กระดานความรู้สึก


พาราเซตามอล : ยาสามัญ..อันตราย!(รู้ไว้...ใช่ว่า)
พาราเซตามอล : ยาสามัญ..อันตราย!

> > > >พาราเซตามอล ที่เรียกกันง่ายๆว่า พาราบ้าง พาราเซตบ้าง
> > > >เป็นยาประจำบ้านสำหรับลดไข้แก้ปวดที่รู้จักกันดี และ
> > > >ใช้กันอย่างแพร่หลาย
> > > >ก่อนยุคพาราเซตามอล ยาประจำบ้านที่ใช้แก้ไข้แก้ปวด
> > > >ได้แก่ แอสไพริน เป็นยาที่ซื้อง่ายขายคล่อง
> > > >มีทั้งชนิดเม็ด
> > > >น้ำเชื่อมและแบบผง ต่อมามียาเม็ดสีชมพูดออกจำหน่าย
> > > >เรียกว่า เอ.พี.ซี. ว่ากันว่าฤทธิ์แรงกว่าแอสไพริน เพราะ
> > > >
> > > >ใส่ตัวยาเพิ่มลงไปอีก 2 ตัว คือ เฟนาซีติน และคาเฟอีน
> > > >ชาวบ้านใช้ เอ.พี.ซี. อยู่นับสิบปี กว่าจะมีรายงาน
> > > >ออกมาว่าเฟนาซีตินกดไขกระดูก
> > > >และคาเฟอีนเป็นสารอันตรายต่อหัวใจและอาจเสพติดได้
> > > >สูตรเอ.พี.ซี จึงถูกยก
> > > >เลิกไป
> > > >แม้แต่แอสไพรินเองก็มีผลระคายเคืองต่อเยื่อบุกระเพาะอาหาร
> > > >และมีผลข้างเคียงอื่นๆ เช่น ทำให้เลือด
> > > >ออกง่าย
> > > >จังหวะนั้นพาราเซตามอลยาขนานใหม่จึงมาแทนที่แอสไพริน
> > > >ที่มาแห่งความนิยม
> > > >จากการศึกษาวิจัยพบว่าพาราเซตามอลเป็นยาที่มีผลเสียน้อย
> > > >ปลอดภัยในการใช้ จนให้มีการซื้อใช้ได้โดยไม่ต้องมีใบ
> > > >สั่งจากแพทย์
> > > >แต่ยาตัวนี้มีคุณสมบัติเพียงแค่ลดไข้บรรเทาปวดเท่านั้น
> > > >ไม่มีคุณสมบัติด้านอื่นๆเมื่อเทียบกับแอสไพริน แต่
> > > >หลายคนเข้าใจว่าพาราเซตามอลสามารถบำบัดรักษาอาการเจ็บป่วยได้สารพัด
> > > >ไม่สบายเป็นอะไรก็หาพาราเซตามอลมากินไว้ก่อน
> > > >คนเราส่วนใหญ่ที่ไม่สบายก็เป็นแค่ปวดหัวตัวร้อนหรือไข้หวัดธรรมดาๆ
> > > >เมื่อได้พาราเซตามอลก็ทุเลา
> > > >ขึ้น
> > > >พาราเซตามอลเลยกลายเป็นยาประจำบ้านที่ขายดิบขายดีกินกันเป็นว่าเล่น
> > > >ไม่ว่าจะปวดหัว ไข้หวัด ปวดเมื่อย
> > > >กล้ามเนื้อ ปวดหลัง เลยเถิดไปถึงปวดท้อง เวียนศีรษะ
> > > >ซึ่งอันที่จริงคงช่วยแก้อะไรไม่ได้
> > > >แต่ก็ทำให้สบายใจว่าได้
> > > >กินยาแล้ว
> > >
> >ทว่าใครจะรู้บ้างว่าอันที่จริงพาราเซตามอลไม่ใช่ยาเทวดาที่รักษาได้
> สารพัดโรค
> > > >นอกจากนั้นถ้ากินมาก
> > > >เกินขนาดยังอาจะเป็นผลร้ายต่อร่างกายเสียด้วยซ้ำ
> > > >ภัยที่คาดไม่ถึง
> > > >ในสหรัฐอเมริกาซึ่งมีการควบคุมการใช้ยาอย่างรัดกุม
> > > >ได้ศึกษาพบว่า พาราเซตามอล
> > > >ยาที่คิดกันว่าไม่มีพิษมีภัยหาก
> > > >ไม่กินเกินขนาดและยาวนานติดต่อกันนั้น
> > > >แท้จริงแล้วมีอันตรายที่ต้องพึงระวังอีกหลายอย่าง
> > > >อันตรายที่พบได้บ่อยขึ้น
> > > >เรื่อยๆคือเป็นพิษต่อตับ
> > >
> >
> >จากการสำรวจพบว่าพาราเซตามอลเป็นตัวการทำให้ตับวายได้บ่อยกว่ายาแก้โรค
> เบาหวานท
> > ี
> > > >่
> > > >
> > > >ชื่อ เรซูลิน ที่ถูกประกาศห้ามใช้ไปแล้วด้วยซ้ำ
> > >
> >
> >นอกจากนี้ในประเทศอังกฤษยังมีผู้พยายามฆ่าตัวตายโดยใช้พาราเซตามอลมี
> อัตราสูงจน
> > น
> > > >่าตกใจ
> > > >จนทางการ
> > > >สาธารณสุขต้องจำกัดการซื้อยาตัวนี้แต่ละครั้งมิให้มากเกินจำนวนที่
> กำหนด
> > > >
> > > >เสี่ยงตายโดยไม่ตั้งใจ
> > > >การใช้พาราเซตามอลเกินขนาดจนถึงขีดอันตราย
> > > >ส่วนมากเกิดโดยไม่ตั้งใจ เมื่อแรกออกสู่ตลาด พาราเซตามอล
> > > >
> > > >ชนิดเม็ดมี 2 ขนาด คือ 325 มก. และ 500 มก.
> > > >ผู้ใช้คิดว่าต้องกินครั้งละ 2 เม็ด ถ้าเป็นครั้งละ 325
> > > >มก. ก็
> > > >ไม่เท่าไร แต่ถ้าเป็นขนาด 500 มก.
> > > >กินเป็นครั้งคราววันละไม่เกิน 8 เม็ด เพียง 1-2
> > > >วันก็พอไหว แต่ถ้ากินเป็น
> > > >เวลายาวนานก็จะเกิดอันตรายต่อร่างกายโดยเฉพาะตับ
> > >
> >
> >สาเหตุที่ทำให้ได้ยาเกินขนาดอีกอย่างเกิดขึ้นเนื่องจากพาราเซตามอลเป็น
> ตัวยาหนึ
> > ่
> > > >งที่ถูกผสมลงในยาหลายชนิด
> > > >เล่น
> > > >ยาแก้หวัดและยาคลายกล้ามเนื้อ
> > > >ฉะนั้นใครที่กินยาจำพวกนี้แล้วกินพาราเซตามอลเพิ่มเข้าไปอีก
> > > >จึงได้รับยาเกิน
> > > >ขนาดโดยไม่รู้ตัว
> > > >การเอาพาราเซตามอลต่างชนิดผสมกันก็อาจเกิดอันตรายได้
> > > >พาราเซตามอลมีหลายรูปแบบ ความเข้มข้นของยาก็
> > > >ต่างกันไป
> > > >เรื่องที่ควรระวังอีกเรื่องคือ
> > > >การกินพาราเซตามอลควบคู่กับเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์
> > > >เช่น ไวน์หรือเหล้าผสม
> > > >เพราะมันจะอันตรายต่อตับรุนแรงยิ่งขึ้น
> > > >ถึงขนาดบางรายต้องเปลี่ยนตับกันมาแล้ว
> > >
> >
> >ผู้ปฏิบัติงานด้านการคุ้มครองผู้บริโภคหลายรายต้องการให้ติดป้ายเตือนถึง
> เรื่อง
> > พ
> > > >ิษของพาราเซตามอลต่อตับให้เห็นได้
> > > >
> > > >ชัดเจน
> > >
> >
> >พวกเขามีความเห็นว่าผู้บริโภคส่วนมากไม่ค่อยคำนึงว่าการกินยาตัวนี้เกิน
> ขนาดเป็
> > น
> > > >ไปได้โดยง่ายจากความ
> > > >
> > > >พลั้งเผลอ บางคนกินติดต่อกันนานวันเกินไป
> > > >บ้างก็กินยาขณะท้องว่าง หรือซื้อมาเพิ่มเสริมฤทธิ์ยาอื่น
> > > >โดยเฉพาะ
> > > >อย่างยิ่งคนบางคนมีความไวต่อยาสูง
> > > >กินเพียงไม่มากก็มีผลร้ายต่อตับได้
> > > >ยาทุกชนิดเปรียบเหมือนมีดสองคม
> > > >มีคุณอนันต์แต่ก็อาจมีโทษมหันต์ถ้าใช้ผิดวิธีหรือไม่ระวังรอบคอบใน
> การใช้
> > > >
> > > >ข้อมูล...นิตยสารใกล้หมอ
โดยคุณ : Mr.Mint - [9:33:36  7 ธ.ค. 2544]

ความคิดเห็นที่ 1
ขอฝากไว้อีกเรื่องนึงล่ะกันนะ

ประกาศเตือนไวรัส
ขณะนี้มีไวรัสชื่อ Goner.A ระบาดผ่านทาง ICQ และอี-เมล์ มีลักษณะของอี-เมล์ดังนี้


Subject: Hi
Body:
How are you ?
When I saw this screen saver, I immediately thought about you
I am in a harry, I promise you will love it!
Attachment: GONE.SCR

หากรันไฟล์ gone.scr ที่แนบมา จะปรากฏ
โดยคุณ :Mr.Mint - [9:36:40  7 ธ.ค. 2544]

ความคิดเห็นที่ 2
ขอบคุณมากนะค่ะที่ให้ความรู้เพราะฝนต้องศึกษาหาความรู้เหมืออนกัน
โดยคุณ :น้องฝน - [14:29:02  26 ส.ค. 2549]

ความคิดเห็นที่ 3
1
โดยคุณ :1 - [13:00:50  18 ส.ค. 2551]

ขอเชิญร่วมเสนอแนะความคิดเห็นครับ
จาก :
email :
icq :
รูปภาพ :

รายละเอียด

อาการ :



กรุณาคลิก "ส่งข้อมูล" เพียงครั้งเดียวครับ....