กระดานความรู้สึก


บันทึกหลังฉาก จาก พี่ดี้ (ตอน1)
เรื่องราวต่อมา



วันนี้(ศุกร์ 19) เพิ่งกลับจากไปดูโขนเฉลิมพระเกียรติ เรื่องรามเกียรติ์ (ไม่เคยเห็นโขนแสดงเรื่องอื่นเหมือนกัน) ตอนพรหมาศ ที่ศูนย์วัฒนธรรมฯ เป็นอีกสิ่งหนึ่งในประเทศไทยที่ดูแล้วภูมิใจหนักหนา ถึงความมีคุณค่าแห่งวัฒนธรรมไทย ที่ในระยะหลังเริ่มจะลืม ๆ กันไป



เห็นคนหนุ่มสาวรุ่นใหม่ มาทรงเครื่องเป็นพระราม พระลักษณ์ ทศกัณฐ์ หนุมาน ยักษ์ ลิง ฯลฯ แล้วร่ายรำกันอย่างอ่อนช้อยและสง่างามจนกลับบ้านแล้วอยากจะมารำท่าโขนบ้าง ซึ่งน่าจะดูทุเรศน้อยกว่าตอนเต้นเพลง Nobody บนเวทีเฉลียงสามฝ่าย



ลูกสาวตังเม ชอบโขนมาก รู้จักหนุมานว่าเป็นลูกพระพายกับนางสวาหะยืนตีนเดียวเหนี่ยวกินลม รู้จักลิง ทุกตัวว่า ตัวไหน สุครีพ พาลี องคต หัวเราะลั่นกับท่าทางของลิง ชอบทำท่าเลียนแบบ พ่อมันคือฉันเองยังจำสลับกันไปมาไม่รู้ตัวไหนเป็นตัวไหน ส่วนแม่นั้นมีบางช่วงก็เหม่อลอยเหมือนไปเฝ้าพระอินทร์



โขนเฉลิมพระเกียรตินี้ เป็นพระราชดำริของสมเด็จพระนางเจ้าฯ เห็นว่าจะจัดทุกปี น่าดีใจที่คนดูเต็มและมีการเพิ่มรอบด้วย จึงอยากจะช่วยเผยแพร่ให้คนไทยไปภูมิใจร่วมกันกับความงดงาม ไปรู้จักอัญมณีในบ้านเราให้มากขึ้น ขอบอกว่า มีการผสมผสานความเป็นศิลปะดั้งเดิมและเทคโนโลยีสมัยใหม่ไปพร้อมกัน



ระหว่างพักครึ่ง มีสาวใหญ่่รุ่นโตกว่าฉันท่านหนึ่ง มาทักฉันอย่างสุภาพและน่ารัก บอกกับฉันว่า ได้ไปชมมหรสพเฉลียงสามฝ่ายมา อยากขอติชมอะไรสักนิดหนึ่ง



"คือเรื่องที่นั่ง ที่สถานที่จัดแสดงน่ะค่ะ"

ฉันไม่ต้องรอให้พี่สาวคนนั้นต้องพูดต่อให้เหนื่อยเปล่า

"ครับ..ผมทราบครับ ผมจะไม่ทำแบบนี้อีกแล้วครับ ถ้าเป็นงานแบบนี้ ผมจะไม่มาจัดที่นี่อีกแล้วครับ"

"ค่ะ..คุณดี้ต้องแก้ตัวนะคะ ต้องมีคราวหน้านะ แต่ไม่ใช่ที่นี่"

"ครับ ผมจะทำให้ดีกว่านี้ครับ"

แล้วพี่สาวคนนั้นก็ย้ิมให้พร้อมกับเดินจากไป



ฉันได้รับข่าวสารและความเห็นจากผู้ชมจากหลายแหล่ง ทั้งด้วยปากคำ และด้วยข้อความทางอินเตอร์เน็ต ฉันพอสรุปได้ว่า สิ่งที่ผู้ชมพอใจในงานวันเฉลียงสามฝ่ายนั้น ก็มีมากมายพอสมควรอยู่ ซึ่งทั้งแต๋ง เจี๊ยบ และฉัน ก็รู้สึกปลาบปลื้ม แต่ฉันไม่ค่อยได้ใส่ใจกับมันมากนัก ฉันใส่ใจและรู้สึกผิดกับปัญหาความไม่ สะดวก ไม่สบายของผู้เสียเงินทองและเวลามาชมเสียมากกว่า



ธันเดอร์โดม ที่เมืองทองธานี ไม่ได้มีความผิดอะไรเลย เหมาะสมสำหรับงานแสดงบางประเภท เช่น คอนเสิร์ตของ AF หรือ The Star ที่มีกลุ่มเป้าหมายที่เป็นวัยรุ่น หรือครอบครัวที่พร้อมจะมาเชียร์นักร้องที่ตัวเองรักชอบพอ


เรา..หมายถึงฉันกับน้อง ๆ ยังดีที่มีฉันเป็นลูกพี่ เลินเล่อในเรื่องนี้อยู่โดยรู้เท่าไม่ถึงการณ์   เราคิดกันว่า อยากแสดงเพียงรอบเดียว เพราะไม่แน่ใจว่าจะแสดงมากกว่านั้นไหวหรือไม่ แต่ก็มีความจำเป็นที่จะต้องมี คนดูมากพอสมควร คำนวณแล้วน่าจะสัก สี่ถึงห้าพันคน เพื่อคูณกับราคาบัตรที่จัดขาย ให้ได้กำไรพอเป็นค่าตัวของพี่แต๋ง พี่เจี๊ยบ และฉัน ซึ่งไม่มากเท่างานประจำของทุกคนที่ทำกันอยู่แล้ว แต่เฉลียงสามฝ่ายก็ยินดี เพราะมีความสุขที่จะได้ทำ รวมทั้งมีกำไรพอได้เป็นเงินเดือนของน้อง ๆ ยังดีสิบกว่าคน


เราไม่จัดที่อิมแพค เพราะคิดว่า มันใหญ่เกินไปสำหรับงานโชว์ชนิดนี้ กลัวว่าจะส่งอารมณ์ไปไม่ถึงคนดูด้านหลัง ถ้าเป็นคอนเสิร์ตแท้ ๆ เหมือนตอนสถาปัตย์จัดเฉลียงนั้น ก็ว่าไปอย่าง เพราะดนตรีน้ั้นส่งไปถึงได้มากกว่าการพูด


จะไปจัดที่เล็ก ๆ กว่านี้ เช่น ศูนย์วัฒนธรรมฯ จุได้สองพันกว่าคน ก็เกรงว่าต้องจัดมากกว่าสองรอบจึงจะคุ้มทุน ซึ่งเราก็ปรึกษากันในบรรดาสามฝ่ายนั่นว่า ยังไงดีหว่า เพราะเราไม่เคยทำมา ก่อน มันจะเอาแบบไหนดีนะ



(ติดตามต่อบล๊อกหน้า)
โดยคุณ : เดี๋ยวจะหาว่า picmee ลำเอียง - [0:36:54  26 มิ.ย. 2552]

ความคิดเห็นที่ 1
ดีใจที่ได้รู้ว่าจะมีคราวหน้า

"ค่ะ..คุณดี้ต้องแก้ตัวนะคะ ต้องมีคราวหน้านะ แต่ไม่ใช่ที่นี่"

"ครับ ผมจะทำให้ดีกว่านี้ครับ"

ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้กับทีมงานค่ะ
โดยคุณ :- [8:18:25  26 มิ.ย. 2552]

ความคิดเห็นที่ 2
คนที่ไม่ทำผิด คือ คนที่ไม่ทำอะไรเลย

พี่ดี้สู้ๆนะคะ
โดยคุณ :yam - [10:31:50  26 มิ.ย. 2552]

ความคิดเห็นที่ 3
อย่าให้รอตอน 2 นานนักนะจ๊ะพี่ดี้จ๋า
โดยคุณ :rattapuk - [10:36:13  26 มิ.ย. 2552]

ความคิดเห็นที่ 4
หนูไม่มีปัญหาเรื่องที่นั่งเลยอะ เปลี่ยนที่นั่งไปเรื่อยด้วย  หนาวก็ไปนั่งกอดขาหลังpicmee ชอบอารมณ์แบบนั่งตูดชิดกันนะอบอุ่นดี


ปล. picmee ป่านนี้ยังคิดจะแก้ข้อกล่าวหาอีกเหรอ
โดยคุณ :ทีฯ - [14:57:29  26 มิ.ย. 2552]

ความคิดเห็นที่ 5
สู้ ๆ ค่ะพี่  แต่ให้รอนานนักนะคะพี่
โดยคุณ :วาสนาดี - [23:44:13  26 มิ.ย. 2552]

ความคิดเห็นที่ 6
26-06-2009 : บันทึกหลังฉาก จาก พี่ดี้ (ตอนจบ)
มาแล้วนะคะ ที่ iamyongdee






    .....



    การตัดสินใจอยู่บนความไม่แน่ใจในหลายเรื่องเพราะเราไม่เคยทำงานประเภทนี้ เหมือนมายืนบนทางสามแพร่งไม่รู้แพร่งไหนจะไปทางไหนก็ต้องเลือกสักแพร่งหนึ่ง

    ก็เลยตัดสินใจเลือกที่นี่ธันเดอร์โดมแล้วก็ได้กำชับน้องๆไปว่า ระวังเรื่องระบบเสียงให้หนักที่สุดเพราะที่นี่เป็นที่ที่เขาออกแบบมาเพื่อการเล่นกีฬา ให้แก้ไขให้ได้มากที่สุดเพราะการพูดมากๆบนเวทีนั้น ระบบเสียงที่ส่งให้คนดูที่ไกลที่สุดได้ยินและเข้าใจนั้นเป็นเรื่องอันดับหนึ่งไม่งั้นทุกอย่างล้มเหลว

    ที่ฉันไม่ให้อภัยตัวเองในครั้งนี้คือ มัวแต่กำชับเรื่องระบบเสียงซึ่งฉันเชื่อว่าน้องๆทำได้ดีในระดับที่แก้ปัญหาในเรื่องการสื่อสารได้ แต่อาจจะไม่ไพเราะเพราะพริ้งเหมือนคราวคอนเสิร์ตอารมณ์ดี้ที่เขาใหญ่ เพราะอุปสรรคและเงื่อนไขของสถานที่แตกต่างกันเยอะมาก

    แล้วฉันก็มัวแต่ไปหมกมุ่นอยู่กับการวางสคริปต์กับเจี๊ยบ กับแต๋ง ซ้อมกันอย่างหนัก บางครั้งก็สนุกบางครั้งก็ไม่สนุกเลย เราไม่เคยทำแบบนี้เรายังต้องควานหาทิศทางกันอยู่นานว่าจะมีส่วนผสมอย่างไรจึงจะกลมกล่อมและคนดูมีความสุข

    จนเมื่อเสร็จงานมหรสพเฉลียงสามฝ่าย มีหลายคนมาติเรื่องสถานที่ แม้แต่กระทั่งเมียของฉันก็ยังติว่า ที่นั่งนั้นมันเป็นที่นั่งดูกีฬาแถมที่นั่งข้างล่างก็เป็นเก้าอี้พลาสติกที่มีฝุ่นจับไม่สมควรแก่ราคาบัตรเลย  ติไปจนถึงว่าคนดูบนอัฒจันทร์เวลาเขาหัวเราะกัน เท้าของคนที่นั่งอยู่ข้างบนก็จะไปเตะคนที่นั่งข้างล่างชวนรำคาญ รวมทั้งการขายเครื่องดื่มหรืออาหารให้เข้าไปข้างในธันเดอร์โดมมันก็ไม่เหมือนกับในอิมแพค เพราะว่าในอิมแพคนั้นมีที่นั่งเป็นที่เป็นทางมากกว่า ส่วนในธันเดอร์โดมนั้นที่นั่งจะนั่งติดกันสามารถที่มีการกระทบกระทั่งกันได้ของคนดู

    บทเรียนครั้งนี้จะจำและจะให้น้องๆยังดีช่วยกันจำด้วยเพราะเรามีแนวคิดมุ่งมั่นไว้ว่า จะต้องทำให้คนดูที่เสียตังค์มาได้ความสุขและสะดวกสบายที่สุดแบบที่เราภูมิใจเมื่อครั้งทำคอนเสิร์ตอารมณ์ดี้ที่เขาใหญ่

 
   
























    กับอีกเรื่องหนึ่งซึ่งฉันไม่ยอม และน้องๆก็เห็นด้วยคือ การแสดงของเราจักต้องตรงเวลาเสมอ นับตั้งแต่คอนเสิร์ตอารมณ์ดี้ที่เล่นตรงเวลาห้าโมงเย็นตามกำหนด มาคราวเฉลียงสามฝ่ายเราก็ลังเลจะเอาไงดีเพราะฝนตกหนักมากเป็นห่วงคนดูที่กำลังมา เราพร้อมจะเล่นตรงเวลาแต่น้องๆขอร้องว่า ช้าไปอีกครึ่งชั่วโมงได้ไหมพี่ ฉันก็สับสนจะเอาตามที่ตกลงประกาศไว้ว่าจะตรงเวลาดีหรือจะหยวนๆดี แต่ในที่สุดก็เล่นช้าไปประมาณสิบห้านาที ซึ่งฉันว่ากำลังดีนะแต่ก็ต้องขอโทษคนดูด้วยเพราะประกาศไปแล้วนี่ว่าจะเล่นตรงเวลาก็เลยเสียฟอร์มนิดหน่อย

    การแสดงเริ่มไปจนจบ เวลาที่การแสดงจบลงเป็นช่วงเวลาที่ฉันมีความสุข เป็นอย่างนี้ทุกครั้งที่ทำอะไรสักอย่างเสร็จ ( ถ้าใครอ่านประโยคนี้แล้วคิดลามกไปถึงเรื่องเซ็กส์ฉันก็ยอมรับว่าหมายถึงเรื่องนั้นด้วย )

    ความสุขนั้นคือการผ่านพ้นสิ่งที่กังวลหลายเรื่องแล้วจบลงด้วยดี อาจจะไม่ดีที่สุดเท่าที่อยากได้แต่แค่เพียงสอบผ่านก็สงบจิตใจได้แล้ว

    เนื้อหาทางการแสดงนั้น จะไม่กล่าวถึงเพราะมีหลายคนกล่าวถึงอยู่แล้ว ไม่ว่าจะเป็นในทีมงานเองจนไปถึงเสียงผู้ชมที่ติชมกันมาทางวาจาทางอิินเตอร์เน็ต มีทั้้งที่รักและที่ชัง   มีนานาจิตตังคนนั้นชอบตอนนั้นไม่ชอบตอนนี้ คนโน้นชอบมุกนี้ไม่ชอบมุกนั้้นซึ่งเป็นเรื่องธรรมดา รับฟังแล้วก็ไม่ได้ฮึกเหิมอะไรมากและไม่หดหู่อะไรเลย

    แต่สิ่งที่ฉันประทับใจที่สุด และรู้สึกขัดเขินเป็นอย่างยิ่งที่จะกล่าวออกมาเพราะฉันไม่เคยพูดจาดีดีชื่นชมเพื่อนต่อหน้ามาก่อนตั้งแต่คบกันมาทั้งเจี๊ียบและแต๋ง เวลาคิดจะพูดหวานๆกับเพื่อนทำให้ท้องไส้ของฉันมันไม่ค่อยดี

    แต่ก็ต้องพูด ขอบอกจริงๆเลยว่า เจี๊ยบกับแต๋งเป็นเพื่อนที่ดีที่สุดของฉัน ซึ่่งอันนั้นรู้กันอยู่แล้วไม่ต้องพูดมาก สิ่งที่อยากพูดมากคือ ฉันนับถือมึงสองคนมากๆในงานนี้นับถือแบบชื่นชมในความเก่งกาจและที่สำคัญคือใจมึงใหญ่กว่าอวัยวะทุกส่วนของมึง ไม่เคยปริปากเอาความเจ็บไข้ได้ป่วยถึงขนาดเข้าโรงพยาบาลกันทั้งคู่มาเป็นข้ออ้างในการอิดออดในการทำงาน แถมเวลาแสดงจริงมึงทั้งคู่ใช้พลังเต็มที่เสียยิ่งกว่ากูผู้ไม่ได้ป่วยเสียด้วยซ้ำ กูภูมิใจที่ได้เป็นเพื่อนมึงทั้งคู่

    รวมไปถึงเกี๊ยงที่มีน้ำใจมาร่วมงานชนิดที่ไม่ทำหน้าสงสัยอะไรเลย ส่วนจุ้ยนั้นอุตส่าห์มาเยี่ยมในวันซ้อมใหญ่ทั้งๆที่มันเองก็มีงานใหญ่ของตัวเองในวันรุ่งขึ้นเหมือนกัน แล้วก็พยายามอย่างมากที่จะหาวิธีมาร่วมชมและข้ึนเวทีในต้อนจบแบบเกี๊ยงด้วยแต่ก็ไม่สามารถมาทัน ส่วนนก ฉัตรชัยซึ่งประกาศตัวแล้วว่าจะไม่ขึ้นคอนเสิร์ตอีกต่อไปเด็ดขาดก็อยากมาเพียงแต่มีปัญหาสุขภาพด้วยโรคเกี่ยวกับหมอนรองกระดูกนั่งนานไม่ได้จึงถูกพี่แต๋งห้ามไม่ให้มาดู

    เฉลียงมันเป็นกันแบบนี้บรรยายไม่ถูกเป็นกลุ่มคนขยุกขยุยอะไรไม่รู้ที่ผู้คนต่างพากันฉงนว่ามันแตกกันมีปัญหาอะไรกันหรือยังไงกันแน่แต่ที่แน่ๆฉันรู้อย่างเดียวว่าเราอาจจะเคยมีอยากถีบกันบ้างในบางคร้ััง แต่เราไม่เคยเกลียดกันเลย

    ขอบคุณ เถ้าแก่เมฆหมอก ที่เห็นราคาของฉันและเพื่อนๆ ขอบคุณ น้องๆยังดี ที่วิ่งทำงานกันตัวเป็นเกลียว รวมทั้งน้องๆอินเด็กซ์ที่เหน็ดเหนื่อยไปพร้อมๆกับพวกพี่

   ขอบคุณ เมืองไทยประกันชีวิต ที่น่ารัก สิงห์์ ใจดี รวมทั้งแนวร่วมผู้อุปถัมภ์ที่ดูแลกันตลอดมา

    ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดเสมอสำหรับฉันคือ ผู้ฝ่าฝนมาชมบางคนก็จอดรถลำบากลุยโคลนมาดู นั่งก็ไม่สบายก้น ฉันกราบขอโทษและขอบคุณพร้อมๆกัน

    เราจะได้เจอกันอีกปลายปีนี้ กับ deeboyd project  คณะทำงานและฉันจะพยายามรอบคอบที่สุดในการจัดการเพื่อที่จะไม่ต้องรู้สึกผิดและขอโทษคนดูซ้ำซากอีก

    อ้อ เพื่อนเจี๊ยบเพื่อนแต่๋ง อย่าคิดว่ามึงจะรอดจากงานนี้ไปได้นะมึง !!
โดยคุณ :rattapuk - [11:01:35  27 มิ.ย. 2552]

ความคิดเห็นที่ 7
"เป็นกลุ่มคนขยุกขยุยอะไรไม่รู้"
เออ ใช่เลยค่ะพี่ คำนี้แหละๆๆๆ

อ่านเสร็จแล้วมีความสุขจัง
โดยคุณ :ทีฯ - [11:51:47  27 มิ.ย. 2552]

ความคิดเห็นที่ 8
อ่านแล้วมันปลื้มกับซึ้งไปพร้อมๆ กัน
โดยคุณ :ยากุส - [21:12:31  29 มิ.ย. 2552]

ความคิดเห็นที่ 9
"เฉลียงมันเป็นกันแบบนี้บรรยายไม่ถูกเป็นกลุ่มคนขยุกขยุยอะไรไม่รู้ที่ผู้คนต่างพากันฉงนว่ามันแตกกันมีปัญหาอะไรกันหรือยังไงกันแน่แต่ที่แน่ๆฉันรู้อย่างเดียวว่าเราอาจจะเคยมีอยากถีบกันบ้างในบางครัั้ง แต่เราไม่เคยเกลียดกันเลย"


หนูชอบประโยคนี้
โดยคุณ :This road is mine - [1:13:52  30 มิ.ย. 2552]

ความคิดเห็นที่ 10
ขอบคุณพี่ดี้ค่ะ

เรื่องที่นั่งไม่มีปัญหากับเรา เพราะอยู่บนอัฒจรรย์(แต่ไม่เตะคนข้างหน้าค่ะ)

ระบบเสียงก็โออยู่

..แต่พี่คงเป็นประเภทเล็งผลเลิศ คือ พวกที่อยากให้งานออกมาดีที่สุด (เราก็เป็นคนแบบนี้เหมียนกัลล)

แต่อย่าคิดมากนะคะ คนมาดูเฉลียงส่วนใหญ่มาด้วยใจ แค่เห็นพี่ๆ
มารวมตัวกันอีก ก็ฟูแล้ว..แต่อย่างว่าการทำงาน มันถูกใจใครทุกคนไม่ได้หรอกจ้า

โดยคุณ :คนตาบอดกับต้นชบา - [12:01:15  30 มิ.ย. 2552]

ขอเชิญร่วมเสนอแนะความคิดเห็นครับ
จาก :
email :
icq :
รูปภาพ :

รายละเอียด

อาการ :



กรุณาคลิก "ส่งข้อมูล" เพียงครั้งเดียวครับ....