++++ชมรมคนใจง่าย++++
.................................................
นอกจากจะเข้าสังกัดอยู่ที่ชมรมคนสนิทฯ แล้ว
ดุกดุ๋ยว่าตัวเองและหลายคนในนี้ ก็มีคุณสมบัติเฉพาะตัวที่เข้าข่าย ว่าสามารถจะเข้าชมรมคนใจง่ายได้อีกหนึ่งชมรม
เหตุเกิดจากตอนเย็นของวันนี้ ขณะที่ตัวเองกำลังนั่งกินอะไรอยู่อย่างเพลิดเพลิน
sunflower ก็โทรมาหา พร้อมเอ่ยปากชวนไปกินข้าวด้วยกัน
ดุกดุ๋ยซึ่งขณะนั้นของกินยังอยู่เต็มปาก ก็ทำเสียงอู้อี้พอเป็นพิธี ก่อนจะตกปากรับคำไปอย่างง่าย ๆ โดยไม่ลืมจะกำชับให้โทรหาคนอื่นๆ ที่จะมากินข้าวด้วยกันได้
สองสาวที่ตกลงปลงใจมาอย่างง่าย ๆ ได้แก่ ปราง และ pitsie~
ความตั้งใจแรกของแต่ละคนคือ มากินข้าวกันเฉย ๆ แล้วหลังจากนั้น คงจะรีบกลับบ้าน เพราะพรุ่งนี้ก็ต้องไปทำงานกันแต่เช้า
หลังจากกินข้าวกันเสร็จเรียบร้อย เราดูเวลาในขณะนั้น ประมาณสามทุ่ม
ใครในกลุ่มเอ่ยปากว่า หลังสองทุ่ม ตั๋วหนังที่นี่จะลดราคาเหลือแค่ แปดสิบบาทเท่านั้น
ดุกดุ๋ยซึ่งเห็นแก่ของถูกเป็นสรณะ ก็เริ่มสองจิตสองใจ (คิดว่าคนอื่นก็เป็นเหมือนกัน) เลยมองหน้าแต่ละคนเพื่อหยั่งเชิง
แค่มองตาก็รู้ไปถึงไหนต่อไหน
เราลืมเรื่องที่จะรีบกลับบ้านไปเสียสนิท
ทุกคนเลยตกลงกันอย่างง่าย ๆ ว่าจะดูหนังกันซักเรื่องก่อนจะกลับบ้าน
ระหว่างรอหนังฉาย เลยชวนกันคุยถึงเรื่องไปชะอำ ในวันเสาร์ที่จะถึงนี้
ดุกดุ๋ยบอกปฏิเสธไปแต่เนิ่น ๆ เพราะรู้ว่าวันเสาร์มีงานจะต้องทำในช่วงบ่าย ก็คงจะไปกับเขาไม่ได้อย่างแน่นอน
พี่ดุ๋ยตามไปตอนเย็นสิ ปรางยื่นข้อเสนอขึ้นมาลอย ๆ
เฮ้ย ดุกดุ๋ยอุทานเสียงลั่น แต่ในใจเริ่มโอนอ่อน
ไม่อ่ะ จะไปยังไงล่ะ กว่าจะทำงานเสร็จก็เย็นแล้ว นั่งรถไปอีกสามชั่วโมง ถึงนั่นก็มืดแล้ว ดุกดุ๋ยโบกไม้โบกมือประกอบคำพูด
ไปเหอะ แล้วเดี๋ยวมารับที่ท่ารถ sunflower ยื่นอีกข้อเสนอ
ทีหัว ซึ่งไม่ได้มาด้วย ก็โทรเข้ามาพอดี เหมือนจะรู้ว่ากำลังคุยกันเรื่องอะไร
..พี่ดุ๋ยไปชะอำกัน
.
เนี่ย ลองชวนพี่ม่อนฝ้ายสิ เขาก็ทำงานวันเสาร์เหมือนกัน แล้วนั่งรถไปด้วยกันก็ได้
ดุกดุ๋ยหัวเราะ ในใจคิด ไม่มีทางหรอก ยังไงก็ไม่น่าจะไปได้ แต่ก็ลองโทรศัพท์ไปชวนดู
..แอน
ดุกดุ๋ยเรียกเสียงหวานเชียว
เสาร์นี้ตามไปชะอำตอนเย็นกันมั้ย ดุกดุ๋ยรวบรัดตัดความ ไม่ถามให้ยืดเยื้อ เพราะรู้ว่ามันไม่น่าจะเป็นไปได้
ม่อนฝ้ายเจอแบบนี้ก็อึ้งไปชั่วครู่ ก่อนตอบกลับมาเสียงหวานไม่แพ้กัน
ไปค่ะ เจอกันกี่โมงดีคะ
น่านนนนนนน ให้มันได้อย่างนี้สิ
แผนการไปชะอำเลยถูกกำหนดขึ้นมาอย่างง่าย ๆ ว่าแต่ละคนจะไปกันในตอนเช้าวันเสาร์ ส่วนดุกดุ๋ยกับม่อนฝ้าย จะตามไปตอนกลางคืน
ว่าแต่ไปถึงก็กลางคืนละ มีอะไรให้ทำล่ะ ดุกดุ๋ยเริ่มงอแง
เดี๋ยวพาไปตลาดโต้รุ่ง sunflower ตอบกลับทันควัน เหมือนจะรู้ว่าถ้าอะไรที่เกี่ยวกับอาหารและโภชนาการ มักจะได้ผลกับดุกดุ๋ยแทบทุกครั้ง
ก็ได้ ดุกดุ๋ยรับคำ ก่อนจะมโนภาพถึงเมนูอาหารที่หลากหลาย
เฮ้ย หาคนเล่นกีตาร์ไปด้วยอีกคนสิ เพราะบ้านพักน่ะ มันริมหาดเลยนะ บรรยากาศกลางคืนนี่ใช้ได้เลย ชวนกันฟังเสียงคลื่น แล้วร้องเพลงกัน อืม อืม มันก็ต้องมีกีตาร์ด้วยนะ เชื่อเรา เชื่อเรา ปรางกับ pitsie~ เตือน
เราช่วยกันนึกชื่อคนที่จะไปเล่นกีตาร์ริมหาดให้ หลายชื่อถูกเอ่ยขึ้นมาเป็นระยะ ๆ ไม่ว่าจะเป็นสมโภชน์ ดำเกิงเดช หรือ พิเชษฐ์ไชย สุดท้าย sunflower นึกได้ว่ามีเพื่อนชายอยู่คนหนี่ง เล่นกีตาร์เก่งมาก
เอาคนนี้ดีกว่าพี่ เล่นเก่งมาก ขอเพลงไหนได้เพลงนั้น ขอยินยอมได้ยินยอม ขอคาใจได้คาใจ ชอยังมี ได้เก็บใจแถมให้ด้วยเอ้า
ใช่ ใช่ เห็นด้วย ปลายฟ้าเจ้าของสถานที่พัก ซึ่งคงจะพอรู้กิตติศัพท์อยู่บ้าง รีบโทรมาคอนเฟิร์มว่าเล่นเก่งจริงๆ
โทรไปชวนเลยดีกว่า เนฌา ซึ่งไม่ได้มาด้วยอีกเช่นกัน ก็อุตส่าห์โทรมาช่วยออกความคิด
แล้วเราก็ตัดสินใจโทรไปหา
เจ้าของกีตาร์หลังจากถูกชวน ก็คงจะหยุดคิดพอเป็นพิธีประมาณซัก 15 วินาที ก่อนจะบอกว่าตอนบ่ายวันนั้นมีสอบแล้วตอนเย็นมีเรียนต่ออีกหนึ่งวิชา
แต่ อืม อืม ไม่เป็นไร ขอเราสอบก่อนละกัน แล้วเดี๋ยวตอนเย็นจะโดดเรียนไปให้ ไปเจอกันที่นั่นเลยละกันนะ
เสียงนั้นรับปากกลับมาอย่างง่าย ๆ
ง่ายจนทำให้ดุกดุ๋ยยิ่งเชื่อสมมติฐานของตัวเอง
สมมติฐานที่ว่า
การที่คนกลุ่มหนึ่ง เขาจะไปเที่ยวชะอำนั้น
มันไปได้ง่าย และง่าย อย่างไม่น่าเชื่อเลยจริงจริง
โดยคุณ :
ดุกดุ๋ยก่ะดึก - [2:13:00 19 มิ.ย. 2546] |