กระดานความรู้สึก


ขอแรงกระตุ้น.....ขอบคุณมากกกกค่ะ
ขี้เกียจมากตอนนี้  ทำยังไงให้กลับมาทำงานหนักได้เหมือนเดิมคะ ออกจากหอเกือบทุกวันตลอดสามอาทิตย์ที่ผ่านมา ตอนนี้....ยังไม่อยากกลับมาเขียนงานวิทยานิพนธ์เลย

concept มันใช้ได้หมดแล้วหล่ะ เหลือแค่เก็บรายละเอียด แต่ต้องตั้งใจจดจ่อกับมันน่ะ

ทำไงดีให้กลับมามีสมาธิได้เหมือนเดิม พยามนั่งสมาธิแต่จิตมันฟุ้งซ่านน่ะ ขณะพิมพ์อยู่นี้ ยังคิดอีกแน่ะว่าพรุ่งนี้จะออกไปเดินเล่นอีก.....เพื่อนๆมีคำพูดเด็ดๆ ที่ทำให้เรากลับมาขยันอีกบ้างรึป่าว ถ้ามีช่วยหน่อยนะจ๊ะ
โดยคุณ : จำปาเทศ - [1:30:52  18 ก.ค. 2550]

ความคิดเห็นที่ 1
ยังไม่มีคำพูดเด็ดๆ หรอกค่ะ แต่จะบอกว่าสถานการณ์คุณจำปาเทศตอนนี้โอเคแล้วค่ะ
ถ้าไม่ได้มีเส้นตายให้ต้องรีบจบภายในเดือนสองเดือนนี้
ไปเดินเล่นอีก 2-3 วัน  ฟังเพลงเฉลียงให้สบายใจ แล้วลองตั้งใจกลับมาทำงานต่อ
ไม่ต้องทำงานหนักหักโหมทั้งวันก็ได้ค่ะ ค่อยๆ ทำให้มันมีความคืบหน้าทีละน้อยๆ
อย่าเอาแต่คิดว่าเมื่อไหร่จะเสร็จๆ ตั้งใจทำไปเรื่อยๆ ตั้งสติดีๆ
เก็บรายละเอียดวันละนิดละหน่อย เดี๋ยวเครื่องติดแล้วก็ฉิวเองล่ะค่ะ

เฮ้อ.... ทำเป็นพูดดีไป เรายังไม่มีหัวข้อเลย จะโดนบังคับสอบเดือนหน้าแล้ว
โดยคุณ :อิคคิว - [2:06:08  18 ก.ค. 2550]

ความคิดเห็นที่ 2
เคยผ่านมาก่อน
อยากจะบอกว่า...
อย่าหมกมุ้นกับมันมากนัก
ลองไปคุยกับเพื่อนๆ กับอาจารย์ดูบ้าง
มันอาจจะได้มุมมองในอีกมุมที่เราไม่รู้
***
ค่อยๆเขียน
เขียนไปเล่นเกมส์ไป ฟังเฉลียงไป
อาจทำให้อาการดีขึ้น
โดยคุณ :arnui - [8:30:42  18 ก.ค. 2550]

ความคิดเห็นที่ 3
ผมว่าผมเข้าใจนะครับ คิดว่าเคยผ่านความรู้สึกอย่างนั้นมาก่อน

ไม่รู้จะบอกว่ายังไงดี สิ่งที่เราต้องทำ มันก็คือต้องทำแหละครับ
เราไม่สามารถหนีไปได้ เราอยากจบปริญญาใบนี้เพราะอะไรล่ะ
เพื่อให้คนรอบข้างสบายใจ เพื่อให้เราได้มีโอกาสทำอะไรตามใจ
ได้อย่างสบายใจขึ้น คงต้องหาแรงบันดาลใจ เอ๋ หรือจะรอไฟรนก้นดี

สำหรับผมถ้าไม่มีวันกำหนดส่งแล้ว ผมก็คงทำงานไม่เสร็จหรอกครับ
เพื่ออนาคต เพื่อความฝัน เพื่อความสบายใจ เพื่อความเป็นไท
โดยคุณ :JuLaJuP :P - [12:27:25  18 ก.ค. 2550]

ความคิดเห็นที่ 4
5555 เคยผ่านมาเหมือนกัน...เราอู้เป็นปีเลย
แต่พอนึกได้ว่า ใกล้ต้องเสียค่าเทอมรักษาสภาพแล้ว ไฟมันลนก้นเอง....

อ่อ มีอีกเทคนิค นัดอาจารย์ว่าจะเอาไปให้อ่านกำหนดวันเลย เพราะจะทำให้เราต้องทำอะไรสักอย่างตามกำหนดไม่เสียคำพูด อันนี้ช่วยได้เหมือนกัน หรือถ้าแน่จริงกำหนดวันสอบไปเลย กล้าเปล่า!!!

อีกอย่างก็ เรามักไปทำงานที่ห้องสมุด เพราะได้บรรยากาศ ถ้าอยู่หอ หรืออยู่บ้าน 5555 หลับเป็นตายยยยยย

เอาใจช่วยจ้า สู้ ๆ
โดยคุณ :เด็กน้อยไม่ยอมเรียน - [16:28:23  18 ก.ค. 2550]

ความคิดเห็นที่ 5
เคยถ่านหมดแบบนี้เหมือนกันเป็นสิบรอบเลยค่ะระหว่างที่ทำวิทยานิพนธ์เนี่ย แต่ทุกครั้งก็จะพยายามคิดว่า ถ้าถ่านหมดตอนนี้ แล้วจาเอาเรี่ยวแรงที่ไหนมาดีใจเมื่อวิทยานิพนธ์ผ่านอะค้า คิดได้เยี่ยงนั้น ก็จารีบลุกจาซากที่นอนแล้วกระโจนใส่กองหนังสือและกองเอกสารทั้งหลายแหล่อีกครั้งนึง พูดคุยหาข้อมูลจากประชากรตัวอย่างเยอะๆ ขอคำปรึกษาจากอาจารย์ที่ปรึกษาบ้าง ละจะพบทางสว่างจ้า ขอให้ผ่านจุดนี้ไปได้นะคะ โชคดีค่ะ
โดยคุณ :princemui - [16:55:34  18 ก.ค. 2550]

ความคิดเห็นที่ 6
คิดว่าใครที่เคยทำวิทยานิพนธ์ก็คงเคยถ่านหมดมานับครั้งไม่ถ้วนเหมือนกันแหละค่ะ  เพราะตอนที่ถ่านตัวเองหมดมันไม่หมดธรรมดานะคะ  มันพลอยจะเลิกๆๆๆๆๆไม่ทำแล้ว ช่างมัน  ผ่านไปสักเดือนกว่าจะหันไปมองกองเอกสาร มองเฉยๆแล้วก็ทำอย่างอื่น ผ่านไปอีกเดือนก็หยิบมาอ่านนิดๆ แล้วก็ค่อยๆโน๊ตว่าจะต้องทำอะไรบ้าง เช่น น่าจะไปหาข้อมูลที่ไหนวันไหนเอาแค่ครึ่งวันพอแล้วอีกครึ่งวันก็ไปดูหนัง ทำอยู่อย่างเนี้ยระยะนึง พอรู้ตัวอีกทีก็นั่งทำเต็มวันซะแล้ว  อาจลองเอาวิธีนี้ไปลองทำดู   เอาใจช่วยนะคะ  เพราะวิทยานิพนธ์ยังไม่ใช่สิ่งยากสุดเพราะยังไงมันก็ขึ้นอยู่กับตัวเรา  ดีเฟนกับบัณฑิตวิทยาลัยยากกว่าอีกค่ะ

สู้ๆ
โดยคุณ :mhee - [19:32:41  18 ก.ค. 2550]

ความคิดเห็นที่ 7
...........................................................

ใจเย็นๆ ไว้ทำทีหลัง

...........................................................
โดยคุณ :ติดดิน...จะถูกด่าไหมนี่ - [23:58:46  18 ก.ค. 2550]

ความคิดเห็นที่ 8
เคยเมื่อหลายสิบปีมาแล้ว ตอนทำปริญญาโท เพื่อนสนิทบอกว่า
เธออย่าใช้อารมณ์ศิลปินในการเขียนวิทยานิพนธ์มากนัก
เดี๋ยวไม่จบนะ
ตอนทำปริญญาเอก เพื่อนรุ่นน้องโทร.มาจิกทุกเช้าว่า พี่อยู่ที่
ไหน อยู่บนโซฟาหรือเปล่า ลุกมานั่งหน้าเครื่องคอมพิวเตอร์
เดี๋ยวนี้
ถ้าไม่มีเสียงเหล่านี้คอยช่วย ชีวิตก็คงจะยากกว่านี้อีกเยอะค่ะ
ตอนนี้จบมานานแล้ว แต่ก็ยังจำความรู้สึกหน่ายจับใจตอนนั้นได้ดี
แต่เชื่อว่า ความรู้สึกแบบนี้มันจะเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไป
เหมือนกับสิ่งทั้งหลายทั้งปวงในโลกนี้
คุณจำปาเทศลองนั่งสังเกตความรู้สึกที่เกิดขึ้น แบบคนนั่งมองอยู่
ข้างนอกสิคะ เดี๋ยวมันก็จะหายไปเอง ไม่มีอะไรถาวร
ขอให้โชคดีค่ะ
โดยคุณ :สาวสี่สิบ+ - [10:20:24  19 ก.ค. 2550]

ความคิดเห็นที่ 9
เคยผ่านมาเหมือนกันค่ะ ตอนนั้นอยู่ไกลบ้านด้วย
คิดถึงบ้านก็คิดถึง อยากลับบ้าน ฟุ้งซ่าน
ใช้วิธีไปเที่ยวค่ะ ไปให้พ้นจากสภาพที่จำเจ
ไม่คิดถึงอะไรทั้งนั้น ปล่อยวาง
พอสบายใจก็กลับมาเริ่มใหม่ค่ะ

อาจารย์เราเคยบอกว่า...
It hasn't got to be good but it has got to be done  ค่ะ


โดยคุณ :มันแกว - [17:19:33  19 ก.ค. 2550]

ความคิดเห็นที่ 10

หลายๆอย่างบนโลกนี้
เกิดขึ้น....จากความคิดมากของคน

และหลายๆอย่างบนโลกนี้
ก็ไม่ได้เกิด....เพราะความคิดมากของคน


ถ้าตอนนี้คิดแล้วมันไม่ยอมเกิด
ก็ลองให้มันเกิดจากความไม่คิดบ้าง...น่าจะพอได้นะ
โดยคุณ :ลานตะเกียง - [0:29:27  20 ก.ค. 2550]

ความคิดเห็นที่ 11
ขอบคุณ ทุกคน: คุณอิคคิว, คุณarnui, คุณJuLaJuP :P, คุณเด็กน้อยไม่ยอมเรียน, คุณprincemui, คุณmhee, คุณติดดิน...ไม่มีใครด่า ออกจะน่าเอ็นดู, คุณสาวสี่สิบ+, คุณมันแกว, และ  คุณลานตะเกียง มากจ้าที่เข้ามาตอบกระทู้เป็นกำลังใจให้เรา

วันนี้เริ่มค่อยๆ กลับมาจับงานอีกครั้งแล้ว เราหวังว่าจะจัดการทุกอย่างได้เรียบร้อย และ ได้กลับเมืองไทยในวันที่ 31 มกราคม 2008 (วีซ่าหมดอายุวันที่ 1 กุมภาพันธ์ 2008) กลับเมื่อไร แล้วอาจจะได้เจอเพื่อนๆ แฟนเฉลียงสักวัน .... :)

โดยคุณ :จำปาเทศ - [2:49:33  20 ก.ค. 2550]

ความคิดเห็นที่ 12
มีคนให้กำลังใจคุณจำปาเทศเยอะแล้วดีจัง
อย่าเป็นเหมือนเรานะคะ อู้จนเกือบหมดเวลา ทำจริงๆใช้เวลาทั้งหมดไม่ถึงหกเดือน พอผ่านแล้วอาจารย์ที่ปรึกษาสอนเราว่า "ครูรู้ว่าเธอทำได้ จริงๆแล้วเธอน่าจะจบตั้งนานแล้ว ทำไมไม่มีสมาธิกับมันมุ่งมั่นทำให้ได้ เพื่อให้เป็นความภาคภูมิใจของตัวเอง" อ่านเมล์อาจารย์จบน้ำตาแทบร่วงเลยค่ะ
อดทนและตั้งสมาธิหน่อยนะคะเดี๋ยวก็จะผ่านไปได้ด้วยดี แล้วจะพบกับความรู้สึกที่ว่า เรานี่ก็เก่งเหมือนกันแหะ
โดยคุณ :แฟนเฉลียงรุ่นกลาง - [0:52:43  21 ก.ค. 2550]

ความคิดเห็นที่ 13
ผมคิดถึงเรื่องที่โทมัส เอดิสัน ประดิษฐ์หลอดไฟ ผมคงไม่ต้องเล่ารายละเอียดเรื่องความพยายามของเขาแล้วนะครับ แต่วันนี้ประเด็นมันคือเรื่องของความอยากรู้ของเขาที่มีต่อหลอดไฟครับ ผมเชื่อว่าเอดิสันมีความอยากรู้ในเรื่องนี้มากๆ จนทำให้เขาเริ่มลงมือทดลอง ทดลองและทดลอง

ลองคิดถึงตอนคุณจำปาเทศเร่ิมเลือกเรียนวิชาหรือคณะนี้ดูนะครับ ความรู้สึกที่เราอยากเรียนในสิ่งที่เราอยากรู้ ตอนนี้เรากำลังเขียนสิ่งที่เราเคยอยากรู้และได้รู้แล้ว เขียนด้วยความรู้สึกและความรู้ที่เรามีครับ เมื่อเราอยากรู้ เราจะอยากขลุกกับมันโดยอัตโนมัติเองครับ

ตอนนี้ผมอยากรู้จังว่านายเอดิสันจะรู้มั้ยว่าหลอดไฟที่เขาประดิษฐ์ขึ้นเพราะความอยากรู้นี่มันเป็นประโยชน์ต่อคนทำวิทยานิพนธ์อย่างมาก?

และอยากรู้ว่าคุณจำปาเทศกำลังเขียนวิทยานิพนธ์อย่างสนุกสนานภายใต้หลอดไฟนายเอดิสันอยู่รึเปล่า?

โชคดีครับคุณจำปาเทศ
โดยคุณ :แขก - [12:41:47  23 ก.ค. 2550]

ความคิดเห็นที่ 14
ชอบคำแนะนำและข้อวิจารณ์ของคุณแขกจังค่ะ ไม่ว่าไปอยู่ใน
กระทู้ไหน ๆ  หวังว่าคุณจำปาเทศคงมีกำลังใจมากขึ้น ๆ นะคะ
โดยคุณ :สาวสี่สิบ+ - [14:20:35  23 ก.ค. 2550]

ความคิดเห็นที่ 15
เข้าใจอย่างลึกซึ้งเลยฮะ
ตอนที่วิทยานิพนธ์ เคยคลุ้มคลั่งขนาดคุยกับเพื่อนว่า
"อย่าพูดถึงเธอ เพราะเธอคือปีศาจร้าย"
"ทำไม ทำไมเธอถึงตามหลอกหลอนถึงในความฝัน"
อะไรประมาณนี้ แต่สุดท้ายก็ผ่านมาได้
เหนื่อยแต่ก็ต้องทำฮะ บอกตัวเองเสมอว่า
ที่ตัดสินใจเรียนโทเพราะอยากทำงานกับอาจารย์
และก็ไม่ผิดหวัง ถึงแม้จะใช้เวลาคุยกับอาจารย์ร่วมสองปีกว่าจะตอบคำถามอาจารย์ได้ ตอนทำ Lab แล้ว Fail เคยคิดถึงว่าจะเลิกเรียน
ทำวิจัยมาเกือบปียังไม่ผลสักกะอย่าง ในขณะที่เพื่อนมันจะจบแล้ว
แต่ก็ยังมีหลายสิ่งให้คิดถึง
คิดถึงความตั้งใจตอนสมัครเรียนโท
คิดถึงคนที่อยากเรียนแล้วไม่ได้เรียน
คิดถึงคนที่เขียนชุดประดาน้ำกับผีเสื้อ
คิดถึงว่าอีกสิบปีอาจารย์เอางานของเราไปพัฒนาประเทศ (ดูเวอร์ปะ)
คิดถึงความพยายามของอาจารย์ที่พยายามสอนผมให้ทำวิจัยเป็น
คิดถึงผลการทดลอง 2-3 อย่างที่บังเอิญทำได้
แล้วอาจารย์บอกว่า "เออ น่าสนใจ"
คิดถึงครั้งแรกที่ตอบคำถามอาจารย์แล้วอาจารย์บอกว่า "ใช่ ถูกต้อง"
(หลังจากที่ตอบผิดทุกครั้งมาร่วม 2 ปี)
ผมก็เลยมีกำลังใจจนเรียนจบ
ไม่รู้ผมตอบคำถามคุณจำปาเทศอะยังฮะ
โดยคุณ :ป.ล. - [22:14:06  23 ก.ค. 2550]

ความคิดเห็นที่ 16
ดีใจจัง มีเพื่อนๆ มาให้กำลังใจเพิ่ม ขอบคุณ คุณแฟนเฉลียงรุ่นกลาง คุณแขก และ คุณป.ล. จ้ะ, พี่สาวสี่สิบ+ ด้วยนะคะ จะพยายามย้ำคิด ย้ำฝัน แล้วทำมันให้มากๆ ค่ะ

สำหรับตัวเอง ปัญหามันอยู่ที่ตอนเปลี่ยนสถานภาพจากเที่ยวเล่น มาตั้งใจจดจ่อทำงานนี่แหละ ยากชะมัด ใจมันจะต้าน...บอกตัวเองยัง ยังไม่ทำ เที่ยวอีกนิดก่อน อีกนิด เดี๋ยวทำงานแล้วไม่ได้เที่ยว เป็นคนสุดโต่งด้วยค่ะ เล่นก็เล่นจริงจังเลยไม่สนใจงานเลย ทำงานก็ทำจริงเลย(อาจเป็นเพราะไฟลนก้นด้วย) พยามแก้ไขให้เป็นคนพอดีอยู่ค่ะ แบบพยายามเดินสายกลาง ยังทำบ่อได้....

ตอนนี้อยู่ในขั้นตอน รวบรวมเอกสารที่ค้นคว้าและวิจัยทั้งหมดรวมเป็นรูปเล่มค่ะ  หลังจากส่งก็รอสอบ

เพื่อนๆ แวะเวียนมาคุยบ่อยๆ นะจ๊ะ เป็นยาหอม :) :) :)

โดยคุณ :จำปาเทศ - [13:34:10  24 ก.ค. 2550]

ความคิดเห็นที่ 17
คุณจำปาเทศ เคยไปแวะเวียนใน webboard คุณสิริมา อภิจาริน
ด้วยหรือเปล่าคะ คุ้นจัง
ส่งกำลังใจมาให้อีกนะคะ
โดยคุณ :สาวสี่สิบ+ - [16:17:41  24 ก.ค. 2550]

ความคิดเห็นที่ 18
ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะพี่สาวสี่สิบ+
ไม่เคยแวะไปที่ webboard คุณสิริมา  ... อาจจะใช้ชื่อคล้ายกัน :)
พี่สาวสี่สิบ+ ทำปริญญาเอกด้านไหนคะ?  จำปาเทศทำปอเอกเกี่ยวกับ MIS อยู่ที่อังกฤษค่ะ
โดยคุณ :จำปาเทศ - [20:03:15  24 ก.ค. 2550]

ความคิดเห็นที่ 19
ทำด้านวิทยาศาสตร์การแพทย์ ที่ Michigan ค่ะ นอกจากจะหน่าย
แทบแย่แล้วตอนเขียนวิทยานิพนธ์ ชีวิตด้านอื่น ๆ ตอนเรียนดี
หมดค่ะ ได้ครูดี ได้เพื่อนดี ๆ ที่ยังคบกันมาจนบัดนี้ทั้งไทยและ
เทศค่ะ เข้าใจว่าคุณจำปาเทศก็คงจะเหมือนกัน
อ้อ! จำได้ว่าตอนท้อใจ คุณพ่อซึ่งเคยผ่านการเรียนปริญญาเอก
มาก่อน เคยบอกว่า ท่านคิดว่าขั้นตอนการเขียนวิทยานิพนธ์
เป็นอีกขั้นตอนหนึ่งที่สนุก (?) เพราะเป็นตอนที่เราได้สนุกกับ
การใช้ความคิดและการใช้ตรรกะ ถ้าเทียบกับปัจจุบันคงเหมือน
กับพวก CSI ตอนเตรียมสรุป case มั้งคะ พอดีไม่มีเวลาค้น
จดหมายคุณพ่อ (สมัยที่เรียนอยู่นั้น ที่เมืองไทยยังไม่มีการใช้
e-mail กันเหมือนทุกวันนี้) เลยไม่ได้ลอกข้อความมาให้คุณ
จำปาเทศอ่าน แต่จำได้ว่าอ่านแล้วรู้สึกอายท่านจังเลย ที่เรา
บ่นเสียมากมาย แต่ตัวเองคิดไม่ได้อย่างที่ท่านคิดหรอกค่ะ เลย
เข้าใจได้ดีว่าคุณรู้สึกอย่างไร
ส่งกำลังใจมาให้คุณจำปาเทศนะคะ
ป.ล. MIS ย่อมาจากอะไรคะ ถามคนแถว ๆ นี้ไม่มีใครทราบเลย
ยังไม่มีโอกาสได้ถามเพื่อนใน field อื่น ๆ ค่ะ
โดยคุณ :สาวสี่สิบ+ - [10:38:08  26 ก.ค. 2550]

ความคิดเห็นที่ 20
สวัสดีค่ะ  พี่สาวสี่สิบ+ และขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ

จำปาเทศทำเรื่องเกี่ยวกับการบริหารจัดการเทคโนโลยีสารสนเทศในองค์กรค่ะ วิทยานิพนธ์จะเป็นการนำเสนอกรอบความคิดเชิงปรัชญาในการบริหาร ชอบหัวข้อนี้มากๆ ค่ะ ไม่อย่างงั้นอาจยอมแพ้ไปนานแล้ว

อาจารย์คนปัจจุบันนี้ดีค่ะ (เปลี่ยนมา 2 คน คุยกับอาจารย์ท่านอื่นไนคณะ เขาบอกว่า เราได้เซียนในคณะเป็นที่ปรึกษาทั้งสองครั้งเลย)
แล้ว จะเปลี่ยนแต่ละทียากมากๆ เลยค่ะ เค้าไม่ยอมให้เปลี่ยน คนหลังนี่มีตำแหน่งบริหารด้วย ใช้กำลังเยอะมากกกกกก ตอนนั้นเหนื่อยใจสุดๆ (ตอนนี้เลยเที่ยวเล่นสนุกซะไม่อยากกลับไปทำงานเลย)  

หลังจากผ่านสมรภูมิสองครั้งนี้มา ทำให้ตัวเองโตขึ้นเยอะมากเลยค่ะ ถ้ามีอะไรแย่ๆ เกิดขึ้นอีก คราวนี้อาจจะกลายเป็นวัตถุโบราณไปเลยค่ะ แต่โชคดี so far...so good หวังว่าจะเป็นแบบนี้จนได้สอบและจบ

แต่เพื่อนๆ ดีค่ะ ทั้งเพื่อนในคณะ และเพื่อนที่หอ
ดีใจค่ะพี่สาว ที่ตัวเองตัดสินใจมาเรียน คุ้มค่ามากๆ ได้เรียนรู้อะไรเยอะมากกว่าที่คิด ทั้งในด้านงานวิจัย แล้วก็การบริหารใจตัวเอง แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็คิดว่า ที่สุดแล้วในการทำงาน เราต้องเชื่อมั้นและรักในสิ่งที่ตัวเองทำ

ถ้ามีเวลา พี่สาวสี่สิบ+ แวะเข้ามาคุย นะคะ ตอนนี้ปิดเทอมภาคฤดูร้อน เพื่อนสนิทกลับบ้านไปหมดแล้ว แต่บางคนจะกลับมาที่นี่หลังเปิดภาคฤดูร้อน ค่ะ

โดยคุณ :จำปาเทศ - [14:54:36  26 ก.ค. 2550]

ความคิดเห็นที่ 21
อ้อ ลืมไปค่ะ ต้องมีความเพียรด้วย...ต้องเชื่อมั่น รัก และมีความเพียรในสิ่งที่ตัวเองทำ
...ว่าแล้วก็ต้องไปพากเพียรต่อ :) :) :)
โดยคุณ :จำปาเทศ - [15:12:20  26 ก.ค. 2550]

ความคิดเห็นที่ 22
เข้ามาขอบคุณ คุณจำปาเทศ เพราะว่าอ่านกระทู้นี้แล้วได้วิธีคิดดีๆ ที่ทำให้ตัวเองมีกำลังใจทำวิทยานิพนธ์ขึ้นมาบ้างเหมือนกัน
ดีใจกับคุณจำปาเทศด้วยนะครับที่ได้รับกำลังใจมากมายจากเพื่อนๆในเว็บนี้ และดูเหมือนว่าวันนี้มีกำลังใจขึ้นมากมาย
บางทีการให้กำลังใจคนอื่นก็ทำให้ตัวเองมีกำลังใจขึ้นมาได้บ้างเหมือนกันนะครับ (เหมือนกับที่ข้าพเจ้ากำลังเป็นอยู่ตอนนี้) บางทีมันคงเหมือนกับว่า ก่อนที่เราจะให้กำลังใจคนอื่นได้เราก็ต้องรวบรวมกำลังใจของเราขึ้นมาก่อน (ก็ถ้าเราไม่มีแล้วจะเอาที่ไหนไปให้เขาล่ะ) ที่นี้เจ้าตัวกำลังใจเนี่ยมันคงเป็นเหมือนกับบูมเมอแรงที่ให้ไปเท่าไรมันก็วิ่งกลับมาหาเราเท่านั้น และยังอาจเหมือนการแบ่งตัวของเซลล์ที่มีแต่การเพิ่มทวีคูณ (ก็สมมุติว่าผมสร้างขึ้นมาสิบ แบ่งให้คุณจำปาเทศไปสิบ เสร็จแล้วยังเหลืออยู่ที่ผมอีกสิบ รวมแล้วก็เป็นยี่สิบ แล้วลองคิดดูสิว่าถ้าหากคุณจำปาเทศส่งกลับมาอีกจะเกิดอะไรขึ้น)

ถึงคุณพี่สาวสี่สิบ+ ครับ เคยใช้และก็ยังใช้วิธีที่คุณพี่สาวสี่สิบ+แนะนำ คือให้ออกมาเป็นผู้ดู แต่ก็ยากนะครับเพราะคอยแต่จะเข้าไปเป็นผู้เป็นซะเรื่อย แต่ก็ยังไม่ท้อนะครับ เพราะเข้าใจว่าต้องฝึกฝนไปเรื่อยๆ
โดยคุณ :ริมตลิ่ง - [13:27:46  1 ส.ค. 2550]

ความคิดเห็นที่ 23
ขอโทษทีหายไปหลายวัน เพราะช่วงนี้เป็นวันหยุดยาวค่ะ อยู่บ้านแล้วเข้า internet ไม่ได้เนื่องจาก server ไม่ตอบสนอง (เป็นยังงี้เป็นประจำค่ะ)
ดีใจที่คุณจำปาเทศได้ครูดีและเพื่อนดี ครูดี ๆ นี่นะคะ เขาไม่ต้องมาดูแลเรามากหรอก เรานั่งมองวิธีคิด วิธีแก้ปัญหาของเขา ที่เราเห็นอยู่ในชีวิตประจำวัน เราก็ได้เรียนอะไรเยอะเลย ตอนเรียนอยู่นั้น คุยกับครูปีละไม่กี่ครั้ง แต่ทำให้เราเรียกเขาว่า ครู ได้เต็มปากเลยค่ะ อย่างที่ฝรั่งเขาบอกว่า "Great teachers inspire." ไงคะ
สาขาที่คุณจำปาเทศเรียนนั้นน่าสนุกและมีประโยชน์มากเลยค่ะ ตอนที่ทำงานอยู่นี่ รู้สึกเลยว่าการทำให้สารสนเทศในองค์กรมีประสิทธิภาพและประสิทธิผลนี่เป็นเรื่องยากมาก ๆ ถ้าทำสำเร็จจะทำให้งานที่ทำอยู่นี้ง่ายขึ้นเยอะเลยค่ะ จะทำให้มีเวลาเหลือไปทำอะไร ๆ ได้อีกเยอะแยะ
ตอนที่เพื่อน ๆ ไม่อยู่ เคยใช้วิธีเดินเข้าร้านหนังสือ กับสวนสาธารณะค่ะ ไปอยู่ในร้านหนังสือได้เป็นครึ่งค่อนวัน บางทีเคยขับรถไปนั่งดูหงส์ว่ายน้ำท่ามกลางสายฝน ดูเศร้าและเหงาดีพิลึกค่ะ แต่ก็ชอบมาก กลับมาแล้วไม่มีโอกาสทำอย่างนั้นอีกเลย เพราะบรรยากาศด้านความปลอดภัยที่บ้านเราไม่อำนวย
คุณริมตลิ่งคะ เทคนิคที่ว่านั้นต้องหัดใช้อยู่เรื่อย ๆ เพื่อให้เกิดทักษะค่ะ ตัวเองพอไม่ได้ใช้นาน ๆ เข้า จะกลับมาใช้อีกก็ยังยากกว่าที่เคย
เอาใจช่วยและส่งกำลังใจมาให้ทั้งคุณจำปาเทศและคุณริมตลิ่งนะคะ การที่เข้ามาได้รับทราบความรู้สึกเหล่านี้มีประโยชน์กับตัวเองอย่างมากด้วยค่ะ เพราะว่าเราจะได้ย้อนกลับไปจำได้ว่าเคยรู้สึกอย่างไร และเคยแก้ปัญหาอย่างไร รวมทั้งได้ความคิดใหม่ ๆ ที่จะได้เอาไปแนะนำนักเรียนที่กำลังดูแลอยู่ด้วยค่ะ แต่มีความรู้สึกว่า นักเรียนปริญญาโท-เอก ที่บ้านเรามีอะไร ๆ ทำให้วอกแวกได้มากกว่าเรียนไกลบ้านเยอะเลย และบางครั้งความเอาจริงเอาจังของเราก็ทำให้นักเรียนกลัวได้ง่ายมาก ต้องทำจิตวิเคราะห์เยอะมากค่ะ...กับนักเรียนนี่ บางครั้งก็ยังเกือบท้อ ๆ เลยค่ะ
โดยคุณ :สาวสี่สิบ+ - [16:26:55  1 ส.ค. 2550]

ความคิดเห็นที่ 24
สวัสดีค่ะ พี่สาวสี่สิบ+, คุณริมตลิ่ง, และ เพื่อนๆ

    ตอนนี้เปลี่ยนจากเบื่อทำงาน มาเป็นเบื่อเที่ยวเล่นแล้วค่ะ วันนี้ไม่อยากออกไปไหนเลย อยากนั่งอยู่ที่บ้าน ทำงานไปเรื่อยๆ เปิดเพลงครอไปด้วย เพลงของพี่จิกมีอะไรก็ไม่รู้ ยิ่งเพลงเธอหมุนรอบฉัน..ฟังแล้ว ใจมันเบิกบาน  อารมณ์นิ่งแต่ดี รู้สึกสมองปลอดโปร่ง  อาจจะเพราะแฝงด้วยหลักปรัชญา ไม่น่าเชื่อว่าบทเพลงจะทำให้รู้สึกได้แบบนี้

     ที่หอเงียบมากค่ะ สอง สามวันที่ผ่านมา รู้สึกวังเวงนิดๆ ตอนนี้ชินแล้วค่ะ รู้สึกว่า เหมาะแก่การทำงานเป็นอย่างยิ่ง คิดอยู่เหมือนกันค่ะว่า ขนาดอยู่ที่นี่ มีกิจกรรมให้ทำน้อยกว่าอยู่เมืองไทย ยังต้องเคี่ยวเข็ญให้ตัวเองทำงานขนาดนี้ ถ้าเรียนในเมืองไทย...โอ้โห ไม่ต้องจินตนาการมาก ก็เห็นภาพตัวเองแล้วค่ะ

     คนเรามีกิเลส อยากจะสนุก อยู่เสมออ่ะค่ะพี่สาว ขนาดตัวเองทำวิทยานิพนธ์ ิ์เรื่องที่ตัวชอบมากๆ ตอนนี้ยังเบื่อเลยค่ะ  เพราะเหลือแค่งาน writing up เป็นงานเก็บรายละเอียดซึ่งไม่สนุกเลย ไม่รู้สึกท้าทายอีกแล้ว แต่ก็ทราบว่าต้องทำ เพราะไม่ทำ ถือว่าไม่จบ มีเพื่อนบอกว่า เราอย่าไปคิดถึงอารมณ์ของเรา ว่าถ้าทำแล้วมันจะไม่สนุก หรือ เบื่อ    แต่ให้คิดถึงเป้าหมาย แล้วค่อยๆ แบ่งงานทำไปทีละชิ้น ทีละชิ้น
 
     จริงค่ะพี่สาว อารมณ์มันเกิดขึ้น ตั้งอยู่ แล้วก็ดับไปจริงๆ อยากรู้จัง ว่ามีอะไรมั้ยนะ ที่เกิดขึ้น และตั้งอยู่ตลอดไป

    ส่งกำลังใจให้คุณริมตลิ่งด้วยนะคะ พี่สาวด้วยค่ะ เพื่อนๆ ด้วยค่ะ

ขอบคุณมากจ้ะ


   
โดยคุณ :จำปาเทศ - [17:23:11  2 ส.ค. 2550]

ความคิดเห็นที่ 25
ขอบคุณคุณจำปาเทศและพี่สาวสี่สิบ ขอบคุณเพื่อนๆในเว็บที่แอบส่งกำลังใจมาให้โดยไม่เปิดเผยตัว

"อยากรู้จัง ว่ามีอะไรมั้ยนะ ที่เกิดขึ้น และตั้งอยู่ตลอดไป"
ตอบ แม้แต่ดวงอาทิตย์ก็ต้องดับสลายไปในวันนึงครับ
โดยคุณ :ริมตลิ่ง - [21:03:33  2 ส.ค. 2550]

ความคิดเห็นที่ 26
สวัสดีด้วยคนค่ะ
บังเอิญเข้าgoogleมาหาแนวทางการเขียนดุษฎีนิพนธ์เลยได้มาเจอwebนี้ ดีจริงๆเลย ได้เพื่อนร่วมชื่นชมเฉลียงแล้วก็ได้ข้อคิดกับกำลังใจดีๆในการเรียนด้วย ตอนนี้เรียนป.เอกอยู่ค่ะ พอเริ่มเรียนก็ท้องเลย ตอนนี้คลอดน้องแล้วกำลังวุ่นวายกับการเลี้ยงเจ้าตัวเล็กแล้วก็วุ่นวายกับการหาหัวข้อทำดุษฎีนิพนธ์เลยค่อนข้างมึนๆ แต่สนุกดีค่ะ เพราะคิดว่าปัญหาอะไรก็ตามที่เข้ามามีไว้ให้เราฝึกสมองลองหาหนทางแก้ แก้ได้ก็ยอดเยี่ยมแก้ไม่ได้ก็หาทางใหม่ไปเรื่อยๆ เดี๋ยวได้เอง คิดอย่างนี้ทำอย่างนี้มาตั้งแต่เรียนป.โท เลยไม่เคยเครียด เจ้าตัวเล็กคลอดออกมาก็ร่าเริงดีแถมมีพัฒนาการเร็วมาก เวลาแม่มึนๆกับการเรียนก็หันมากอดมาฟัดให้ชื่นใจเป็นกำลังใจในการเรียนดีนักแล....
โดยคุณ :คุณแม่น้องทะเล - [0:58:45  3 ส.ค. 2550]

ความคิดเห็นที่ 27
เป็นเหมือนคุณจำปาเทศเลยค่ะ ถ้ามันมาถึงตอนที่ต้องเขียนงานออกมาแล้ว กว่ามันจะเริ่มได้นี่ ใช้เวลาบิ้วท์อารมณ์นานนนนนนนนนน..มากกกกกกกกกกกกกกกกกกกกกก

นานจนทนรำคาญตัวเองว่าไม่เริ่มทำซักทีไม่ไหวแล้ว ไฟลนจนก้นจะไหม้อยู่แล้ว ถึงจะเริ่มลงมือปั่นๆๆๆๆๆ แล้วก็จะหยุดไม่ได้จนกว่ามันจะเสร็จ แล้วก็จะโทรมและเหนื่อยแทบตาย..ทุกครั้งไป

เฮ้อออออ..

สู้ๆนะคะ ทนอีกอึดใจเดียว เดี๋ยวก็จบแล้ว ^___^
โดยคุณ :vanilla - [2:17:53  3 ส.ค. 2550]

ความคิดเห็นที่ 28
สวัสดีเพื่อนๆ และ ยินดีที่ได้รู้จัก คุณแม่น้องทะเล และ คุณ vanilla ค่ะ,

    วัฏจักรเราคล้ายๆ กันเลยค่ะ คุณ vanilla ตอนนี้เราเริ่มเข้าสู่เฟสไฟลนก้นแล้วค่ะ..... เริ่ม รู้สึกอุ่นๆ ที่ก้นแล้ว
     เส้นตายของเวลา เป็นตัวกระตุ้นได้อย่างดียิ่ง :)

     เฮ้อ.....ความไม่แน่นอนของอารมณ์ ความรู้สึก จำปาเทศนี่แหละ ที่ติดตัวมาแต่ไหนแต่ไร ไม่หายไปเสียที อยากเป็นคนอารมณ์นิ่งๆ เพื่อนๆ มีวิธีฝึกจิตให้นิ่งขึ้นมั้ยเอ่ย?

    ส่งกำลังใจให้ทุกคนด้วยนะคะ (ตาม TIP ที่คุณริมตลิ่งบอก)

ขอบคุณจ้าาาา
โดยคุณ :จำปาเทศ - [0:18:50  4 ส.ค. 2550]

ความคิดเห็นที่ 29
ตอบคุณจำปาเทศค่ะ

จากที่ได้ศึกษาธรรมะมาเล็กน้อย พอจะแลกเปลี่ยนได้บ้างดังนี้ค่ะ

ธรรมชาติของจิตคนเรานั้นไม่สามารถกำหนดให้อยู่นิ่งๆนานๆได้ และธรรมะที่ปฏิบัติเพื่อมุ่งสู่ความหลุดพ้นก็จะไม่มีการสอนให้ทำจิตให้นิ่ง แต่ให้เฝ้ารู้เฝ้าดูการเปลี่ยนแปลงของจิตที่เกิดขึ้น ตั้งอยู่ ดับไป เป็นวัฏจักร จนเกิดปัญญาเห็นแจ้งในไตรลักษณ์ แล้วปล่อยวางตัวตน

เพราะฉะนั้นในหลักธรรมะที่แท้ จะไม่มีการสอนให้ทำจิตให้นิ่งค่ะ แต่จะพูดถึงจิตที่ตั้งมั่น คือ มีสัมมาสติ และสัมมาสมาธิ ซึ่งก็ฝึกได้ด้วยการตามรู้ตามดูความเปลี่ยนแปลงของกายและใจเราเอง จนจิตจำสภาวะได้แม่นยำ เป็นเหตุใกล้ให้เกิดสติ (สัมมาสติ) และเมื่อสติเกิดบ่อยขึ้นๆ สมาธิ (สัมมาสมาธิ) ก็จะตามมาเอง

สรุปคือ ธรรมะสอนให้เข้าใจและยอมรับในธรรมชาติของทุกสิ่งว่ามีการเกิดดับ เปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา ไม่เว้นแม้แต่ความคิด จิตใจ และอารมณ์ของเราเอง ถ้าเราพยายามฝืนธรรมชาติโดยการฝึกกำหนดให้จิตนิ่งๆนานๆ มันจะยิ่งทำให้เราห่างไกลจากปัญญารู้แจ้งในไตรลักษณ์ เกิดอวิชชาว่าจิตนี้เที่ยง จิตนี้สามารถกำหนดให้เป็นไปตามใจเราได้ ซึ่งผิดจากหลักคำสอนของพระพุทธเจ้า

ดังนั้น อย่าอยากให้จิตนิ่งเลยค่ะ แต่ควรทำความเพียรให้จิตตั้งมั่นกันดีกว่า
^______^
โดยคุณ :vanilla - [1:22:06  5 ส.ค. 2550]

ความคิดเห็นที่ 30
เห็นด้วยกับคุณ vanilla ครับ แต่ขอเพิ่มเติมเล็กน้อยดังนี้
คุณจำปาเทศลองเริ่มจากฝึกนั่งสมาธิหรือเจริญสติสักวันละ ๕ นาทีดูสิครับ แล้วจะพบว่าภายในห้านาทีเนี่ย เราคิดอะไรไปได้ร้อยแปดพันเรื่อง แต่ไม่ต้องตกใจนะครับ เพราะว่านั่นเป็นธรรมชาติของจิตอยู่แล้ว ขอให้คอยตามรู้เท่าทันความคิดเป็นพอครับ  คือเมื่อรู้ตัวว่าเผลอคิดไปแล้วก็ให้แล้วไป ให้เราเอาสติมากำหนดอยู่กับสิ่งที่เรากำลังทำสมาธิเหมือนเดิม เช่นลมหายใจ หรือการก้าวเท้า  แล้วมันก็จะเผลอคิดอีกแหละครับ บางทีเผลอนาน บางทีแป๊บเดียว บางทีไม่รู้ด้วยซ้ำว่านานเท่าไหร่ แต่เมื่อฝึกไปนานๆเข้า มันจะดีขึ้นเรื่อยๆเองครับ จิตที่ฝึกดีแล้วจะเป็นจิตทีพร้อมแก่การงานเอง คือจะมีความตั้งมั่นเป็นสมาธิ ความคิดต่างๆมันก็ยังมีเข้ามาเป็นธรรมดา เช่นเรื่องบางเรื่องทีวนเวียนเข้ามาซ้ำซาก แต่จิตที่ฝึกดีแล้วเนี่ยจะรู้เท่าทันความคิดนั้น เมี่อความคิดนั้นมันถูกกำหนดรู้มันก็จะดับไปเองครับ เราไม่ได้ไปห้ามความคิดนะครับเพราะมันห้ามไม่ได้    จะทำได้ตามนี้ก็ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก็ไม่ง่ายนะครับ คือการปฏิบัติธรรมเนี่ย เป็นเรื่องที่ต้องมีวินัยและมีความสม่ำเสมอ จึงจะได้ผล คือขี้เกียจก็ต้องทำขยันก็ต้องทำ ลองดูครับวันละห้านาทีก็ยังดี
ส่วนวิธีการทำสมาธิหรือเจริญสตินั้น คิดว่าคงพอหาได้ตามอินเตอร็เน็ต ก็ขอแนะนำให้ลองศึกษาเกี่ยวกับสติปัฏฐานสี่
งานเขียนและวิธีปฏิบัติที่น่าสนใจ และpractical มากๆก็คือ การเจริญสติในชีวิตประจำวัน โดยท่านอาจารย์ปราโมทย์ ปราโมชโช อันนี่ไม่ทราบเหมือนกันว่าจะหาได้ในinternetหรือเปล่า แต่ผมมีเป็น audio cd ถ้าสนใจก็บอกนะครับอย่าได้เกรงใจ ยินดีcopyให้
ส่วนWebsite อื่นๆที่ขอแนะนำก็มี
http://www.dharma-gateway.com/ubasok-preach-index-page.htm (แนะนำให้อ่านงานเขียนของท่าน เขมานันทะ)
http://www.buddhadasa.in.th/
http://www.plumvillage.org/
http://www.self-aware.net/test.htm

"ส่งกำลังใจให้ทุกคนด้วยนะคะ (ตาม TIP ที่คุณริมตลิ่งบอก)"
โดยคุณ :จำปาเทศ -
น้อมรับพร้อมส่งกลับให้เพื่อนๆทุกคนด้วยครับ
โดยคุณ : ริมตลิ่ง - [9:24:37  5 ส.ค. 2550]

ความคิดเห็นที่ 31
เห็นคุณริมตลิ่งแนะนำแนวทางของหลวงพ่อปราโมทย์ เลยรีบเอาลิ้งค์มาแปะเลยค่ะ สามารถฟังจากในเวบได้เลยค่ะ เหมือนกับในซีดีเปี๊ยบ ^__^

http://www.wimutti.net/pramote/#preach

ขอให้เจริญในธรรมยิ่งๆขึ้นไปทุกท่านนะคะ
โดยคุณ :vanilla - [13:12:50  5 ส.ค. 2550]

ความคิดเห็นที่ 32
ขอบคุณ คุณ vanilla และ คุณริมตลิ่ง มากจ้ะ  ข้อมูลเพียบเลยอ่ะ เดี๋ยวเราลองทำตาม และ อ่านข้อมูลในเว็ป แล้วถ้ามีอะไรสงสัย จะมาโพสคุยด้วยนะจ๊ะ

แล้วก็เหมือนเดิม กำลังใจจงมีแด่ทุกคนค่ะ

โดยคุณ :จำปาเทศ - [17:45:30  5 ส.ค. 2550]

ความคิดเห็นที่ 33
ว้าว กำลังหาหัวข้อทำ research อยู่เลยกลับได้ทั้งสองต่อคือธรรมะ และการศึกษา ชอบค่ะ ได้แนวคิดของแต่ละท่านเป็นประโยชน์ทั้งนั้นเลย ดีใจจังที่ผ่านเข้ามา
โดยคุณ :Sandy - [22:59:07  12 ก.พ. 2551]

ความคิดเห็นที่ 34
<a href="http://test.com">testyourself</a> [url=http://test.com]testyourself[/url] <a href=http://test.com>testyourself</a> [url= http://test.com ] testyourself [/url]
โดยคุณ :testyourself - ICQ: 2547845[22:23:59  20 พ.ค. 2551]

ขอเชิญร่วมเสนอแนะความคิดเห็นครับ
จาก :
email :
icq :
รูปภาพ :

รายละเอียด

อาการ :



กรุณาคลิก "ส่งข้อมูล" เพียงครั้งเดียวครับ....