ิอีกมุมมองวรรณกรรมของพี่จุ้ย จาก ฯลฯ ตัดมาแปะ
ยิ่งกว่าการทำวิจัยใดๆ
ตั้งใจว่าปีใหม่จะเขียนหนังสือเยอะ แต่กลายเป็นไปพูดเสียเยอะกว่า
เขาให้ไปพูดเรื่องหนังสือดี ให้บรรณารักษ์ฟัง
แต่เราพยายามสาธยายเรื่องหนังสือที่พอดี เพราะบ่อยหนที่หนังสือดี ยังไม่ค่อยพอดีสำหรับการเริ่มต้นทางการอ่าน เหมือนอาหารที่เคี้ยวยาก ย่อยยาก ก็ลำบากกับการเริ่มต้นบรรยากาศทางการอ่านในสถานศึกษา มีการแนะนำวิทยากร ตามธรรมเนียม เขาอ่านประวัติเราว่า นั่งรถไฟสามชั้นเข้ากรุงเทพซึ่งที่ถูกมันควรจะเป็นรถไฟชั้นสาม เรียกว่าผิดตั้งแต่เริ่มเปิดงาน
จริงๆ แล้วความผิดพลาดเป็นเรื่องปกติครับ แต่ความผิดที่เกิดจากการอ่านหนังสือแบบไม่ตีความนั้น สะท้อนอะไรบางอย่างเกี่ยวกับการอ่าน
และยิ่งสะท้อนภาพการอ่านได้ชัดเจนยิ่งขึ้นเมื่อผู้แนะนำวิทยากรบอกว่า ต้องขออภัยเพราะไม่มีประวัติสำหรับแนะนำนักเขียนชื่อมาลา คำจันทร์ ซึ่งได้รับการเชิญมาเป็นวิทยากรด้วย
แต่คุณมาลาบอกว่าไม่ให้อภัย เพราะเชิญเขามาแล้ว และเขาถือว่าแม้เขาจะไม่ใช่ดาราเด่นดัง แต่ความเป็นนักเขียนระดับรางวัลซีไรท์ กับผลงานที่สร้างสรรค์มานั้น เขาถือว่าเขาไม่ได้หล่นมาจากดาวอังคาร ที่คนทำงานมีความพยายามสักนิด ก็คงไม่ยาก พี่มาลาใช้คำว่า ถ้าเป็นสมาคมขอทาน จะไม่ว่าแต่นี่เป็นการจัดงานของบรรดาบรรณารักษ์ ดังนั้นจต้องขออภัยที่ใช้คำว่าแย่ และถ้าไม่เกรงใจกัน ก็จะลงจากเวทีกลับไปเสียบัดนี้
เสาร์ถัดมาทางผู้จัดงานมหกรรมหนังสือสู่อีสาน เชิญไปเสวนาเรื่องหนังสืออีกที่โคราชโน่น ตกลงนัดหมายกันอยู่นานวัน จนได้เวลาลงตัวแล้ว ผู้ประสานงานก็โทรมาขอว่า เสวนาแล้วช่วยร้องเพลงด้วยได้ไหม ก็บอกไปว่ายินดี เพราะไม่ได้ยากเย็นเข็ญใจอะไร แม้รู้สึกว่าได้คืบอยากเอาศอก แต่ก็ต้องถือว่าพอจะช่วยเหลือกันได้
พอไปถึงเดอะมอลล์โคราช พี่แกขึ้นป้ายเลยว่า พบกับมินิคอนเสิร์ต ด้วยเหตุผลว่า อยากจะดึงคน ก็ได้แต่อนุโมทนาสาธุ ว่าวงการหนังสือ คงเจริญรุ่งเรืองลงไป หากมีคนจัดงานที่คิดอะไรเอาแต่มักง่าย คิดจะหลอกทั้งคนไปพูดและคนมาชม เพียงเพื่อหวังจะให้คนมามุง มาฟังกันเยอะๆ แต่ลองไตร่ตรองดูว่า ถ้าการจัดงานหนังสือต้องเอาคอนเสิร์ตมาหลอก วงการจะเจริญลงไปถึงก้นเหวในไม่ช้า หรือใครจะว่าอย่างไร แต่ก็ได้แต่ตำหนิไปด้วยความสุภาพและขึ้นเวทีพูดคุยอย่างเสียไม่ได้ แต่ไม่ร้องเพลงเลยสักเพลงเพราะไม่อยากร้อง และไม่อยากให้คนจัดงานทำอะไรแบบมักง่ายแล้วได้ผล ที่จริงยังมีงานดีๆ อย่างอ่านกวีที่ลานหญ้าซึ่ง ชมรมวรรณศิลปจุฬา จัดอ่านบทกวี และมีเสวนาเล็กๆ เกี่ยวกับการเดินทาง กลุ่มคนที่มาฟังก็นิดๆ หน่อยๆ แต่ก็ทำให้บรรยากาศ ง่ายๆ งดงามเกิดขึ้นท่ามกลางเมืองใหญ่ อันพอจะสร้างความชุ่มชื่นหัวใจ แม้ไม่ได้ก่อกระแสอะไรมากมายในวงกว้าง และก็อีกนั่นแหละตามประสางานแบบไทยๆ อาจารย์ที่มาเปิดงานก็พยายามเว้าวอนจะให้ รีบๆ ร้องเพลงเสียให้ได้ แบบไม่สนใจกำหนดการใดๆ ที่นิสิตเขาจัดเตรียมไว้ ด้วยเหตุผลว่า เสียงเพลงจะได้ดึงคนมาฟังมากๆ ก็เป็นความอยากปนวิตกจริตของอาจารย์ ไม่รู้จะว่าอย่างไร อยากบอกอาจารย์ว่าไม่เป็นไรหรอกคนมากคนน้อย ไม่เห็นจะต้องกังวลอะไรนักหนา การอ่านบทกวี ก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องแห่กันมามุงมากมาย
ภาพสะท้อนเหล่านี้ พอจะสะท้อนบรรยากาศของหนังสือ และการอ่าน ของประเทศไทยได้ยิ่งกว่าบทวิจัยใดๆ
สมจุ้ย เจตนาน่าสนุก
โดยคุณ :
MONITOR - [21:35:21 8 ก.พ. 2544] |