ทะเล พระจันทร์ พระอาทิตย์
สีที่บ่งบอกความเป็นตัวแทนของทะเลได้ดีที่สุดคือสีน้ำเงิน อาจจะเป็นสีน้ำเงินเข้มในบางทีที่เกิดมีคลื่นลมแรง หรือสีน้ำเงินจาง ๆ ในบางเวลาขณะที่ทะเลสงบ ฉันนึกเปรียบเทียบเอาเองว่า ยามที่หัวใจกำลังเข้มแข็ง มีพลังต่อสู้ ต่อสิ่งอื่น ๆ ได้อย่างฮึกเหิม คงจะเปรียบได้กับสีน้ำน้ำเงินจาง ๆ ของท้องทะเล เพราะเมื่อใดใจเราสงบนิ่ง ไร้ต่อสิ่งรบกวนใด ๆ เมื่อนั้นเราจะมีสติพอที่จะขบคิด แก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นได้อย่างไร้กังวล แต่ถ้าเมื่อใดหัวใจกำลังอ่อนล้า อ่อนแรง ถูกเกาะกุม รุมเร้าให้ว้าวุ่น คงจะเปรียบได้กับสีน้ำเงินเข้ม ๆ ในยามที่ทะเลมีคลื่นลมแรง เกิดมรสุมทำให้ปั่นป่วน และคงจะต้องรอเวลาให้ทะเลที่กำลังเกิดพายุสงบลง เช่นเดียวกับขณะที่ข้างในตัวเรากำลังสับสน เวลาตัวเดียวกันนั้นจะเป็นเครื่องช่วยให้คอยแก้ไขสิ่งต่าง ๆ ลงได้เอง
พระจันทร์ดวงกลม ๆ บนท้องฟ้าเวลาเต็มดวง เราจะเห็นเป็นสีเหลืองนวลตา มองแล้วรู้สึกเย็นใจ สบายตา เชื่อว่าหลาย ๆ คนคงชอบมองพระจันทร์ยามค่ำคืน แล้วปล่อยจิตใจให้ล่องลอย อยู่กับความคิดของตัวเอง อยู่กับเรื่องราวต่าง ๆ ได้อย่างไม่มีที่สิ้นสุด เพราะตัวฉันเองบ่อยครั้งที่เป็นเช่นนั้น ที่เมื่อใดมีเวลาขึ้นมา จะต้องหาโอกาสออกไปชมจันทร์เสียบ้าง และด้วยเหตุนี้ หลายคนที่โชคร้ายบังเอิญได้มารู้จักกับฉัน มักหยิบยกคำว่า "คนอ่อนไหว" ให้ บ่อยครั้งเริ่มคล้อยตามไปกับคำ ๆ นี้ จนอาจกลายไปเป็นเริ่มหลงรักคำ ๆ นี้ อยากให้มีติดตัวตลอดไป แต่ไอ้การที่เป็นคนอ่อนไหวอยู่ตลอดเวลา อ่อนไหวไปกับทุกสถานการณ์ ฉันค้นพบได้กับตัวเองว่า ไม่ใช่เรื่องที่น่ายินดีเสียเท่าไรนัก ถ้าเรื่องที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ดีก็ดีไป แต่ถ้าเป็นเรื่องที่ทำให้หััวใจโดนกระทบ เกิดอาการสั่นคลอนด้วยแล้ว ก็น่ากลัวทีเดียวเชียว รู้อย่างนี้แล้วใครที่รู้ว่าตัวเองมีคำว่า "อ่อนไหว" อยู่ในตัวตน รีบคิดค้นหาวิธีป้องกันที่จะทำให้ไม่กลายไปเป็นคนที่อ่อนไหวต่อสิ่งที่เกิดขึ้นจนมากเกินไป เมื่อหาได้แล้วอย่าลืมที่จะสร้างเป็นกำแพงกั้น เพื่อเตรียมตัวสำหรับการรับมือกับความอ่อนไหวที่กำลังจะเคลื่อนตัวเข้ามา
ถ้าพูดถึงพระอาทิตย์แล้ว เราจะนึกถึงอากาศร้อน ความร้อน แสงแดด ความเข้มแข็ง มีอำนาจ และสีแดง ที่หลายคนลงความเห็นว่าเป็นตัวแทนของพระอาทิตย์ได้เป็นอย่างดี จริง ๆ แล้วยอมรับว่าไม่ค่อยชอบพระอาทิตย์เสียเท่าไรนัก เพราะฉันเป็นคนอารมณ์ร้อน ขี้หงุดหงิด ถ้ายิ่งได้ไอร้อนมาเป็นกำลังเสริมด้วยแล้ว ยิ่งทวีคูณหนักเข้าไปอีก เพราะอย่างนี้ฉันจึงเลือกที่จะเจอกับพระจันทร์ยามค่ำคืนมากกว่าการปะทะกันซึ่ง ๆ หน้ากับพระอาทิตย์ แต่พระอาทิตย์ใช่ว่าจะไม่มีข้อดีเลยทีเดียว พระอาทิตย์ทำให้เราสามารถแยกแยะกลางวัน กลางคืนได้อย่างชัดเจน เพราะพระอาทิตย์ให้แสงสว่าง สดใส ไม่น่ากลัว ในขณะที่พระจันทร์มอบความมืดมนกับถนนหนทาง บางครั้งก็ซุกซ่อนอันตรายไว้ใกล้ ๆ ตัวโดยที่เราไม่อาจล่วงรู้ได้เลย และพระอาทิตย์ในขณะที่กำลังโบกมืออำลาท้องฟ้าเพื่อกลับไปพักผ่อน เคยมีคนบอกเอาไว้ว่า เวลานั้นพระอาทิตย์ ท้องฟ้า พร้อมทั้งทะเล ช่างเป็นภาพที่สวยงามจังเลย และเป็นเครื่องหมายบ่งบอกด้วยว่า เราเองก็กำลังจะได้เวลาพักแล้วเช่นกัน
ไม่ว่าจะเป็นทะเล พระจันทร์ หรือพระอาทิตย์ ต่างก็ทำหน้าที่ของตัวเองได้อย่างดีที่สุดทั้งสิ้น เราไม่เคยเห็นทะเลหนีไปเที่ยว แล้วปล่อยทิ้งไว้ให้เหลือแต่แค่ผืนทราย และเราก็ไม่เคยเห็นพระอาทิตย์ไปขึ้นในเวลากลางคืนสลับกับพระจันทร์มาทักทายในเวลากลางวัน ในธรรมชาติล้วนมีกฎเกณฑ์ ขอบเขต ภาระหน้าที่ในตัวของมันเองอย่างเห็นได้ชัด เช่นเดียวกันกับมนุษย์เรา ก็มีกฎเกณฑ์ของสังคม หน้าที่ของตัวเอง ที่จะต้องรับผิดชอบและทำให้ดีที่สุดเช่นเดียวกัน เพราะฉะนั้น คงไม่แปลกอะไรที่ฉันจะมีความคิดที่ว่า ธรรมชาติก็คือเรา แล้วเราก็คือธรรมชาติ
โดยคุณ :
เนฌา อยากเขียน - [9:24:04 25 เม.ย. 2544] |