กระดานความรู้สึก


เก็บมาฝาก เพื่อความรู้สึกดีๆ :: ฉันคือครูอาสา ::
"ครูครับใบไม้นี่กินได้นะครับ"
"หญ้านั่นก็กินได้"
"ดอกไม้นี่ก็กินได้"
"ครูอยากกินอะไรล่ะผมจะพาไปกินที่โน่น..."


เด็กชายตัวเล็กซึ่งเป็นชาวเขาเผ่าอาข่าชี้มือไปยังทิวป่าที่อยู่บนดอยสูง ชายหนุ่ม ที่เป็นครูอาสายืนชั่งใจตัวเองอยู่พักนึงก็บอกไปว่า "ไป...พาครูไปเที่ยวป่าหน่อย" เท่านั้นแหละเด็กชายรีบวิ่งกลับไปบ้านแล้ววิ่งกลับมาพร้อมมีดเล่มยาว "ทางเดินอาจมีหนาม เราต้องใช้มันครับ"

เด็กชายอธิบายสายตาที่เป็นคำถามของครูว่านำมีดไปทำไม ทั้งสองเดินมุ่งตรงไปยังดอยที่มือเล็กๆ ชี้ให้ดูเมื่อซักครู่ โดยระหว่างทางความคิดและความรู้สึกต่างๆ พร่างพรูอยู่ในหัวสมองของครู

"ตกลงว่าเรามาเป็นครูหรือมาเป็นนักเรียนล่ะเนี่ย"
ครูคิดในใจพร้อมกับถามเด็กว่าเราจะกลับมาทันข้าวเย็นมั้ย
"โธ่...ครูกลัวหิวเหรอ ไปป่าไม่ต้องกลัวหิวหรอกครู"
ขณะเดียวกันที่เด็กชายเด็ดหญ้าชนิดหนึ่งมายื่นให้ครูแล้วบอกให้ลองชิมดูครูขมวดคิ้วและสับสนว่าตนเป็นวัวหรือเป็นคน ทำไมเด็กถึงเอาต้นหญ้าอ่อนๆ ให้กินเด็กชายเหมือนจะรู้จากสีหน้าของครูเลยจัดการกินให้ดูแล้ว เด็ดหญ้าต้นใหม่ให้ครู
"อื่ม...ไม่เลว"
แล้วทั้งสองก็เดินต่อโดยที่ครูเริ่มมีคำถามมากมายกับ ตัวเอง เด็กชายมีสิ่งใหม่ ๆ นำเสนอครูเป็นระยะๆ ตลอดเส้นทางนั้น

"ดอกไม้นี้เขาเรียกดอกอะไรเหรอครู (ครูส่ายหน้าแทนคำตอบว่าไม่ทราบ) น้ำหวานข้างในกินได้นะ" เด็กกินแล้วส่งให้ครู
"ใบไม้นี้เขาเรียกใบอะไรเหรอครู (ครูส่ายหน้า) กินได้นะกินกับน้ำพริกยิ่งอร่อย"
เด็กกินแล้วส่งให้ครู
"ผลไม้นี้พวกเราเรียกว่า อาพีลาเคาะ แล้วครูเรียกว่าอะไรเหรอ" (ครูส่ายหน้า)
เด็กกินแล้วส่งให้ครู
"ครูหิวน้ำ" ชายหนุ่มเปรยออกไป เด็กชายรีบสวนทันควัน
"ว่าแล้ว เพราะอาพีลาเคาะมันเปรี้ยว กินแล้วหิวน้ำ เดี๋ยวก็ถึงห้วยแล้วครับ"

ทั้งสองเดินต่อโดยไม่มีคำพูดคุยใดๆ จนถึงลำธารเล็กๆ ที่มีรางน้ำซึ่งเป็นไม้ไผ่ผ่าซีกสำหรับให้น้ำไหลเพื่อสะดวกในการรองรับน้ำ ชายหนุ่มรีบเอามือทั้งสองรองน้ำเพื่อดื่มแต่เขาก็ต้องปล่อยน้ำทิ้ง เพราะรู้สึกว่าน้ำมีตะกอนเด็กชายเหมือนรู้ทันเหตุการณ์เขารีบเด็ดใบไม้มาขยำให้เป็นก้อนแล้ววางลงตรงรางน้ำเพื่อให้น้ำที่ไหลมาผ่านการกรองด้วยใบไม้ในระดับหนึ่ง ครูยื่นกระพุ้งมือไปรับน้ำแล้วคิ้วก็ขมวดเข้าหากัน น้ำใสไร้ตะกอน ทำให้เขาดื่มเข้าไปมากเท่าไหร่ไม่รู้ เพราะด้วยความกระหาย แค่ทางเดินผ่านมาไม่กี่ร้อยเมตร แต่เขาได้เรียนรู้วิธีการใช้ชีวิตมากมาย เด็กคนนี้เอาตัวรอดได้ตลอดเวลาไม่มีวันอด เพราะทักษะชีวิตที่มีอยู่จะทำให้เขากล้าหาญในการใช้ชีวิตบนวิถีแห่งป่าดอยอย่างนี้ แล้วครูล่ะตั้งแต่เดินมาเขาสอนอะไรเด็กบ้าง มีแต่เด็กสอนเขา และเขาก็คิดว่าเป็นนักเรียนที่ดีด้วย เพราะไม่งั้นเขาคงชวนเด็กเดินกลับบ้านไปนานแล้ว ครูเริ่มมั่นใจในการเดินไปด้วยกันว่าเขาจะไม่ได้รับอันตรายอย่างแน่นอน เพราะเขามีบอร์ดี้การ์ดที่มีฝืมือช่ำชองกับพื้นที่อย่างเด็กชายผู้นี้

...สามวันผ่านไปเขาสังเกตว่าเด็กชายเริ่มพูดเพื่ออธิบายสิ่งต่างๆ มากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งต่างจากวันแรกที่ทั้งขี้อาย และหลบซ่อนสายตาของครู ชายหนุ่มรู้ตัวแล้วว่าเขากำลังเป็นครูโดยไม่ตั้งใจเขารับรู้ได้จากที่เด็กชายพูดกับเขาเล่าเรื่องต่างๆ ให้ฟัง เวลาเดินไปไหน คนที่นำหน้าก็คือเด็กไม่ใช่ครู เขารู้แล้วว่าสิ่งนี้แหละคือสิ่งที่เขากำลังให้โดยเด็กไม่รู้ตัว เขาทำให้เด็กกล้าพูด เขาทำให้เด็กแสดงออกถึงความเป็นผู้นำ เขาเปิดโอกาสให้เด็กถ่ายทอดสิ่งที่มีอยู่ในใจ หัวใจของเด็กชายพองโต เมื่อวันหนึ่งผู้ที่เดินทางไกลมาจากไหนไม่รู้ อยู่ๆ ก็มาขอเป็นเพื่อนกับเขาโดยบอกว่าเป็นครูอาสา เด็กชายได้สัมผัสถึงความหมายว่าครูอาสากับเพื่อนช่างเป็นคำที่ใกล้ชิดกันมากจนเกือบจะเป็นคำเดียวกัน จนวันสุดท้ายเขาเศร้าและเหงาหงอยเพราะเพื่อนหรือครูอาสาบอกว่าจะต้องจากเขาไปในวันนี้ จะมีโอกาสไหนภาคภูมิใจได้เท่าครั้งนี้อีกหนอที่เขาจะได้เล่าได้คุยเรื่องราวชนเผ่าของเขาด้วยปากของเขาเอง เส้นทางไปไร่คงมีเขาเดินคนเดียว มีดเล่มเดิมแต่เดินโดยไม่มีคำพูดเหมือนดั่งเคยมีคนหนึ่งเดินเคียงข้างไปไร่กับเขาด้วยเสื้อผ้าเนื้อดี รองเท้าคู่สวยแต่คนๆนั้นก็เต็มใจเดินไปกับเขาและยอมให้เขาสอนทุกอย่างที่เขารู้เมื่อไหร่จะมีครูอาสากลับมาให้เขาได้สอนใช้ชีวิตอย่างนี้อีกหนอชายหนุ่มเก็บสัมภาระและเดินมารวมกลุ่มกับครูคนอื่นๆ ทุกคนกำลังพูดคุยกับเด็กๆ บ้างมีน้ำตา บ้างมีเสียงหัวเราะที่ฟังดูแปล่งๆ (เหมือนฝืนหัวเราะ) เขาเดินไปหาเด็กชายคู่หู

"ขอบคุณมากสำหรับความรู้ที่สอนครู ครูจะไม่ลืมที่นี่และวิชาที่เราสอนเลย แล้วครูจะกลับมาอีกนะ"
สิ้นคำพูดทั้งสองโผเข้ากอดกันและกัน เด็กชายร้องไห้สะอืกสะอื้น ชายหนุ่มน้ำตาคลอเบ้า เขาจับมือเด็กชาย
"แล้วครูจะกลับมาเป็นนักเรียนของหนูอีกนะ"

สร้อยข้อมือที่เด็กชายเตรียมไว้ถูกผูกลงบนมือของครูมันจะเป็นของที่ระลึกที่ครูจะ
จดจำตลอดไป จดจำทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่นี่เพราะมันจะไม่มีวันเกิดขึ้นในสังคมที่ครู
ใช้ชีวิตอยู่จะเป็นครูอาสาหรือเป็นนักเรียนอาสาก็มีคุณค่าเท่ากัน คุณค่าแห่งการ
เรียนรู้และคุณค่าของประสบการณ์ชีวิต โดยไม่จำเป็นว่ามือต้องถือชอล์ค หรือถือ
หนังสือเรียน แต่เราให้อะไรก็ได้ที่มีอยู่ในใจเราขอเพียงเปิดกว้างกับคำว่าครูก็ถือว่า
ทุกคนคือ "คนที่มีหัวใจเป็นครู" นั่นเอง...

ที่มา : www.bannok.com : คำบ่น : โดนัท
โดยคุณ : ไม่รู้ สิ - [10:52:34  4 มิ.ย. 2545]

ความคิดเห็นที่ 1
จะเป็นครูอาสาหรือเป็นนักเรียนอาสาก็มีคุณค่าเท่ากัน คุณค่าแห่งการ
เรียนรู้และคุณค่าของประสบการณ์ชีวิต โดยไม่จำเป็นว่ามือต้องถือชอล์ค หรือถือ
หนังสือเรียน แต่เราให้อะไรก็ได้ที่มีอยู่ในใจเราขอเพียงเปิดกว้างกับคำว่าครูก็ถือว่า
ทุกคนคือ "คนที่มีหัวใจเป็นครู" นั่นเอง...

@^-^@ .. ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ ที่เอามาให้อ่านนะจ๊ะ
โดยคุณ :akejung - [14:10:18  4 มิ.ย. 2545]

ความคิดเห็นที่ 2
จะเป็นครูอาสาหรือเป็นนักเรียนอาสาก็มีคุณค่าเท่ากัน คุณค่าแห่งการ
เรียนรู้และคุณค่าของประสบการณ์ชีวิต โดยไม่จำเป็นว่ามือต้องถือชอล์ค หรือถือ
หนังสือเรียน แต่เราให้อะไรก็ได้ที่มีอยู่ในใจเราขอเพียงเปิดกว้างกับคำว่าครูก็ถือว่า
ทุกคนคือ "คนที่มีหัวใจเป็นครู" นั่นเอง...

@^-^@ .. ขอบคุณสำหรับเรื่องดีๆ ที่เอามาให้อ่านนะจ๊ะ
โดยคุณ :akejung - [14:11:02  4 มิ.ย. 2545]

ความคิดเห็นที่ 3
:~~~(
โดยคุณ :ไม่เคยคิดถาม - [22:08:58  4 มิ.ย. 2545]

ความคิดเห็นที่ 4
ชอบครับใครก็ตามที่เล่าเรื่องนี้อยากทำความรู้จักครับ
โดยคุณ :ทอม - [16:21:11  17 ต.ค. 2551]

ขอเชิญร่วมเสนอแนะความคิดเห็นครับ
จาก :
email :
icq :
รูปภาพ :

รายละเอียด

อาการ :



กรุณาคลิก "ส่งข้อมูล" เพียงครั้งเดียวครับ....