กระดานความรู้สึก


Princess in our heart!
มีเพื่อนส่งมาให้อ่าน อาจจะยาวหน่อยแต่อยากให้อ่านค่ะ
Princess in our heart!
เพื่อนผมเคยเล่าให้ฟังว่า สักประมาณ 20 ปีที่แล้ว

ขณะที่เขากำลังเดินดูหนังสือในร้านหนังสือดวง
กมล สยามแสควร์ ก็มีนิสิตหญิงจุฬา สองสามคน
เดินเข้ามาในร้าน นิสิตคนหนึ่งใบหน้า สวย คม จัดว่าสวยน่ารัก
แต่ใบหน้าดูคุ้นเหลือเกิน ทันใด เขาก็เห็นคนเริ่ม ไหว้บ้าง ค้อมศรีษะบ้าง ให้แก่
นิสิตคนนั้น แต่ก็มี เสียงเอ่ยขึ้นมาอย่างเกรงใจจากนิสิตคนนั้นว่า
"ไม่เป็นไรค่ะ ขอบคุณค่ะ วันนี้เป็นนิสิต มาหาซื้อหนังสือ
เชิญทุกท่านตามสบายค่ะ" ทุกคำที่เอ่ย จะมีคำว่า "ค่ะ" ตลอด แล้วก็หันไปยิ้มแบบเขิน ๆ กับ
เพื่อนทีมาด้วย กริยาช่างงามน่ารักเหลือเกิน เพื่อนผมย้ำ ทันใดนิสิตกลุ่มนั้น
ก็หันไปเห็นผู้อาวุโสท่านหนึ่งกำลังเดินดูหนังสืออยู่ใน ร้านเหมือนกัน จึงเดินเข้าไปหา
พร้อมยกมือไหว้ผู้อาวุโสท่านนั้น รวมทั้งนิสิต ใบหน้าสวยคม คนนั้นซึ่งเป็นผู้เอ่ยทักท่านอาวุโสท่านนั้น
"สวัสดี ค่ะ อาจารย์ มาหาซื้อหนังสือเหรอค่ะ" ทันใด ท่านอาวุโสก็สะดุ้ง กำลังจะก้ม
และย่อตัวลงในท่าทำความเคารพ แต่ความที่อยู่ในวัยชรา จึงไม่ค่อยถนัด พร้อมกับเอ่ยขึ้นว่า
อ้าว องค์หญิง กระหม่อมมาหาซื้อหนังสือ พะยะค่ะ" ในตอนนั้นเพื่อนผม ก็ตื่นจากภวังค์ และเริ่มจำได้
นิสิตท่านนั้นก็คือ สมเด็จพระเทพฯ นั่นเอง ในตอนนั้น พระเทพ ก็ทรงเข้ามาประคอง อาจารย์ ท่านนั้น
พร้อมกับตรัสกับอาจาาย์ท่านนั้นว่า "ไม่เป็นไรค่ะ อาจารย์ หนูกับเพื่อน มาหาซื้อหนังสือเหมือนกัน ค่ะ"
เพื่อนผม บอกว่า ตั้งแต่วันนั้นเป็นต้นมา เขารัก และเทอดทูนเจ้าหญิง องค์น้อย ในขณะนั้น เป็นต้นมา
ความที่ท่านไม่ทรงถือ พระองค์ เป็นมาตั้งแต่ยังทรงพระเยาว์ และดำเนินมาตลอดปรากฏการณ์
ที่เพื่อผมเล่าให้ฟัง เป็นเรื่องปกติของพระองค์ท่าน ผมเคยไปนั่งทานข้าวต้ม ผักบุ้งลอยฟ้า ที่
พิษณุโลก ก็ต้องตะลึง เมื่อเห็นรูป พระองค์ ทรงสนุกกับการถือจานรับผักบุ้ง บนหลังคารถ เด็กที่ร้านเล่าว่า
พระองค์ไม่ถือพระองค์เลย ตรัสล้อเล่นกับเด็กเสิร์ฟด้วย และทรงเสวยกับชามข้าวต้มของร้าน
ไม่ได้พิเศษจากลูกค้าคนอื่น ทรงประทับบนเก้าอื้ทั่ว ๆ ไปในร้าน นึกถึงพระองค์ทีไร ก็รู้สึกตื้นตันทุกที
เจ้าฟ้าหญิงของประชาชนที่แท้จริง เคยอ่านมาจากหนังสือสกุลไทย ช่วงตอบปัญหาของใครจำไม่ได้แล้ว
มีคนเขียนไปถามเจ้าของคอลัมภ์ว่าจริงหรือเปล่าที่ พระองค์เคยเสด็จเป็นการส่วนพ ระองค์ยังเมืองทองธานี
เพื่อเสวยร้านอาหารโต้รุ่งเค้าก็ เขียนตอบว่าจริงพระองค์ เคยเสด็จอย่างส่วนพระองค์จริงๆคือเสด็จไปกับคุณข้าหลวงอีก 2
คนไม่มีองครักษ์ติดตามเลย เสด็จยังร้านอาหารตามสั่งทั่วไปริมถนนไม่มีใครจำพระองค์ได้เลย แต่มี 2 สามี
ภรรยาคู่หนึ่งเห็นเข้า ฝ่ายสามีบอกว่าไม่ใช่สมเด็จพระเทพหรอกเพราะนี่คือ ร้านอาหารโต้รุ่งแล้วก็ดึกมา กแล้วด้วย
แต่ฝ่ายภรรยาบอกว่าเหมือนมาก ก็โต้กันไปโต้กันมาจนพระองค์ทรงได้ยินจึงหันพระพักตร์มาทาง 2
สามีภรรยานี้แล้วตรัสว่าใช่ แต่ขอให้ทำตัวตาม สบาย เท่านั้นแหละครับ 2 คนนี้ก็ก้มลงกราบจนคนอื่นๆแปลกใจ
ก็หันมามองกันหมดทั้งร้าน เจ้าของร้านกับเด็กเสริฟก็เพิ่งทราบจึงรีบเข้าไปถวายความเคารพ
พวกพ่อค้าแม่ค้าแถวนั้นก็นำอาหารของร้านตนมาถวาย จนกระทั่งเสด็จกลับไป นี่แหละครับ
เจ้าหญิงในใจประชาชนพระองค์จริง
อ่านแล้วตื้นตันยังไงบอกไม่ถูก รักพระองค์ท่านจังเลย จำได้ว่าตอนที่พระองค์ท่านเสด็จในงาน concert
กาชาดหลายปีแล้วแล้วพระองค์ท่านทรงเป่า trumpet เพลงคู่กัด พอท่านทรงเป่าจบ คนดูก็ตบมือ
ท่านก็ทรงรับสั่งว่า แปลกจังทำไมไม่มีเสียงกรี๊ดเลย คนดูก็เงียบกริบ...คงตะลึงมั้ง
ท่านก็รับสั่งย้ำอีกครั้ง เท่านั้นแหล่ะ..คนดูกรี๊ดถล่ม
ผมเคยเข้าไปเล่นคอนเสิร์ตหน้าพระที่นั่ง ศาลาดุสิตาลัย เมื่อสิบห้าปีมาก่อนพระเทพทรงประชวรหวัดเล็กน้อย
แล้วตรัสก่อนพวกผมเล่นกันว่า วันนี้ไม่มีเสียงกรี๊ดนะเป็นหวัด พอตอนเล่น ผมเลยบังอาจถวายแซวพระองค์
ท่าน ว่า ในฐานะรุ่นน้องจุฬาฯ ขอพระราชทานอนุญาต เอ่ยพระนามพระองค์ว่า พี่น้อย ก็แล้วกัน
วันนี้ขอให้พี่น้อย หายหวัดเร็ว ๆ นะครับ คนดูในศาลาดุสิตาลัยเงียบกริบ ผมก็ชักหนาวสันหลัง
ว่าเหิมเกริมไปหรือเปล่า เพื่อนร่วมวงรีบชิงพูดต่อว่า มหาดเล็กครับ ช่วยยิงให้ถูกคนด้วยแล้วกัน
คนเลยฮากันตึง รอดไป มีเพลงหนึ่งชื่อเพลงกล้วยไข่ ผมก็แปลงเป็นว่า แปลกใจจริงพระเทพฯชอบอะไร
พระเทพชอบ กล้วยไข่ เพราะว่าพระองค์ทรงโปรด ลัล ลัล ลัล ลา ตอนไปรับพระราชทานดอกไม้จากพระหัตถ์
ผมไปยกมือไหว้ท่าน ท่านก็ตรัสย้อนผมว่า ใครเค้าไหว้กัน เค้าโค้งจ้ะ จากนั้นท่านก็ตรัสว่า
ใครบอกฉันชอบกล้วยไข่ ฉันชอบกล้วยน้ำว่าย่ะ ผมไม่เคยลืมสักภาพเดียวเลยครับ ตอนเป็นนักเรียนแถวสามย่าน
พระองค์ท่านเป็นนิสิตแล้ว เคยแอบไปเดิน "ส่อง" รถพระที่นั่งซึ่งจอดอยู่หน้าหอประชุมจุฬาเห็นมีขนมขบ
เคี้ยวสารพัดใส่โหลเอาไว้ 2-3 โหล ทุกวัน ตลอด 4 ปีที่ทรงศึกษาอยู่ ผู้คนที่ต้องผ่านสัญจรแถวนั้นไม่เคยต้องเดือดร้อนกับ
การกั้นรถขบวนเป็นชั่วโมง ๆ มีเพียงรถพระที่นั่ง 1 คันกับรถตำรวจนำอีก 1 ที่ไม่เคยเปิดไซเรน ไม่เคยเปิดโทรโข่ง
ไม่เคยฝ่าไฟแดง เห็นพวกนักการเมือง มีตำรวจนำตำรวจตาม วิ่งย้อนศร กั้นรถให้แซงลัดคิวแล้วนึกถึงสิ่งที่พระองค์ปฏิบัติทุกครั้ง
เมื่อเดือน ม.ค. ที่ผ่านมา ได้มีโอกาสได้ชมพระบารมีอย่างใกล้ๆ ในงานรับพระราชทานปริญญาบัตร...
ทูลกระหม่อมของคนไทย เสด็จจากราชกิจที่ลำปาง ตรงเข้ามาที่เชียงใหม่ ณ หอประชุม ม.ช.
โดยที่ไม่มีการหยุดพัก ทรงเสด็จเข้าหอประชุมโดยที่ไม่มีการปล่อยให้ บรรดาบัณฑิตต้องรอคอยนาน
ในวันนั้น พระเกศายุ่ง พระพักตร์มันชุ่มเหงื่อ แต่.. ทรงงามเหลือเกิน ในใจของบัณฑิตทุกคน จากนั้น
พระองค์ก็ยังต้องทรงเสด็จไปทรงราชกิจต่อที่หอดูดาว... ภูมิใจในองค์พระเทพฯของชาวไทยมากค่ะ
ขอจงทรงพระเจริญยิ่งยืนนาน ด้วยเกล้าด้วยกระหม่อมขอเดชะ ยังจำได้ไม่ลืมว่าวันที่รับพระราชทานปริญญา
ท่านประชวรเป็นหวัดมาก ทรงนั่งแจกปริญญาให้กับนักศึกษา ด้วยอาการหลับๆตื่นๆ..หลายครั้งที่เกือบจะฟุบลงกับพื้น
พอแจกปริญญาเสร็จมีหมายกำหนดการไปงานที่เมืองทองธานีต่อ ไม่ได้พักผ่อนเลย คิดถึงทีไร...ห่วงท่านทุกทีเลย...อยากให้ท่านพักผ่อนบ้าง

โดยคุณ : mamarlade - [19:22:02  17 ก.พ. 2545]

ความคิดเห็นที่ 1
ขอบคุณครับสำหรับเรื่องดี ๆ นี้ ผมอ่านแล้วรู้สึกว่าเราโชคดีจังเลย
โดยคุณ :Small Time - [22:19:26  17 ก.พ. 2545]

ความคิดเห็นที่ 2
อ่านกี่ที กี่ที ก็ยังรู้สึกดีที่สุดที่ได้อ่าน
โดยคุณ :picmee - [9:17:12  18 ก.พ. 2545]

ความคิดเห็นที่ 3
:)
โดยคุณ :ไก่น้อย - [9:33:00  18 ก.พ. 2545]

ความคิดเห็นที่ 4
^_____^
โดยคุณ :i-ma-ni - [14:00:05  19 ก.พ. 2545]

ความคิดเห็นที่ 5
ไม่ทราบว่าmamarladeเป็นใครกันหนอ..คอนเสริทครั้งที่พูดถึง ได้มีโอกาสเข้าไปดูเช่นกัน เพิ่งเข้ามาเปิดกระทู้นี้..เทิดทูนพระองค์ท่านมาก ขอถวายพระพร..ทรงพระเจริญ
โดยคุณ :ด๊อยเอง - [21:58:05  3 มี.ค. 2545]

ความคิดเห็นที่ 6
ทรงเป็นปิ่นโมลีจักรีแก้ว                 ทรงเพริศแพร้วจริยวัตรนิรัตติศัย

ทรงสถิตย์เหนือศรัทธาประชาไทย    ทรงครองใจทวยราษฎร์นิรันดร



เมื่อวันอาทิตย์ที่ 19 พฤศจิกายน ที่ผ่านมา มีพิธีไหว้ครูดนตรีไทย ที่ชมรมดนตรีไทย สโมสรนิสิต จุฬาฯ จัดขึ้น

เรามีโอกาสได้ไปร่วมงานด้วย และ ณ ที่นั้น ไม่เคยนึกฝันเลยว่า จะได้มีโอกาสเข้าเฝ้าฯใกล้ชิดขนาดนั้น

ตอนแรกที่นึกไว้ ก็คิดว่าแค่เห็นพระพักตร์แว่บเดียวก็เป็นบุญอย่างสูงแล้ว

เริ่มจาก ความประทับใจแรก.. ก็พอรู้มาอยู่แล้วนะ ว่าสมเด็จพระเทพรัตนฯ ท่านทรงตรงต่อเวลามาก ตามหมายกำหนดการจริงแล้ว จะเสด็จฯถึงหอประชุมจุฬาฯ เก้าโมงเช้า ต่อเมื่อเวลาประมาณแปดโมงสี่สิบห้า ก็เสด็จฯ ถึง เราก็รออยู่บนเวที พระองค์ก็เสด็จฯขึ้นมา ทรงจุดธูปเทียนบูชาพระรัตนตรัย ทรงกราบ...ทรงพระสุหร่าย แล้วก็มาถึงเวลาที่เรารอคอย ก็ถือพานข้าวตอกดอกไม้ คลานเข่าเข้าไปใกล้ พระองค์ก็ทรงหยิบและโปรยไปบนบริเวณพิธี ตอนนั้นเราก็มองขึ้นไป เห็นพระพักตร์ชัดเจน ตอนนั้นคิดว่า นี่ล่ะคือ พระผู้ที่เราเทิดทูนบูชายิ่ง ประทับอยู่ตรงหน้าเรานี่เอง เสี้ยวนาทีผ่านไป ก็ก้มมองพาน ปรากฏว่าเหลือดอกไม้ไม่กี่กลีบ ก็เลยถอยออกมา ให้อีกคนเข้าไปถวายพวงมาลัย...ต่อจากนั้น ก็ทรงทำพิธีต่อไป เมื่อเสร็จสิ้น ก็ไปประทับนั่งทางด้านขวาของเวที ส่วนที่เรานั่งอยู่คือด้านซ้าย เมื่อผู้กล่าวถวายรายงาน รายงานจบ ก็ถึงเวลาทรงดนตรีร่วมกับวงดนตรีนิสิต และวงดนตรีพี่เก่า ผู้อาวุโส ตามพระราชอัธยาศัย ก็เสด็จฯมาทางด้านซ้าย และเราก็เลยรู้ว่าทรงเตรียมเครื่องดนตรีมาเอง อันแรกที่ทรงก็คือ ซอด้วง ก็บรรเลงกันไป ต่อมาก็ทรงระนาด แล้วก็เปลี่ยนมาเป็นซออีกครั้ง แล้วเหตุการณ์นี้ก็เกิดขึ้น คือ ไฟดับทั้งมหาวิทยาลัย เรานั่งอยู่ก็ตกใจ แต่ก็ต้องแปลกใจยิ่งกว่า เมื่อพระองค์ไม่ได้ทรงแสดงอาการอะไรเลย ยังคงทรงดนตรีต่อไป โดยมีเพียงแสงเทียนสองเล่ม ส่งแสงวับแวมอยู่ ทุกคนที่ร่วมเล่นดนตรีด้วย เมื่อเห็นพระองค์ทรงนิ่ง ก็เล่นกันต่อไป ช่วงไฟดับประมาณห้านาทีได้ สักพักไฟก็มา ตอนไฟมานั้น ยิ่งเป็นภาพน่าประทับใจมากจริงๆ และเมื่อเห็นพระราชจริยวัตร ที่งดงาม ไม่ทรงถือพระองค์เลยแม้แต่น้อย ก็ยิ่งปลื้มใจ เห็นได้ชัดเจนจากการที่เวลาทรงเลือกเพลง จะทรงหันมาพูดคุยกับครูดนตรีไทยที่อยู่เบื้องหลัง พร้อมกับทรงพระสรวล ถ้าจะพูดภาษาธรรมดาก็บอกได้เลยว่า รอยยิ้มนั้นแสดงออกถึงความจริงใจอย่างมาก..จากนั้นก็ทรงดนตรีไปเรื่อยๆ จนจบ ก็ได้รับเสียงปรบมือกึกก้อง(คนที่มาร่วมพิธีมีไม่มากนัก) แล้วเมื่อถึงตอนพระราชดำรัส พระองค์รับสั่งว่า "เมื่อกี้สาธิตให้ดูแล้วว่า ดนตรีไทยเล่นได้แม้ไฟดับ..." ทุกคนก็ฮากันใหญ่ เมื่อจบแล้ว ก็เสด็จฯไปเสวยพระกระยาหารกลางวันร่วมกับคณะบุคคลต่างๆ ทางห้องรับรองด้านข้าง เมื่อถึงตอนส่งเสด็จฯ ทุกคนก็มานั่งพับเพียบเรียงกันข้างๆลาดพระบาท ต่อเมื่อใกล้เวลาเสด็จฯกลับ ก็ดูเหมือนกับว่าที่ๆนั่งกันอย่างหลวมๆในตอนแรก ถึงตอนนี้กลับกลายเป็นนั่งเบียดกัน แทบไม่มีที่ให้กราบ ความจริงสิ่งที่ทำได้ก็คือ ให้ใครสักสองสามคนลุกออกไป ที่ก็จะพอดี ปรากฏว่าทุกคน ไม่มีใครเลยที่จะปลีกตัวออกไป ก็นั่งเบียดกันอยู่อย่างนั้น ในที่สุดก็ถึงเวลา เสด็จฯออกมา เราก็กราบโดยพร้อมเพรียง แล้ววันนี้เองที่เราได้รู้ว่า มีประเพณีแบบนี้ด้วย ก็คือการบูมบาก้า ก่อนที่จะเสด็จฯกลับ ความประทับใจปิดท้ายก็คือ พระเทพฯ "ทรงบูม" กับเราด้วย พร้อมพระพักตร์ที่แจ่มใส พอเสียงบูมจบลง ก็ปรบพระหัตถ์ ทุกคนก็ปรบมือตามท่าน ท่านก็หันกลับไปขึ้นรถพระที่นั่ง แล้วก็ทรงพูดคุยกับผู้ส่งเสด็จฯ สักพัก จึงเสด็จฯกลับ...นับว่าวันนี้เป็นอะไรที่ปลื้มปิติจริงๆ นี่เป็นส่วนนึงที่บรรยายออกมาเป็นตัวหนังสือได้ แต่จริงๆแล้วเทียบไม่ได้เลยกับความรู้สึกในวันนั้น ที่จะเก็บอยู่ในใจตลอดไป
รักพระองค์ท่านมากที่สุด


โดยคุณ :ประชาชนของพระเทพฯ - [15:51:07  2 ธ.ค. 2549]

ขอเชิญร่วมเสนอแนะความคิดเห็นครับ
จาก :
email :
icq :
รูปภาพ :

รายละเอียด

อาการ :



กรุณาคลิก "ส่งข้อมูล" เพียงครั้งเดียวครับ....