำเร็จก็ได้ เพราะไม่รู้ว่าทิศทางต่อไปของเฉลียงคนฟังจะรับได้หรือเปล่า ถ้าคนฟังจะรับได้ก็คือ มันจะต้องพัฒนาคนฟังขึ้นไปอีก เพื่อรับคอนเซ็ปต์ของเฉลียงได้ ติดตามพัฒนาการของเฉลียงได้ตลอด   แต่ส่วนหนึ่งเนี่ยคนฟังบ้านเราไม่สามารถพัฒนา เพื่อที่จะรับเฉลียงในอนาคตได้อีกต่อไป

ผมว่าเฉลียงยังไม่ประสบความสำเร็จ โดยศักยภาพของเฉลียงเขามีกันทุกคน ในความเป็นแบนด์ ในความเป็นศิลปินเดี่ยวของพวกเขา  เข้าใจว่าคนฟังบ้านเราเป็นลักษณะที่ฟังกันชั่วครั้งชั่วคราว โดยไม่ได้คิดติดตามฟังงานอย่าง The Beatles อะไรอย่างนี้ ก็เลยกลายเป็นว่า ถ้าเฉลียงอยู่ต่อก็จะกลายเป็นลักษณะอย่างนี้ คือ อาจจะไม่ค่อยก้าวหน้าแล้ว  แต่เฉลียงนี่ให้อะไรกับวงการเพลงไทยค่อนข้างเยอะนะครับ อย่างดนตรี พวกเขาพยายามที่จะครีเอตออกมา การเรียบเรียง การสื่อเสนอออกมา แม้แต่การเล่นคอนเสิร์ต การแสดงสด พวกเขาทำได้ดีนะครับ สื่อกับผู้ชมได้เต็มร้อยในทุกครั้งของการแสดง

ผมว่าชุดแรกของเฉลียงน่ะดีที่สุดแล้ว นั่นแหละ สุดยอดของพวกเขาแล้ว ทุกเพลงในนั้นผมฟังได้หมดเลย แล้วก็เคยวิจารณ์ไปแล้วว่า นี่คืองานชิ้นเอกของปัญญาชนบ้านเราในยุคนั้น
   
 
  เป็นวงดนตรีที่มีการแสดงเหมือนกึ่งโชว์
มีการพูดคุยที่มีมากกว่าการร้องเพลง อย่างคอนเสิร์ตปกติก็จะมีเล่นดนตรี แต่จะไม่มีแบบวาไรตี้ เฉลียงมีอย่างนั้นด้วย ก็ตลกดี สนุกดี ชอบดู    เพลงของเฉลียงที่ชอบเป็นพิเศษรู้สึกจะเป็นเพลง รู้สึกสบายดี แล้วก็เพลง ต้นชบากับคนตาบอด, นิทานหิ่งห้อย น่ารักดี แปลกดี ส่วนใหญ่จะจำชื่อไม่ได้ ชื่อเพลงจะแปลกๆ อ้อ...มีอีกเพลง ไม่รักแต่คิดถึง ชอบเป็นอันดับสอง ตอนนี้อยากเห็นทำเพลงประกอบละครสไตล์เฉลียงแล้วมีคอนเสิร์ต
   



เฉลียงคือวงดนตรีที่มีเนื้อหาดนตรีที่สบาย
ฟังแล้วมีแง่คิด น่าสนใจ ผมชอบเพลงชุดแรกทุกเพลงเลย ชุดหลังๆ ก็จะมีพวก นิทานหิ่งห้อย, ตะไคร่น้ำสุดขอบฟ้า   เพลงของเฉลียงมีเนื้อหาที่แปลก ก่อนหน้านั้นนึกว่าจะมีแค่เนื้อหาสนุกๆ เท่านั้น แต่พอฟังจริงๆ แล้วส่วนของดนตรีก็น่าสนใจ ด้วยเป็นงานที่สมบูรณ์ทั้งเนื้อหา ดนตรี แล้วก็ท่วงทำนอง  เพลงเฉลียงฟังง่าย ฟังได้สองแบบ คือฟังเพลินๆ กับฟังแล้วคิด อย่างเพลงกล้วยไข่ มันมีคีย์เวิร์ดที่ฟังแล้วเข้าใจ ถ้าแยกออกเป็นคำๆ แล้วจะฟังไม่รู้เรื่อง มันอาจจะฟังยากนิดนึง แต่เวลาเรา จับภาพ อารมณ์ เราก็จะรู้ว่าเขาพูดถึงอะไร  อย่าง ‘กล้วยไข่’ จะเห็นว่าเขาพูดถึงภาพคอนทราสต์ระหว่างสงครามกับความบริสุทธิ์ไร้เดียงสา โดยเอาภาพที่ขัดแย้งกันมาวางเทียบกันไว้ เราก็จะเห็น ว่าสงครามมันเลวร้ายอย่างไร ไม่ต้องมาพูดกันตรงๆ ว่าสงครามไม่ดี เวลาเขาพูดกันเขาเอาความสดใสของเด็กมาสื่อด้วยอารมณ์ของเพลง มาทำให้เห็น
   
 



เฉลียงเป็นพวก ความคิดละเมียด สะอาด สดชื่น
มีความคิดไม่เหมือนคนอื่น เป็นความคิดสร้างสรรค์ ไม่ได้ไปทำร้ายใคร  เพลงที่ประทับใจมากคือเพลง ‘ใยแมงมุม’  เพราะรู้สึกว่าช่างคิด แต่งได้ไง ใช้คำ โห... มุมมองแบบมองมุมเดียวไม่พอ แสดงออกมาได้สวยงาม เพราะด้วย ฟังครั้งแรกปิ๊งเลยครับ  เสียดายเฉลียงไม่ค่อยหล่อ ขายไม่ค่อยดี อยากให้ขายดีๆ ให้คนไทยรู้จักเฉลียงเยอะๆ เท่าที่ผ่านมานี่ยังไม่เยอะ อยากให้คนฟังทั้งประเทศ เพราะว่าเพลงเขาดี   แต่เฉลียงหลังๆ นี่เขาขายของนะครับ ผมไม่ค่อยชอบงานชุดหลังๆ อย่าง ‘ตะไคร่น้ำสุดขอบฟ้า’ ตอแหลไปหน่อย แรงไปไหมครับ ความรู้สึกคือกระแดะไปหน่อย
   
 



ฟังเพลง ‘กล้วยไข่’ เพลงแรก ไม่เข้าใจหรอกว่าอะไร
แต่รู้สึกว่ามีอะไรอยู่ในนั้นสักอย่าง ประทับใจ ก็ไปซื้อเทปมาเลย...  เด็กน้อยสารภีไม่ยอมฟังครู...  มันไม่มีเพลงแบบนี้ ผมชอบมากครับ วงเฉลียง ผมไปดูคอนเสิร์ตทุกที่เลย ไปทั้งคอนเสิร์ตลืมโลก 7 สีคอนเสิร์ต ลุยเลย ซื้อตั๋วดูยังเก็บไว้เลย

นอกจาก กล้วยไข่ ผมร้องได้ทุกเพลง มีเทปทุกชุด ตอนนี้ชุดหนึ่งชุดสองหายากมาก ชุด ‘เฉลียงหลังบ้าน’ ตามหาซื้ออยู่  คิดว่าร้องได้ทุกเพลง ผมชอบมากเลย

เฉลียงมีมุมมองที่แปลกและสนุกสนานนะครับ ในความสนุกมีความแปลก ไม่เหมือนคนอื่นที่มันใหม่ มองต่างไปจากคนอื่น  เฉลียงมีวิธีมองวัตถุอันนี้ไปในแง่มุมที่ต่างจากคนอื่น ของที่เรามองเห็นอยู่ทุกวัน  แต่พอมองในแง่มุมอื่นมันกลับใหม่สำหรับเรา ทำไมเราไม่รู้จักมองตรงนี้บ้าง คิดว่าตรงนี้มีอิทธิพลกับชีวิตผมมากเลยครับ  รู้สึกว่าเขาทำเพลงล่วงหน้าไปยังอนาคตไว้นานมาก คือ เราฟังในวันนี้ก็ยังเป็นความคิดที่ทันสมัย ยังใหม่อยู่เสมอ บางอย่างเป็นความคิดที่ไม่มีอายุ ไม่มีเวลา สิ่งที่เขาคิดเมื่อสิบปีที่แล้ว กลายมาเป็นความคิดของวันนี้ได้เนี่ย ก็อยากเห็นสิ่งที่เขาคิดในวันนี้ว่าจะไปข้างหน้าอีกขนาดไหน
   
 



เฉลียงเขาจะมีเอกลักษณ์ทางรูปแบบดนตรีเฉพาะตัว
เป็นอะคูสติกที่มีการประสานเสียง เป็นนักดนตรีที่พวกนักศึกษามหาวิทยาลัย พวกปัญญาชนเขาฟังกัน มีกลุ่มคนฟังที่จัดว่าน่าสนใจ
การเขียนเพลงและรูปแบบดนตรีไม่ค่อยตามตลาดเท่าไหร่นัก เพราะว่ามีอารมณ์ขันแบบพวกซูโม่ทั้งหลาย

เพลงของเฉลียงที่รู้สึกว่าจะติดหู จำชื่อเพลงไม่ได้ ที่เอาตูดแช่น้ำ เพลงนั้น มันมีอารมณ์ขัน มัน carefree ดี เป็นเพลงที่โดดเด่น แล้วที่ติดหูอีกเพลง ‘ตะไคร่น้ำสุดขอบฟ้า’ ชื่อมันทำให้จำติดหูง่าย อาจจะเรียกได้ว่าเขาคือ creator ทางเสียงเพลง ออกแนวที่แปลกๆ ออกมาให้คนฉงนสนเท่ห์กันได้   แต่ดูเหมือนว่าเขาไม่ได้ตั้งใจเดินอยู่บนอาชีพดนตรีอย่างแท้จริง เหมือนมารวมตัวกันเพื่อความสนุกสนานอยู่ในระยะหนึ่ง ที่แยกออกมาตอนหลัง ถ้าเขาตั้งใจทำธุรกิจจริงๆ คงไม่มีการแยกตัวออกมาอย่างนี้ แล้วมันจะได้จุดยืนตรงที่เขาไม่ได้มองในแง่ธุรกิจ เวลาทำเพลงทำให้เขาไม่ต้องแคร์เรื่องการตลาดมากนัก เขาเป็นกลุ่มคนที่มีไอเดีย มีรูปแบบเฉพาะตัว   ด้านที่ดีคือ ถ้าจะพูดว่าเขาไม่ประสบความสำเร็จในด้านธุรกิจเอง แต่เขาสามารถสร้างเอกลักษณ์เป็นแบบเฉลียงได้  ฟังดูก็รู้ว่านี่เป็นดนตรีในแบบเฉลียง ไม่มีใครที่จะมาเล่นแบบนี้  เพราะมันเสี่ยงต่อการขาย ด้านธุรกิจ คือถ้าเขาสามารถสร้างเอกลักษณ์เฉพาะตัวได้คือเขาประสบความสำเร็จ  โดยรูปแบบ เนื้อหาดนตรี ก็ต้องเป็นกลุ่มนักศึกษาปัญญาชนฟัง เพราะมุขตลกบางอันนี่ชาวบ้านเขาคงไม่ get
   



ไม่ค่อยได้ฟังเพลงไทยเยอะเท่าไหร่
แต่พอถึงเวลาพูดถึงเฉลียง ก็จะรู้สึกว่าเน้นที่ตัวตน บุคลิกของคน 5 คนที่ลงตัวแล้วเป็นความสนุกสนาน ซึ่งถึงแม้จะมีนักร้องใหม่ๆ มาร้องด้วยเพลงที่มี เนื้อหาแปลกๆ อย่างนั้น แต่ก็คิดว่าไม่มีอะไรจะเป็นได้เท่าเฉลียง เพราะทุกคนมีลักษณะเฉพาะของตัวเอง แล้วเฉลียงก็มีลักษณะเฉพาะจริงๆ ทำอย่างไรก็ไม่เหมือน  แนวความคิด และอะไรต่อมิอะไรของแต่ละคน มันชัดมากในความรู้สึก และไม่แปลกใจที่ทำไมมา join กันลงตัว ทำไมขึ้นเวทีแล้วสนุก ทำไมแฟนเพลงเฉลียงจึงเหนียวแน่น

เริ่มต้นเคยสัมภาษณ์พี่จิกแล้วประทับใจมาก เพราะเป็นคนที่มีความคิด ไอเดียเยอะมาก เคยสัมภาษณ์จุ้ย ซึ่งสมัยนั้นจุ้ยเป็นคนยุยงส่งเสริมให้มีเฉลียง ไปยุคนโน้นคนนี้ให้มารวมตัวกันได้ จุ้ยเป็นคนที่ใสมาก สัมภาษณ์พี่ดี้ พี่ดี้ก็เป็นคนเก่ง สัมภาษณ์เกี๊ยง ก็เป็นชายหนุ่มที่ตลก ตอนนั้นเขาเพิ่งเข้ามากรุงเทพฯ เขามีวิธีคิดกับคนกรุงเทพฯ ที่ตลก เคยสัมภาษณ์คุณเจี๊ยบ คุณเจี๊ยบก็เป็นคนที่ตลกลึก ตลกเจ็บ

พอตอนนั้นที่เฉลียงดัง การนัดคน 5 คนเพื่อสัมภาษณ์มันไม่ใช่เรื่องง่าย แต่คราวนั้นมันมีความลงตัวแล้วสนุก  ครั้งแรกไปสัมภาษณ์ที่เจเอสแอล สนุก ตลกมาก การที่เราเป็น ผู้หญิงคนเดียวไปคุยกับผู้ชาย 5 คนที่ตลกคนละแนวมันเป็นเรื่องที่ยากอยู่ จำได้ว่าคุยแล้วไม่เสร็จ ด้วยความที่นอกลู่นอกทางแล้วเวลาหมด  ไปสัมภาษณ์อีกครั้งที่โลกดนตรี ไปถ่ายรูปบนเวที บทสัมภาษณ์เฉลียงชิ้นนั้นตีพิมพ์ออกมาคนอ่านชอบมาก เพราะมันมีบุคลิกแต่ละตัวตน ถ้าไปสัมภาษณ์เดี่ยวๆ คงไม่สนุก

อยากบอกว่าชอบเฉลียงเพราะเฉลียงไม่เหมือนใคร เขาสอบผ่านไปตั้งนานแล้ว
ที่เขาไม่สอบต่อเพราะเขาไม่มีเวลา
เขาได้คะแนนดีด้วยสิ
   
 



เฉลียงคือการมองโลกทแยงๆ นิดๆ ไม่มองตรง
ประเด็นเดียวกัน มีต้น กลาง ปลาย แต่เขามีวิธีขมวดของเขาเอง  สิ่งที่อยากฟังอยากเห็นอีกจากเฉลียงคือความคิดแบบใน พ.ศ. นี้  เขาน่าจะมีมุมมองในเรื่องเศรษฐกิจ มองผู้คนอีกแบบหนึ่ง แต่ไม่รู้ว่าเขายังคิดกันได้อยู่อีกหรือเปล่า
   
 



พวกเขาเป็นคนผิดปกติ
คือไม่ใช่คนธรรมดา  โดยส่วนตัวผมเคยเล่นแบ๊กอัพให้สมัยนู้น ตั้งแต่ ‘อื่นๆ อีกมากมาย’ ผมทำวงช่างทาสีเล่นแบ๊กอัพให้พวกเขา ก็สนิทกันพอสมควร ดูแล้วไม่ใช่คนปกติ คือสมองที่พวกเขาคิดกันนี่มันเหนือคนอื่น แม้กระทั่งเรื่องเนื้อเพลง คำบางคำ ซึ่งเนื้อเพลงทั่วไปไม่เขียนกัน
   
 
  ชอบ ‘นิทานหิ่งห้อย’
ฝังใจมาก คือเด็กๆ เรามีจินตนาการอยู่แล้วว่าหิ่งห้อยมันจะวับๆ ตอนกลางคืน เด็กก็กลัว นึกว่าเป็นผีเป็นอะไรสักอย่าง ทีนี้พอได้มาฟังเพลงของเฉลียงก็เห็นว่าเขาสามารถที่จะเรียบเรียงเนื้อร้อง ความหมายออกมาให้เด็กๆ เข้าใจว่า อ๋อ หิ่งห้อยคือสิ่งที่สวยงาม  เราก็รู้ว่านี่คือธรรมชาติที่เราไม่สามารถเอามาเก็บไว้กับเราได้ ควรปล่อยให้อยู่อย่างนั้น ดีที่สุด
   



รู้สึกฟังแล้วสบายใจ
มันซื่อใสบริสุทธิ์ แต่ว่าในนั้นมีอะไรแฝงอยู่...
เราอยากสื่อความหมาย อยากจะทำได้อย่างนั้น...
คือเป็นแรงบันดาลใจที่ให้เราอยากทำงานแบบนั้นบ้าง
   
 
  เป็นวงดนตรีที่ถือว่าเป็นต้นแบบในด้านความคิดความอ่านหลายๆ อย่าง...
ถือว่าเป็นงานครีเอทีฟที่นำสิ่งต่างๆ รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นใยแมงมุม กล้วยไข่ มาเสนอในแง่มุมใหม่ๆ ที่แปลกออกไปจากเดิม
   
 



อยากอ่านหน้าที่แล้ว | อยากอ่านอีก