ขอบคุณกองทุนเฉลียงที่เปิดโอกาสให้พวกเราได้ไปเที่ยวทะเล ( บันทีกจากประธานมูลนิธิ )
บันทึกแห่งความสุขบนเส้นทางเที่ยวละไมดั่งใจฝัน
ระหว่างวันที่ 20 23 ตุลาคม 2549
ห้าปีแห่งการรอคอย ความฝันก็เป็นจริงวันนี้ ดีใจจังเลย ดีใจจริงๆ ฉันได้แว่วยินเสียงของผู้พิการ คนหนึ่งคุยด้วยสีหน้าแววตาที่เต็มไปด้วยความสุขอันล้นเหลือกับกลุ่มเพื่อน ๆ ผู้พิการด้วยกันเอง มันเป็นความจริงที่ฉันปฏิเสธไม่ได้เลย นานทีเดียวที่กว่าจะมีวันนี้ วันที่สมหวัง วันที่พวกเราทั้งผู้พิการ เด็กด้อยโอกาสลูกหลานผู้ป่วยโรคเรื้อน อาสาสมัครและทีมงานในนามมูลนิธิตะวันฉาย จะได้เตรียมตัวและพาหัวใจดวงแกร่งขึ้นรถบัสคันโตสองชั้นไปเที่ยวทะเล
หากมองย้อนกลับไปเมื่อเกือบ 5 ปีที่ผ่านมา คุณแตง (บุญถนอม ศรีแผ้ว) ได้แนะนำให้พวกเราโดยเฉพาะอรพิน สาวน้อยผู้น่ารักจากแม่สะเรียงได้รู้จักพี่จุ้ย (คุณศุ บุญเลี้ยง) และพี่จ๋า วันเวลาผ่านไป จากความรัก ความเอื้ออาทร กลายเป็นความผูกพัน ไม่นานพวกเราก็ได้มีโอกาสเล่าความฝันให้พี่จุ้ยฟัง พวกเราเป็นชาวเหนือที่ไม่รู้ว่าทะเลเป็นเช่นไร พวกเราอยากไปเที่ยวทะเล มันเป็นความใฝ่ฝันที่ยิ่งใหญ่และยากที่จะเป็นจริงได้ แต่ด้วยความรักที่พี่จุ้ยมีต่อพวกเรา พี่จุ้ยได้แนะนำให้ทำโครงการขอรับการสนับสนุนเงินทุนจาก กองทุนเฉลียง จึงส่งผลให้มีวันนี้ แม้ว่าจะใช้เวลานานกว่าที่จะพร้อมสำหรับการเดินทางครั้งนี้ แต่วันนี้พวกเราพร้อมแล้ว พร้อมที่จะก้าวเดินและเก็บเกี่ยวความสุขบนเส้นทางเที่ยวละไมดั่งใจฝัน ที่เกิดจากความรัก อันยิ่งใหญ่ของทุกคน
วันแรกของเส้นทางเที่ยวละไมดั่งใจฝัน พวกเราได้ตระเตรียมทั้งสัมภาระส่วนตัวและข้าวของเครื่องใช้ที่จำเป็นต่อการดำเนินชีวิตของผู้พิการ แล้วค่อยๆ ทยอยขนขึ้นรถบัสดังกล่าว ช่วงที่ขนของขึ้นรถบัส ฉันรู้สึกหวั่น ๆ เหมือนกันว่าจะไม่สามารถขนของที่จำเป็นไปได้หมด โดยเฉพาะรถเข็นของผู้พิการอัมพาตระดับคอ ที่มีขนาดใหญ่ไม่สามารถบรรจุไว้ในช่องเก็บของดังรถเข็นคันอื่นๆ ได้ ท้ายที่สุดเราตัดสินใจยกขึ้นไว้ในช่องทางเดินภายในรถบัส ซึ่งดูเกะกะมาก แต่ก็ไม่เป็นปัญหาสำหรับพวกเรา เพราะว่ารถเข็นคันนี้จำเป็นมากสำหรับการไปเที่ยวทะเลในครั้งนี้
รถบัสเริ่มออกเดินทางเวลา 18:00 น. ตรงตามเวลาที่กำหนดไว้ โดยพนักงานขับรถของบริษัทจงเจริญทัวร์ ที่แสนสุภาพ ใจเย็น ขับรถดีเยี่ยม พาพวกเราไปและกลับโดยไม่มีอาการเมารถเลยแม้แต่คนเดียว ทั้งๆ ที่มันเป็นประสบการณ์ครั้งแรกของการนั่งรถสองชั้นก็ตาม ซึ่งช่วงแรกของการเดินทางพวกเราสนุกสนานไปกับกิจกรรมการถามตอบปัญหาชิงรางวัลและการร้องเพลงคาราโอเกะ ภายหลังจากการรับฟังการชี้แจงที่มาที่ไปของการทัศนศึกษาครั้งนี้ร่วมกัน จนกระทั่งเกือบ 4 ทุ่ม พวกเราก็หลับพักผ่อนบนเก้าอี้อันแสนอ่อนนุ่มและอบอุ่น ปล่อยให้พนักงานขับรถนำพาพวกเราสู่จังหวัดระยอง
การเดินทางเป็นไปด้วยความเรียบร้อย พวกเราถึงจังหวัดระยองเมื่อเวลาเช้าของวันเสาร์ที่ 21 ตุลาคม 2549 แวะทำกิจวัตรส่วนตัวและรับประทานอาหารเช้าที่ปั้มน้ำมันแห่งหนึ่งก่อนเข้าที่พัก ที่มีชื่อว่าบ้านพัก ลมทะเลใกล้กับหาดพลาที่ได้ติดต่อจองไว้ตั้งแต่ก่อนเดินทาง โดยความช่วยเหลือของน้องปอ บัณทิตมหาวิทยาลัยเชียงใหม่และครอบครัว ระหว่างทางก่อนถึงที่พักดังกล่าวผู้พิการและเด็กด้อยโอกาสทุกคนตื่นเต้นกับการได้เห็นทะเลเป็นอย่างมาก อย่างออกหน้าออกตา หลายคนอยากลงทะเล อยากสัมผัสรสเค็มของทะเล ให้สมอยาก
เวลาสายของวันดังกล่าว ทีมงานได้เรียกประชุมตกลงเรื่องกิจกรรมต่างๆ ซึ่งมีข้อตกลงร่วมกันที่ใช้เวลาช่วงเช้านี้เที่ยวชม Rayong Aquarium และชายหาดบ้านเพ ก่อนที่จะกลับมาเล่นน้ำทะเลที่หาดพลาในช่วยบ่ายแก่ๆ การไปเที่ยวชม Rayong Aquarium ผู้พิการตื่นตาตื่นใจกับอุโมงค์ปลาที่มีปลาและสัตว์ทะเลหลายชนิด หลากสีสันเป็นจำนวนมาก ซึ่งพวกเราใช้เวลานานพอสมควรในการเที่ยวชมและเก็บข้อมูลตามที่ทีมงานแจ้ง เพื่อนำกลับมาเล่าสู่กันฟังอันเป็นการแลกเปลี่ยนประสบการณ์ความรู้สึกร่วมกันในช่วงกลางคืน
เวลาประมาณบ่าย 4 โมงเย็น ทีมงานได้พาผู้พิการและเด็กด้อยโอกาสไปเล่นน้ำทะเล ในขณะทีมอาสาสมัครกำลังขมักเขม่นเตรียมอาหารทะเลที่ผู้พิการและเด็กด้อยโอกาสอยากรับประทาน
ที่ชายหาดผู้พิการหลายคนนั่งอยู่ริมชายหาดมองดูคลื่นที่พัดมากระทบฝั่งอย่างหวาดหวั่น เพราะนี่เป็นครั้งแรกของชีวิตที่ได้เห็น ได้สัมผัสทะเลจริง ๆ มันช่างกว้างใหญ่ไกลสุดตาจนน่ากลัว พวกเขาหลงคิดไปว่าหากลงไปในทะเลตัวเขาคงจะลอยตามน้ำทะเลไปไกล ท่ามกลางความตื่นเต้นหวาดหวั่น ทีมงานและเด็ก ด้อยโอกาสได้ช่วยกันลุ้น ช่วยกันผลักช่วยกันดันรถเข็นที่มีผู้พิการนั่งลงไปในน้ำทะเล ให้ผู้พิการได้สัมผัส กับน้ำทะเล จนพวกเขารู้สึกคลายความวิตกและตัดสินใจลงไปเล่นน้ำทะเลกับเด็กด้อยโอกาสและทีมงานทุกคนอย่างสนุกสนาน ฉันเห็นรอยยิ้มของอรพินที่นั่งบนรถเข็นริมชายหาด ฉันเห็นชูชาติชายหนุ่มผู้ไม่มีขาลอยก้น วายน้ำท่ามกลางเพื่อนผู้พิการอัมพาตเช่นแสนแก้ว บุญมีและวิชัย ในขณะที่สาวน้อยลูกครึ่งเมืองเหนือและใต้ นุชนารถ และสาวคูสาวชาวม้งนอนแช่น้ำทะเลและรอคลื่นพัดมากระแทกตัวอย่างสนุกสุดเหวี่ยงท่ามกลางเด็ก ๆ ด้อยโอกาส ฉันเห็นเก้าลิ่นและตะวันเล่นโยนบอลกับลูกหลานอาสาสมัครในทะเลลึกลงไป แต่ดูเหมือนเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พระอาทิตย์ดวงโตเริ่มคล้อยต่ำเตรียมลับสายตา ณ ขอบฟ้าฟากตะวันตกของชายหาดพลา ที่พวกเรากำลังเล่นน้ำอยู่ มีเสียงตระโกนผ่านโทรโข่งเรียกร้องให้ทุกคนขึ้นจากน้ำทะเลและกลับไปเตรียมตัวเพื่อรับประทานอาหารเย็น
ค่ำคืนของวันที่แสนสนุก สุขสม เต็มไปด้วยรอยยิ้มอิ่มเอมใจ ทุกคนรับประทานอาหารทะเลกันอย่างอร่อยรส รวมทั้งทำกิจกรรมร่วมกันท่ามกลางฝุ่นแป้งยี่ห้อ Baby Mild ที่ตลบอบอวลไปพร้อมกับเสียงเพลง เสียงปรบมือ เสียงพูดคุยถามตอบปัญหา เสียงหัวเราะเคลียคลอไปกับเสียงคลื่นลมในทะเล ฉันได้ยินอาสาสมัครที่มาช่วยงานครั้งนี้ ซึ่งไม่เคยสัมผัสชีวิตผู้พิการและเด็กด้อยโอกาสมาก่อนหน้า กล่าวชื่นชมผู้พิการและรู้สึกผูกพันแม้จะไม่เคยรู้จักกันมาก่อน อีกทั้งรู้สึกมีความสุขที่ได้มีโอกาสร่วมเดินทางมาในครั้งนี้ และได้ทำหลายสิ่งหลายอย่างให้กับผู้พิการและเด็กด้อยโอกาส ค่ำคืนนี้เป็นค่ำคืนที่ทุกคนหลับไปพร้อมกับความฝันที่เป็นจริง
เช้ามืดของวันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคม 2549 ฉันและทีมงานได้พาผู้พิการและเด็กด้อยโอกาสไปดู พระอาทิตย์ขึ้นตามคำร้องขอของอรพิน สาวน้อยผู้น่ารักจากแม่สะเรียง พวกเราได้เห็นดวงอาทิตย์ค่อยๆ โผล่ขึ้นที่ขอบฟ้ากว้างด้านตะวันออกของหาดพลา ในขณะที่น้ำทะเลสงบเงียบ ชายหาดทอดยาวสงบนิ่ง เรือประมงหลายลำเริ่มออกหาปลา แต่ชาวเราเดินเก็บเปลือกหอยริมชายทะเล เพื่อนำไปฝากเพื่อนๆ ที่เชียงใหม่ ดวงอาทิตย์ลอยสูงขึ้น พวกเราอาบแสงอาทิตย์ของวันนี้อย่างอบอุ่นขณะเดินกลับที่พัก
หลังจากรับประทานอาหารเช้าเสร็จเรียบร้อย น้องๆ อาสาสมัครจากนครชัยศรี 5 คน ที่เดินทางมาสมทบอาสาเป็นไกด์นำพวกเราไปเที่ยว โดยกำหนดแผนจะไปเที่ยวที่เกาะลอย แหลมแท่น เขาสามมุก และตลาดหนองมน แหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของจังหวัดชลบุรี พวกเราออกเดินทางพร้อมกับติดต่อกับพี่จุ้ย (คุณศุ บุญเลี้ยง) และพี่จ๋า ซึ่งตกลงนัดพบกันที่เกาะลอย พวกเราเดินทางไปถึงเกาะลอยในขณะที่พี่จุ้ยและพี่จ๋ารอพวกเราที่นั่น เราเริ่มทยอยลงจากรถบัสด้วยการอุ้มผู้พิการลงจากรถบัส แม้ว่าผู้พิการบางคนจะตัวใหญ่ แต่ด้วยแรงใจที่มีร่วมกันมาโดยตลอดนับตั้งแต่เดินทาง พวกเราโดยเฉพาะแบงค์ นุ เกษม และฉัน ได้ผลัดเปลี่ยนหมุนเวียนช่วยกันอุ้มผู้พิการลงจากรถบัสทุกครั้งที่ถึงสถานที่ท่องเที่ยว พวกเรารู้สึกมีความสุขร่วมกัน ต่างคนต่างมีใจให้กันและกัน มีรอยยิ้ม มีเสียงหัวเราะจากเรื่องเล่าแสนสนุกและขำขันจากพฤติกรรมคำพูดของพวกเราตลอดเส้นทางเที่ยวละไมดั่งใจฝันในครั้งนี้
ที่เกาะลอยพวกเราได้เห็นเต่าตัวใหญ่มาก มากๆ พวกเราสนุกสนานกับการให้อาหารเต่า ได้เห็น ท้องทะเลที่แตกต่างจากทะเลที่หาดพลา จังหวัดระยองที่เราพัก เห็นผู้คนมากมาก ได้ไหว้พระทำบุญ ได้ถ่ายรูป ได้ซื้อของที่ระลึก ของกินเล่น ก่อนจะเดินทางไปเที่ยวชมพิพิธภัณฑ์และสถานเลี้ยงสัตว์น้ำเค็ม สถาบันวิทยาศาสตร์ทางทะเล มหาวิทยาลัยบูรพา
ณ. ที่แห่งนั้น พวกเราได้ตั้งวงถามตอบปัญหาชิงรางวัลร่วมกับพี่จุ้ย พี่จ๋า อย่างสนุกสนาน พวกเราได้ทานไอศกรีมจากน้ำใจของพี่จุ้ย พี่จ๋า น้ำดื่มและอาหารจากการบริการของทีมอาสาสมัคร ก่อนแวะเข้าชมพิพิธภัณฑ์
ภายในพิพิธภัณฑ์ อาสาสมัครต้องทำงานอย่างหนักด้วยการยกรถเข็นของผู้พิการขึ้นและลงบันได หลายขั้น เนื่องจากไม่มีทางลาด แต่ภายในนั้นมีสัตว์ทะเลสวยงามมากมาย โดยเฉพาะสัตว์ทะเลแปลกตา เช่น ปลาไหลทะเลตัวเล็ก ๆ ม้าน้ำ ปลาหนังคางคก ปลาสิงโต และอื่น ๆ อีกมากมาย ผู้พิการและเด็กด้อยโอกาสใช้เวลาชมและบันทึกความรู้เป็นเวลานานมากก่อนเดินทางต่อไปยังแหลมแท่น พวกเราได้แต่ชมทัศนียภาพ จากรถบัสเนื่องจากคนเยอะมาก แม้แต่ที่เขาสามมุกก็เช่นกัน พวกเราจึงได้แต่นั่งรถเที่ยวและตัดสินใจเดินทางกลับที่พักเพื่อหวังจะเล่นน้ำทะเลกัน แต่การเดินทางวันนี้มีอุปสรรคเนื่องจากปริมาณรถบนท้องถนนเยอะมาก ทำให้เราเดินทางถึงที่พัก ค่ำมาก ไม่มีโอกาสเล่นน้ำทะเลตามที่ตั้งใจ จึงเปลี่ยนแผนเป็นทำกิจกรรมภายหลังจากรับประทานอาหารเย็น โดยกำหนดให้เช้าวันที่ 23 ตุลาคม 2549 ให้ทุกคนเล่นน้ำทะเลกันอย่างเต็มที่ตามแต่ใจใฝ่ฝัน
ตลอดเส้นทางที่พวกเราเดินทางจากจังหวัดชลบุรีเพื่อกลับที่พัก พวกเราได้รับโทรศัพท์จากพี่จุ้ย พี่จ๋า ตลอดเป็นระยะ ๆ ด้วยความเป็นห่วง พวกเรารับทราบว่าพี่จุ้ยและพี่จ๋าได้แวะไปรอพวกเราที่หาดพลาเพื่อร่วมกิจกรรม แต่ไม่สามารถทำได้เนื่องจากพวกเราเดินทางถึงที่พักค่ำมาก เลยอดฟังเพลงเพราะ ๆ จากพี่จุ้ย เสียดายแต่ไม่เสียใจ เพราะเสียงเพลงเที่ยวละไมของพี่จุ้ยดังอยู่ในหัวใจพวกเราตลอดเวลา
ค่ำคืนของวันอาทิตย์ที่ 22 ตุลาคม 2549 ทีมงานได้เตรียมเกมและการประกวดร้องเพลง โดยแบ่งกลุ่ม ผู้พิการและเด็กด้อยโอกาสเป็น 4 กลุ่ม แต่ละกลุ่มตั้งชื่อกลุ่มของตนเองและทำงานกันเป็นทีม โดยมีอาสาสมัครเป็นกรรมการตัดสิน ซึ่งทุกกลุ่มได้รับรางวัลอย่างถ้วนหน้า ก่อนที่จะแยกย้ายเข้านอนหลับฝันดี
เช้าวันจันทร์ที่ 23 ตุลาคม 2549 เป็นเช้าวันที่สดใส ทุกคนลงเล่นน้ำทะเลอย่างชุ่มฉ่ำใจ ผู้พิการเล่นอย่างไม่หวาดวิตกเช่นวันแรกที่เดินทางมาถึง ผู้พิการอัมพาตครึ่งท่อนบอกกับฉันว่า การลงไปในน้ำทะเลเหมือนกับตัวเองเดินได้อีกครั้ง หลายคนนอนแช่น้ำริมชายหาด หลับตา ปล่อยใจล่องลอยไปตามจิตนาการ หลายคนก่อกองทราย หลายคนเก็บเปลือกหอย หลายคนโยนลูกบอลเล่นกัน หลายคนเต๊ะท่าถ่ายรูปอย่างสนุกสนาน
พวกเราเก็บข้าวของเครื่องใช้ทั้งส่วนตัวส่วนรวมขึ้นรถบัสเพื่อเตรียมตัวเดินทางกลับเชียงใหม่ หลายคนมองทะเลช่วงสาย ๆ ด้วยความรู้สึกผูกพันและสัญญากับตัวเองว่าจะกลับมาเที่ยวอีกให้ได้
พวกเราเดินทางถึงอำเภอศรีราชา แวะรับประทานอาหารและซื้อของฝากก่อนที่จะมุ่งหน้าสู่จังหวัดเชียงใหม่ ตลอดเวลาของการเดินทางกลับ พวกเราใช้เวลาทำกิจกรรมหลากหลายในรถบัส เริ่มจากการเล่าเรื่องชีวิตของตนคนพิการให้พี่ๆ อาสาสมัครฟังผ่านระบบเสียงจากชั้นบนสู่ชั้นล่าง จากชั้นล่างสู่ชั้นบน การร้องเพลงคาราโอเกะร่วมกัน ตอบคำถามความรู้จากการทัศนศึกษาครั้งนี้เพื่อชิงรางวัลเงินสดจากพี่ๆ อาสาสมัคร การเขียนความประทับใจ การเขียนข้อความถึงพี่จุ้ย พี่จ๋าและกองทุนเฉลียง รวมทั้งเล่าเรื่องชวนขันกันตลอดทาง
สุดท้าย ท้ายสุดแต่ละคนได้กล่าวความประทับใจจากความรู้สึกที่มีต่อกัน ซึ่งเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะเพราะมีเรื่องเล่ากระเซ้าเย้าแย่กับรอยยิ้มจากภาพอดีตในวันวานที่ผ่านมาอันเต็มไปด้วยความสุขสมหวัง หยาดน้ำตาจากความปิติที่ผูกพันกัน ระลึกถึงกันและกันเสมอของผู้พิการ 11 ชีวิต เด็กด้อยโอกาส 10 ชีวิต อาสาสมัครและลูกหลาน 13 ชีวิต อาสาสมัครชาวเยอรมัน 1 ชีวิต ทีมงานบ้านทักษิณ 4 ชีวิต และทีมงานมูลนิธิตะวันฉาย 4 ชีวิต ซึ่งพวกเราหวังว่าครั้งนี้มิใช่ครั้งแรกและครั้งสุดท้ายที่จะมีโอกาสร่วมทำกิจกรรม และมิใช่เพียงพวกเรา ผู้พิการที่มาครั้งนี้เท่านั้น พวกเราหวังว่าอนาคตอันใกล้จะมีกิจกรรมดีๆ เช่นนี้อีก เพื่อเติมเต็มความฝัน ความสุขให้กับผู้ด้อยโอกาสในสังคมและเพื่อเปิดโอกาสการเข้ามามีส่วนร่วมกันในการทำสิ่งดีๆ เพื่อตัวตนและผู้คนรอบข้าง
ในนามมูลนิธิตะวันฉาย ซึ่งเป็นแม่งานประสานผู้คนและเรื่องราวต่าง ๆ ขอขอบคุณพี่จุ้ย (คุณศุ บุญเลี้ยง) และพี่จ๋า ที่เอื้ออาทรต่อพวกเรารักพวกเราเหมือนพี่น้อง ช่วยเหลือเกื้อกูลกันมาโดยตลอด ขอขอบคุณคณะกรรมการกองทุนเฉลียง ที่สนับสนุนเงินทุนสำหรับโครงการนี้ ขอขอบคุณทีมอาสาสมัคร ซึ่งเป็นบุคลากรของบริษัทเชียงใหม่ทัศนาภรณ์ จำกัด พร้อมบุตรหลาน ที่ช่วยดูแลเรื่องอาหารการกินและ ขนข้าวของเครื่องใช้ รวมทั้งร่วมทำกิจกรรมกับผู้พิการและเด็กด้อยโอกาสอย่างสนุกสนาน ขอบคุณ คุณแมรี่แอน เวลแลนบล็อก และทีมงานบ้านทักษิณ ที่ช่วยดูแลผู้พิการตลอดการเดินทางและทำกิจกรรม อย่างไม่มีขาดตกบกพร่อง ขอบคุณในน้ำจิตน้ำใจที่มีให้กันตลอดเวลา ขอขอบคุณทีมงานน้อง ๆ จากนครชัยศรี ที่นำพาเราเที่ยวชมสถานที่ท่องเที่ยวและเป็นแรงแบ่งเบาภาระพวกเราตลอดช่วงเวลาที่อยู่ร่วมกัน ขอบคุณทุกคนทุกองค์กรที่อำนวยความสะดวกในการเที่ยวชมสถานที่ต่าง ๆ ตลอดวันคืนที่ผ่านมา ขอบคุณคุณเอ คุณโย พนักงานขับรถบริษัทจงเจริญทัวร์ จำกัด ที่นำพาพวกเราไปและกลับอย่างดี มีความสุขและปลอดภัย
ขอชื่นชมในความเข้มแข็งและอดทนของผู้พิการ แม้ว่าจะเดินทางไกลในครั้งแรกของชีวิต ขอขอบใจในมิตรภาพที่น้อง ๆ ลูกหลานผู้ป่วยโรคเรื้อนมีให้กับพี่ ๆ ผู้พิการ ขอบคุณทุกท่านที่มีส่วนร่วมในการผลักดันให้เกิดสิ่งดีเช่นนี้ แม้จะไม่ได้เอ่ยนามในที่นี้ แต่ขอให้รับรู้ไว้ว่าทุกท่านอยู่ในใจพวกเราเสมอและขอบคุณอยู่ตลอดเวลา
บันทึกจากความจำอันมีค่า
นายระธี ไชยพรพัฒนา
ประธานกรรมการมูลนิธิตะวันฉาย
โดยคุณ :
มูลนิธิตะวันฉาย - [18:54:45 9 พ.ย. 2549] |