KAEW ไดอารี่ Seven days with HIV
ณ วันอาทิตย์ที่ 18 มีนาคม มีเหตุการณ์ๆนึง เกิดขึ้น เป็นเหตุการณ์ที่เป็นจุดเปลี่ยนของชีวิตทั้งชีวิตของเรา
เช้าวันนั้นก็เหมือนวันปกติทั่วๆไป แต่มันไม่ค่อยปกติสำหรับเรา เพราะเราจะต้องไปในสถานที่ที่เราไม่ชอบ คือต้องไปโรงพยาบาล
เราเกลียดและกลัวการไปหาหมอ กลัวเลือด กลัวเข็ม วันนั้นเราไม่ได้ป่วยหรอกนะ
เราจะไปตรวจสุขภาพน่ะ เราเรียนจบปริญญาโทเมื่อเดือนกุมภาพันธ์ และเริ่มหางานทำ
ในการสมัครงานครั้งแรก เราก็ได้งานทำทันที เป็นบริษัทใหญ่ มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันดี เค้ารับเราเข้าทำงาน
และนัดให้มาเริ่มงานในวันที่ 1 เมษายน
แต่ก่อนที่จะเริ่มทำงานก็ต้องเตรียมเอกสารต่างๆให้เรียบร้อย ซึ่งเราทำให้ครบหมดแล้ว เหลืออันนึงคือ ผลตรวจร่างกาย
เค้าให้ใบสั่งมาว่าให้ไปตรวจอะไรบ้าง
แล้วค่อยเอาผลไปส่งให้ที่บริษัท
เราก็เลยต้องไปตรวจในวันอาทิตย์ แล้วจะเอาผลไปส่งในวันรุ่งขึ้น
เราไปโรงพยาบาลแต่เช้าเพื่อตรวจร่างกาย เอกซ์เรย์ปอด ตรวจเลือด ซึ่งระบุให้ตรวจ ไวรัสบี กามโรค และ HIV
การตรวจร่างกายผ่านไปด้วยดี หมอชวนคุยเรื่องงาน ชมว่าเก่งนะเรียนจบก็ได้งานเลย
ก่อนไปเจาะเลือด หมอบ่นว่า เค้าจะตรวจ HIV ทำไมนะ ไม่เห็นเกี่ยวเลย เราก็คิดว่าอย่างนั้นหล่ะนะ หมอยังบอกอีกว่า เจาะเลือดแล้วไปเดินเล่นที่อื่นก่อน ตอนบ่ายค่อยมาเอาผลเลือดก็ได้
ไปเจาะเลือด เราก็กลัวมาก ไม่ชอบเลย เจ็บแขนมากด้วย เจาะที่แขนขวา เพราะแขนซ้ายหาเส้นไม่เจอ เจาะเลือดเสร็จเราก็กลับบ้านมานอนเล่น
>> > ตอนบ่ายเรากลับไปเอาผลตรวจร่างกาย พอไปถึงหน้าห้องตรวจ
>> > เรารู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างแปลกๆไป พอเราแจ้งชื่อ
>>และบอกว่าเรามารับผล
>> > พยาบาลที่อยู่แถวๆนั้น หันมามองเราทุกคน
>> > แฟ้มประวัติเราวางเด่นอยู่บนเคาเตอร์
>> > เราก็ชักงงๆแฮะ มองเราทำไม
>> > แล้วก็มีพยาบาลคนนึงมาหยิบแฟ้มแล้วบอกให้เราเดินตามมา
>> > เค้าพาไปในห้องที่เรามาตรวจเมื่อเช้า เป็นห้องตรวจโรคธรรมดาๆ
>> > ที่มีประตูเป็นบานเลื่อน แต่ประตูจะเปิดอยู่ตลอดเวลา
>> > หน้าห้องก็มีคนไข้และญาติ
>> > นั่งรอเรียกตามคิว ห้องตรวจนี้อยู่ติดๆกัน
>>จึงมีคนนั่งหน้าห้องหลายคน
>> >
>> > เราเข้าไปในห้อง ก็เจอหมอคนเดิม เค้าก็บอกให้เรานั่ง
>> > เก้าอี้มันก็อยู่ติดๆประตูที่เปิดอยู่นั่นแหละ หมอก็นั่งตรงข้าม
>> > แล้วรับแฟ้มจากพยาบาล หมอทำหน้าเครียดๆ ไม่ยิ้ม
>> > ไม่คุยกับเราเหมือนเมื่อเช้าเลย
>> > พยาบาลคนนั้นก็มองเราแปลกๆ แล้วหมอก็พูดขึ้นว่า ร่างกายแข็งแรงดีนะ
>> > ผลเอกซ์เรย์ปอดก็ปกติ แต่ผลเลือดมีปัญหา
>>แล้วเค้าก็หันแฟ้มของเราเองมาให้ดู
>> >
>> > พร้อมบอกว่า ผลเลือดเป็นบวกนะ คุณมีเชื้อไวรัส HIV
>> >
>> > ตอนนั้นเรามองอะไรไม่รู้เรื่องหรอก มันชาไปทั้งตัว
>>ความรู้สึกบอกไม่ถูก
>> > มึนงงไปหมด มันเกิดขึ้นได้ยังงัย ได้ยินเสียงหมอแว่วๆว่า
>> > ไปได้รับเชื้อมาจากไหนหล่ะเนี่ย มีแฟนรึยัง
>> > แล้วผลเลือดเป็นอย่างนี้จะไปยื่นให้ที่ทำงานเค้าได้อย่างไร
>> > เราหูอื้อไปหมดแล้ว บอกกับหมอว่า ไม่จริงหรอกค่ะ
>>มีอะไรผิดพลาดรึเปล่า
>> > มันไม่มีทางเกิดขึ้นได้นี่นา
>> > หมอตรวจใหม่ได้รึเปล่า หมอบอกว่า ตรวจยืนยันก็ได้
>>แต่ผลมันคงไม่เปลี่ยนหรอก
>> >
>> > เพราะนี่ก็ตรวจอย่างดีแล้ว แล้วหมอพูดอะไรอีกก็ไม่รู้
>>เราไม่รู้เรื่องแล้ว
>> > เค้าปรึกษาอะไรกับพยาบาล แล้วถามเราว่าตกลงจะตรวจอีกเหรอ
>>เราบอกว่าจะตรวจ
>> > พยาบาลเลยพาออกมาจากห้อง ตอนเดินออกมา เรารู้สึกว่า
>> > สายตาทุกคู่บริเวณนั้นมองเราอยู่นะ
>> >
>> > พยาบาลพาเราไปจ่ายเงินค่าตรวจยืนยัน 1,500 บาท และต้องรอ 2
>>อาทิตย์จึงรู้ผล
>> >
>> > จ่ายเงินเสร็จ ไปเจาะเลือดใหม่ คราวนี้จำเป็นต้องเจาะแขนซ้าย
>> > เพราะแขนขวาที่เจาะไปเมื่อเช้าเขียวช้ำเป็นวงกว้าง
>> > เจาะเลือดครั้งนี้ไม่เจ็บเลย
>> > เพราะมันยังชาไปทั้งตัว เสร็จเค้าให้เรากลับบ้าน
>>ก็ขับรถกลับบ้านเอง
>> > ไม่ได้ร้องไห้ แต่มึนงง ไม่รู้มาถึงบ้านได้ยังงัยเหมือนกัน
>> >
>> > คืนนั้นเราพยายามโทรทางไกลไปหาแฟน โทรอยู่นานกว่าจะติด
>>พอได้ยินเสียงเรา
>> > พี่เค้าร้องไห้เลย เท่านั้นเราก็รู้แล้ว
>>ไม่ต้องรอผลยืนยันอะไรทั้งสิ้นแล้ว
>> >
>> > ไม่มีคำพูดอะไร มีแต่น้ำตาของคนสองคน ที่อยู่ไกลกัน 700 กว่ากิโล
>> >
>> > KAEW ไดอารี่ Seven days with HIV
>> > วันนี้ครบ 7 วันแล้วค่ะ ที่รู้ว่ามีเจ้า HIV
>> > แอบอยู่ในเลือด(เค้าคงแอบมานานแล้ว
>> > แต่ไม่กล้าแสดงตัว) 7 วันนี้ได้ประสบการณ์ที่ไม่อาจลืมเลือน
>> > มีการเปลี่ยนแปลงต่างๆเกิดขึ้นมากมาย โดยเฉพาะด้านความคิด
>> >
>> > วันที่หนึ่ง ความคิดแรกที่มีคือ ไม่จริง เป็นไปไม่ได้
>> > ความคิดต่อมาซึ่งเป็นความคิดเดียวที่วนเวียนอยู่ตลอดคืนคือ อยากตาย
>> > สับสนวุ่นวายมาก วันนั้นไม่ได้นอนทั้งคืน ไม่ได้กินด้วย
>> > เปิดซองผลตรวจสุขภาพ
>> > ทุกครึ่งชั่วโมง ด้วยหวังว่าผลมันจะเปลี่ยน
>> >
>> > วันที่สอง วัดใจกัน บอกข่าวกับเพื่อนรัก โชคดีที่ได้เพื่อนดี
>>เลยรอดตาย
>> > ไม่งั้นคงฆ่าตัวตายในวันนั้นแหละ
>>เริ่มยอมรับความจริงว่าเราไม่ได้ฝันไปแฮะ
>> > ทุกอย่างนี่ของจริงแท้แน่นอน วันนี้ก็ยังไม่ได้กินอะไร กินไม่ลงน่ะ
>> > แต่ได้นอนบ้าง ร้องไห้จนหลับไปเลย
>> >
>> > วันที่สาม ตื่นขึ้นมาดูที่แขนตัวเอง ยังเขียวมากทั้ง 2 ข้างเลย
>> > ดูผลตรวจเลือดใหม่ มันก็เป็น Reactive เหมือนเดิม สับสน งงๆ
>> > จะบอกที่บ้านดีมั้ย
>> > คิดไม่ออกเลยผ่านไปก่อนแล้วกัน ยังร้องไห้อยู่บ้าง
>>แต่ก็น้อยลงเยอะแล้ว
>> >
>> > วันที่สี่ เริ่มเข้มแข็งขึ้น ไหนๆมันก็เป็นแล้วนี่
>>และยังงัยรักษาก็ไม่หาย
>> > ก็ต้องยอมรับความจริง ต้องสู้กับมันดูสักตั้ง
>>ก็เลยพยายามทำความเข้าใจ
>> > หาข้อมูล หาความรู้เกี่ยวกับไวรัส HIV โรค AIDS โดยหาจาก net
>> > และโทรไปคุยกับมูลนิธิที่เค้ามีบริการโทรศัพท์ให้คำปรึกษา
>> >
>> > วันที่ห้า เริ่มวางแผนดูแลตัวเอง แผนการดำเนินชีวิต
>> > แต่ต้องค่อยๆเป็นค่อยๆไป
>> > เดี๋ยวที่บ้านจะผิดสังเกต เริ่มหาข้อมูลเรื่องอาหารชีวจิต
>>ศึกษาธรรมะต่างๆ
>> > โชคดีที่ชอบอ่านหนังสือ และสนใจศาสนาอยู่พอควร ช่วยได้เยอะเลยหล่ะ
>> > ปลงได้มาก
>> > มันคงเป็นเวรกรรมที่ทำมา ก็ต้องชดใช้กันไป
>> > คนเราเกิดมาก็ต้องตายทุกคน ยังงัยก็หนีไม่พ้น
>> >
>> > วันที่หก ไปเจาะเลือด(อีกแล้ว) ตรวจ CD4
>>หาระดับภูมิคุ้มกันของร่างกายน่ะ
>> > พี่ที่เป็นเจ้าหน้าที่ให้คำปรึกษา เค้าชมว่าเราเก่ง เข้มแข็งมาก
>> > ทำใจได้เร็วมาก
>> > (แต่จริงๆ เราเข้มแข็งเป็นบางพักน่ะ) เค้าบอกว่า
>>เราเรียนมาตั้งปริญญาโท
>> > เราต้องสู้ด้วยสติ ด้วยความรู้ที่มี อย่าคิดสั้นเป็นอันขาด
>> >
>> > วันที่เจ็ด วันนี้เอง ไปช่วยเพื่อนที่ยังไม่จบทำวิทยานิพนธ์
>> > ก็ทำตัวให้เป็นประโยชน์ และจะได้ไม่ว่างให้คิดมากด้วย
>>เตรียมลังไว้ใส่ของ
>> > จะเอาของที่ไม่จำเป็นไปบริจาคค่ะ เดี๋ยวตายไปก็เอาไปไม่ได้
>> > เก็บไว้รกบ้านเปล่าๆ
>> > จะจัดห้องใหม่ด้วยหล่ะ เพราะต้องดูแลความสะอาดดีๆ ห้องรกๆ
>> > มันจะมีฝุ่นและเชื้อโรค
>> >
>> > สรุปได้ว่า ในความโชคร้ายสุดๆ มันก็ยังมีข้อดีนะคะ
>> > เช่นทำให้เราเห็นคุณค่าของเวลา ต่อไปนี้ทุกวินาทีมีค่า
>> > เพราะเรานับถอยหลังเวลาของชีวิตแล้ว
>>ทำให้เรารู้จักตัวเองดีขึ้นด้วยนะ
>> > มีความเป็น
>> > อยู่ที่เรียบง่ายขึ้นมาก ต่อไปไม่ซื้อของฟุ่มเฟือยแล้ว
>>ไม่มีประโยชน์
>> > เดี๋ยวก็ไม่ได้ใช้แล้ว
>> >
>> > ไม่ต้องฝืนกินอาหารลดความอ้วน หรือควบคุมน้ำหนัก
>>เพราะอีกหน่อยก็ได้ผอม
>> > ไม่ต้องรีบผอมตอนนี้ก็ได้ ต่อไปจะผอมเป็นหนังหุ้มกระดูกเลยหล่ะ
>> > ไม่ต้องอยากหน้าใสไปทำ AHA ด้วย ครั้งละตั้ง 500 เก็บตังค์ไปตรวจ
>>CD4
>> > ดีกว่า
>> >
>> > หนุ่มๆที่มาป้วนเปี้ยนจีบอยู่ก็ไม่ต้องสนใจมาก
>> > เพราะแต่งงานไม่ได้อยู่แล้ว(ไม่ต้องห่วงนะคะ เราไม่แบ่งเจ้า HIV
>> > ให้ใครหรอก)
>> > เราได้เค้ามาจากความไม่รับผิดชอบของคนอื่น
>> > เราจะไม่ให้ใครเดือดร้อนแบบเราหรอกคะ
>> >
>> > ที่สำคัญ เราเข้าใจในหลักของศาสนาได้ดีอย่างไม่เคยรู้สึกมาก่อน
>> > ทุกอย่างไม่เที่ยง ต้องอย่ายึดมั่นถือมั่น โดยคุณ :
Mr.Mint - [7:12:39 14 ต.ค. 2544] |