สุดสัปดาห์
.....................
วันนี้เป็นวันหยุดสุดสัปดาห์.....
ผมตั้งใจว่าจะไปหาน้องสุดาวดีที่บ้าน ก่ะว่าจะชวนเธอออกมากินข้าวเย็น
ทันทีที่สองขาก้าวเข้าไปในบ้าน พลันผมก็รู้สึกได้ถึงรังสีแห่งความเศร้าสร้อย ตลบอบอวลอยู่ในห้องนั่งเล่นนั้น....
โทรทัศน์ยังคงเปิดอยู่ แต่ไม่มีภาพแล้ว
ข้าง ๆ เป็นเครื่องฉายวีดีโอ ที่มีม้วนวีดีโอวางสงบนิ่งอยู่ข้าง ๆ สองม้วน
สุดาวดี นั่งดวงตาแดงก่ำ เหมือนคนที่ผ่านการร้องไห้มาอย่างหนัก
"น้องดาดูหนังเรื่องอะไรอยู่เหรอ ทำไมต้องร้องไห้ด้วยล่ะ"
ผมค่อนข้างตกใจที่เห็นเธอร้องไห้ เพราะปกติแล้ว น้องดาออกจะเป็นหญิงล่ำ แกร่ง และอารมณ์ดี ไอ้เรื่องร้องฮงร้องไห้ ไม่มีซะล่ะ
"ก็มันเศร้านี่"
เธอหันมาตวาด แล้วเริ่มพูดไม่เป็นภาษา เสียงสะอื้นฮึกฮัก พร้อม ๆ กับใช้ผ้าเช็ดตัวสั่งน้ำมูกเสียงดังสนั่น...
ผมมองดูวีดีโอสองม้วนนั้นอย่างสงสัย มันคงจะเป็นหนังที่มีบทสะเทือนใจมากทีเดียว อาจเป็นเรื่องที่พระเอกไม่สมหวังในรัก พ่อนางเอกกีดกัน หรือเพื่อนนางเอกเป็นลูกกำพร้าก็เป็นได้
ผมได้แต่มองเธอนั่งร้องไห้กระซิกกระซิกอยู่ชั่วครู่ โดยไม่มีทีท่าว่าจะนันสตอปได้ง่าย ๆ ดังนั้น ผมจึงขอตัวกลับก่อนดีกว่า เพราะดูท่าเธอเองก็ไม่ใคร่จะสนใจใยดีผมนัก หรือถึงผมจะอยู่เพื่อปลอบใจ หรือพูดอะไรออกไป เธอก็คงไม่อยากจะฟัง ดีไม่ดี อาจโดนหมัดจอมพลังเสยเข้าปลายคางก็เป็นได้
แต่ช้าก่อน ก่อนกลับบ้านน้องดา ผมก็แอบเอาหนังสองม้วนที่ว่านั้นติดมือกลับมาด้วย ผมก็อยากรู้เหมือนกันน่ะสิ ว่ามันเป็นเรื่องเกี่ยวกับอะไรหนอ
ถึงทำให้น้องดาของผมเศร้าใจ และหมางเมินผมได้ถึงขนาดนี้....
..........................
อือม์... หนังที่ว่านั้น มันไม่ใช่หนังรักอย่างที่ผมคิด แต่มันเป็นหนังเพลงครับ
ทั้งสองม้วน ผมเห็นแต่คนออกมายืนร้องเพลงอยู่ห้าหกคน บางเพลงก็คุ้น ๆ เพราะเคยได้ยินน้องดาร้องฮัมอยู่บ่อย ๆ เวลาคุยกับผม
ผมนั่งดูไปเรื่อย ๆ ไม่ได้สะดุดตาอะไรกับหน้าของคนร้องเพลงในวีดีโอนั้นเท่าไหร่ แต่จะมีอยู่คนนึงกระมัง ที่หน้าออกจะขาวกว่าใครใครเขา ผมว่าผมเคยแอบเห็นรูปคนนั้นอยู่ในหนังสือของน้องดาด้วย ตอนนั้นผมยังคิดเข้าข้างตัวเองว่า น้องเขาเอารูปผมมาซ่อน ทั้ง ๆ ที่ยังอดแคลงใจไม่ได้ว่า หน้าผมไม่ได้ขาวอย่างนั้นสักหน่อย...
หนังเพลงเรื่องนี้ เริ่มต้นได้ดีทีเดียวครับ (จริงจริงก็ไม่อยากจะชมหรอก) บทหนังชวนติดตามดี การตัดต่อของหนังก็ไม่มีสะดุด ตอนกลาง ๆ ของเรื่องมีฉากน่าตื่นเต้นอยู่เป็นระยะระยะ ส่วนเพลงที่ใช้ประกอบหนัง มีหลายอารมณ์ทีเดียว ทั้งรื่นเริงบันเทิงใจ และอบอุ่นจนสัมผัสได้.....
จนใกล้ ๆ จะถึงตอนจบของหนังนั่นแหละ ที่ทำเอาผมรู้สึกว่ามีก้อนอะไรมาจุกอยู่ที่คอหอย
ผมไม่รู้ว่าที่ผมเศร้าเพราะอินไปกับบท
หรือเพราะน้ำตาของคนบางคนในหนังเรื่องนั้นที่ไหลรินออกมา.....
ผมยอมรับว่า ผมน้อยใจอยู่เล็กน้อย ที่รู้ว่าหนังเรื่องนี้มีอิทธิพลต่อจิตใจของเธอมากเพียงใด
เพราะทุกเพลงที่เขาร้อง
ทุกภาพที่มีเขาปรากฎอยู่
ผมเชื่ออย่างสนิทใจว่า มันได้ถูกบรรจุอยู่ในใจของเธออย่างเต็มล้นไปแล้ว
....ผมอยากเป็นคนสำคัญอย่างนั้นบ้าง....
บางทีมันก็น่าแปลกดีเหมือนกัน ที่คนเราจะมีความรู้สึกดีดีให้แก่กัน โดยไม่จำเป็นต้องรู้จักกัน
เราอาจผูกพันกันผ่านบางสิ่งบางอย่าง แต่มันสามารถเชื่อมโยงคนเราให้ถึงกันได้....
และกว่าที่ใครสักคน จะยอมรับให้ใครอีกคน หรือคนสักกลุ่ม เข้าไปอยู่ในจิตใจได้นั้น มันต้องใช้เวลา ...และเมื่อมันเกิดขึ้นแล้ว ก็ยากที่จะลบหรือแม้แต่ลืมเลือน...
เหมือนอย่างที่ผมได้รู้ว่า เธอเองกำลังรู้สึกอยู่ในขณะนี้...
ผมอดยิ้มกับตัวเองไม่ได้ เมื่อรู้ว่า หนังเรื่องนี้ ทำให้ผมได้มองเห็นความงดงามของความรู้สึกที่ว่านั้น..
และถึงแม้ว่าหนังเพลงเรื่องนี้จะจบไปแล้ว แต่ผมยังคงมองเห็นความผูกพัน และความอบอุ่นในหัวใจ ที่ยังคงลอยล่องอยู่ไปรอบ ๆ
และผมเชื่อเหลือเกินว่า มันจะยังคงอยู่อย่างนั้น
....ตราบนานเท่านาน....
....................................... โดยคุณ :
ชมพูพันธุ์ทิพย์ - [17:11:17 25 มี.ค. 2544] |