รักกระจิริด โดย รินใจ
รักกระจิริด
รินใจ
สมัยนี้
ไม่มีอะไรที่เป็นสัญลักษณ์แห่งสิเนหาได้ดีเท่ากับกุหลาบแดง
แต่ถ้าถอยหลัง ๒-๓๐๐ ปีก่อน หนุ่มสาวยุโรปกลับเห็นว่า
มีสิ่งหนึ่งที่ให้ความรัญจวนใจยิ่งกว่ากุหลาบแดงเสียอีก
เดาได้ไหมว่าสิ่งนั้นคืออะไร ก็ หมัดไงล่ะ
หมัดที่ว่าไม่ได้หมายถึงกำปั้น แต่เป็นแมลงที่ชอบเกาะอยู่ตามตัวหมา
สมัยก่อนแมลงประเภทนี้ยังชอบเกาะอยู่ตามเนื้อตัวของผู้คนด้วย แม้แต่สาว ๆ ก็ไม่เว้น
โดยเหตุที่มันชอบดูดเลือดแดง ๆ ของคนด้วย หนุ่ม ๆ
จึงหมายปองตัวหมัดที่หากินอยู่กับร่างกายของสาวคนรัก ในช่วงคริสตศตวรรษที่ ๑๗
มีหนุ่มนักรักหลายคนเกี้ยวพาราสีหญิงสาว ด้วยการเขียนบทกวีสดุดีหมัดของเจ้าหล่อน
บางคนถึงกับเอาหมัดของเธอมาเลี้ยงไว้ในกรงทองที่ผูกรอบคอ
และยอมให้มันดูดดื่มเลือดของเขา
ด้วยความชื่นชมที่เลือดของตนไปผสมเป็นหนึ่งเดียวกับเลือดของเธอในตัวแมลงน้อย
ในไซบีเรีย ว่ากันว่าสาวทอดสะพานให้เจ้าหนุ่มด้วยการโยนหมัดของเธอให้เขา
อะไรจะโรแมนติกปานนั้น!
แต่หนุ่มสาวยุคใหม่ฟังเรื่องนี้แล้วเห็นจะโรแมนติกไม่ลง
คงผะอืดผะอมทำนองเดียวกับเวลาที่เห็นพ่อมากแสดงความรัญจวนใจต่อนางนากในหนังของคุณนนทรีย์
นิมิบุตร ด้วยการเอาหมากจากปากของเธอมาเคี้ยวอย่างดูดดื่ม
ที่จริงพ่อมากและนางนากก็คงจะผะอืดผะอมไม่แพ้กันหากรู้ว่าคู่รักสมัยนี้แสดงความรักด้วยการเอาปากประกบกันและดูดน้ำลายของกันและกัน
ความรักนั้นเป็นเรื่องนานาจิตตัง ทำนองลางเนื้อชอบลางยา
สิ่งที่ยังความรัญจวนใจแก่เราอาจสร้างความรู้สึกตรงกันข้ามแก่ผู้อื่น
ซึ่งอยู่ในยุคสมัยหนึ่ง หรืออยู่ในอีกวัฒนธรรมหนึ่ง ในทางกลับกัน
คนสมัยก่อนเขาอาจพิศวาสในสิ่งซึ่งคนสมัยนี้รังเกียจ
คงไม่ลืมกันว่าเท้าของหญิงสาวที่ถูกรัดจนเบี้ยวบิดผิดรูปนั้น
ในสายตาของชายจีนเมื่อหลายร้อยปีก่อน ถือว่าเป็นเสน่ห์เย้ายวนของหญิงสาวอย่างยิ่ง
แต่คนยุคนี้เห็นแล้วพูดไม่ออก
อย่างไรก็ตาม ความรักไม่ว่าชาติใดภาษาใด จะยุคไหนก็แล้วแต่ ล้วนมีภาษาสากลร่วมกัน
ภาษานั้นมีชื่อว่า "การให้" แม้วัตถุที่ยังความสิเนหาจะมีรูปลักษณ์ต่างกัน
แต่เนื้อแท้ของความรักที่แสดงออกมานั้นคือการให้เสมอ
และเป็นการให้สิ่งที่ตนเห็นว่ามีคุณค่าต่อทั้งสองฝ่าย แต่ถ้าคิดจะเอาอย่างเดียว
นั่นเป็นได้อย่างมากแค่สิเนหาอันว่างเปล่าจากแก่นสาร
การให้อย่างมีคุณค่านั้นไม่จำเป็นต้องหมายถึงการให้สิ่งซึ่งมีราคาค่างวด
หรือให้สิ่งใหญ่โต ทั้งไม่ใช่การเสียสละเยี่ยงวีรกรรมเสมอไป เพียงแค่ให้ความใส่ใจ
ก็สามารถยังความสุขใจให้แก่อีกฝ่ายหนึ่ง ได้ ซึ่งก็พลอยทำให้เรามีความสุขไปด้วย
"ผู้ให้ความสุข ย่อมได้รับความสุข" คือสัจธรรมสากลที่พระพุทธองค์ได้ตรัสไว้นานแล้ว
ความใส่ใจนั้นทรงคุณค่าเสมอ แม้จะเป็นความใส่ใจในเรื่องที่เราเห็นว่าเล็กน้อย
แต่สำหรับอีกฝ่ายหนึ่ง อาจเป็นเรื่องที่สำคัญก็ได้
เช่นความใส่ใจในยามที่เขาหรือเธอเงียบงันหรือรู้สึกหม่นหมอง
แม้แต่ในยามที่ประสบความสำเร็จ
เขาหรือเธอก็ปรารถนาคนที่จะมาร่วมรับรู้ความภาคภูมิใจของตนด้วยเช่นกัน
ความใส่ใจนั้นช่วยให้เราเอื้อเฟื้อต่อกันอย่างจริงใจและเป็นธรรมชาติ
อันความเอื้อเฟื้อนั้นแม้เพียงเล็กน้อย ก็อย่านึกว่าไม่มีความหมาย
อย่าว่าแต่กับคนรักเลย แม้แต่กับคนที่ไม่รู้จักกันมาก่อน
ความมีน้ำใจในเรื่องเล็กน้อยก็ยังสามารถตราตรึงใจได้ไม่รู้ลืม
หากย้อนระลึกถึงเหตุการณ์ประทับใจในอดีต
เราแต่ละคนคงจำได้อย่างชัดเจนถึงความเอื้อเฟื้อของใครบางคนที่เราไม่รู้จัก
แม้เวลาจะผ่านมาหลายสิบปีแล้ว เขาอาจไม่ได้ทำอะไรมากไปกว่า พาเราข้ามถนน
ลุกให้เรานั่ง หรือประคองเราให้ลุกขึ้นหลังจากพลัดหกล้ม
มิใช่แต่ความเอื้อเฟื้อที่ได้รับในวัยเด็กเท่านั้น กระทั่งเราโตเป็นผู้ใหญ่แล้ว
ก็ยังมีเรื่องประทับใจทำนองนี้อยู่มากมายมิใช่หรือ
บางคนยังจำได้ดีว่ายามหลงทางหรือตกเครื่องบินในต่างแดน
น้ำใจของคนแปลกหน้าบางคนได้ช่วยคลายทุกข์ให้แก่เราอย่างไรบ้าง
เธอผู้นั้นอาจเป็นพนักงานสายการบินที่ช่วยแก้ปัญหาให้เราอย่างยิ้มแย้มแจ่มใจ
เขาอาจเป็นอาสาสมัครที่เพียรพยายามอธิบายช่วยเหลือเราทางโทรศัพท์
โดยไม่แสดงความหงุดหงิดที่เราขอให้เขาพูดซ้ำแล้วซ้ำเล่าเนื่องจากข้อจำกัดทางภาษา
ในชีวิตจริงของคนเรา โดยเฉพาะในยามที่เราสัมพันธ์ข้องเกี่ยวกันนั้น
ความใส่ใจและน้ำใจในเรื่องเล็กน้อยนั้นเป็นเรื่องยิ่งใหญ่เสมอ
มันอาจเป็นเรื่องเล็กน้อยสำหรับเรา แต่เป็นเรื่องยิ่งใหญ่สำหรับอีกฝ่ายหนึ่ง
โดยเฉพาะในยามที่เขากำลังเดือดร้อน หวาดวิตก ทุกข์โศก กังวลใจ
ในยามนั้นคนเราอ่อนไหวและเปราะบางมาก ไม่ว่าจะเก่งกล้ามาจากไหนก็ตาม
ในยามนั้นความเอื้อเฟื้อแม้เพียงเล็กน้อยกลับกลายเป็นเรื่องยิ่งใหญ่ที่ประทับใจเขาไม่รู้ลืม
ความรักที่แท้จริงบ่อยครั้งก็แปลงกายมาในรูปกระจิริดเหมือนตัวหมัดยังไงยังงั้นเลย
ที่มา : forward mail
ยังอ่านไม่จบแต่เห็นว่าน่าอ่านดีค่ะ เลยเอามาฝากกัน ^_^ โดยคุณ :
เฌอ - [15:20:32 22 ก.พ. 2544] |