> > > > > > > ......(๐^-^)-๐[ รายงานการชุมนุมแม่นม]๐-(^-^๐)...... < < < < < < <
ชุมนุมแม่นมคนสนิทฯ
ณ บ้านเด็กอ่อนพญาไทฯ
22 ธันวาคม 2545
เกิดสงครามพันครั้ง เด็กก็ยังสวยงาม...
ณ บ้านเด็กอ่อนพญาไท เวลาบ่ายอ่อน ๆ เหล่าบรรดาคนสนิท ฯ (ที่ปลอมตัวเป็นแม่นม) ก็ทยอยตบเท้ากันเข้ามา เท่าที่ติดอยู่ในความทรงจำ ก็มี นายกอกิ้ม พี่เฌอ นางฟ้าปากกว้างงงงง Oakland ไก่น้อย นู๋บิ๊ก pitsie~~ เด็กน้อยไม่ยอมเรียน ปราง เนฌา หมีสมองเล็ก ปลายฟ้า ทีหัว ตัวพลาด(ขาดใครไปก็คิดซะว่าไม่ค่อยนึกถึงแล้วกัน) และนี่ยังเป็นการปรากฏตัวครั้งแรกของ marmalade(ทีแรกเห็นแว้บๆนึกว่าminkyใส่ชุดนิสิต) แค่อยู่ในวงล้อมคนสนิท พวกเราก็ยิงกันไม่หยุด บางคนเพิ่งนึกได้ว่าไม่ได้เอาของขวัญจับฉลากมาก็พยายามหาเอาแถวนั้น จับเด็กผูกโบว์เลยมั้ย ไม่เป็นไร เดี๋ยวเรามอบใจเป็นของขวัญ ง่ะ งั้นหนูสละสิทธิ์ไม่จับฉลากแล้วกัน
.พวกที่สืบรู้ว่าใครใช้ชื่ออะไรเล่นบัดดี้ ก็ทำสายตากรุ้มกริ่มใส่กันอยู่เนืองๆ และประโยคยอดฮิตก็คงไม่พ้น ตัวป่วนนี่ใคร(วะ) รู้ป่ะ ใครเป็นตัวป่วน มันเป็นใครคะ มันเป็นใครกัน ด้วยแรงอาฆาตนี้ อาจทำให้ตัวป่วน (ซึ่งไม่ยอมมา) สะดุ้งตกเก้าอี้ได้
.. หลังจากที่พวกเรายิงกันจนหอบ เราก็เริ่มทำงาน โดยอุ้มของบริจาค+เงินสดที่ผู้มีจิตศรัทธาบริจาคกันเข้ามา มีรายละเอียดดังนี้
เงินบริจาค 2,700 บาท
นมไวตามิลค์ 19 แพ็ค
นมผงเอนฟาโปร 12.5 กิโลกรัม
รวมมูลค่า 7,800 บาท
(ปรบมือ
.)
นายกอกิ้มและปรางนั่งเซ็นชื่อบริจาคกับเจ้าหน้าที่ตรงเคาน์เตอร์
ไก่น้อยปากคันแซวว่านั่นจดทะเบียนสมรสกันเหรอ ปรางสวนทันควัน ทะเบียนหย่าย่ะ!
หลังจากนั้นก็ถึงเวลาทำหน้าที่แม่นมที่ดี พวกเราเคลื่อนขึ้นไปชั้น 2 และเราก็ได้พบกับเด็กๆ ประมาณ 20 กว่าคนได้ ตัวเท่ากันหมดเหมือนโคลนนิ่งกันออกมา ดูแววตาแต่ละคนไร้เดียงสา น่ารัก น่าชัง บางคนหน้าเหมือนไก่น้อย บ้างสีผิวเหมือนปราง(กรรมของเด็ก) เดินเตาะแตะคล้ายฝูงนกเพนกวิน (เหตุเพราะใส่แพมเพิร์ส) marmalade(ถือว่าเป็นตัวแทนของเรา) เพราะเป็นคนเดียวที่ได้อุ้มน้อง ไก่น้อยทำหน้าที่ตากล้องแต่โดนพี่เลี้ยงเด็กเอ็ดเอา เค้าห้ามถ่ายภาพน้องๆค่ะ ส่วนพวกเราที่เหลือก็อุ้มชูกันด้วยสายตา อย่างมีความสุข และอิ่ม.....อก อิ่มใจ อิ่มบุญตัวเรืองกันถ้วนหน้า
ได้เวลาบ่ายแก่ ๆ ก็ได้มี ตัวพาพลาด (ชื่อนี้ผู้สื่อข่าวตั้งให้เอง จริง ๆ แล้วคือ ปล.) ตามมาสมทบ เมื่อ ปล.มา เนฌาก็ลากลับ (เอ๊ะ..ยังไง) เมื่อ เนฌา ลากลับ ใบหม่อน ที่น่ารักก็ตามมา (จริง ๆ แล้วหาคำลงไม่ได้ต้องจำใจใช้คำว่าน่ารัก) ด้วยความละอายที่มาช้า เธอทำเป็นหลบหลังเสา มีเสียงปรางบอกว่า ต้องใช้ตึกบังถึงจะมิดย่ะ
ณ ร้านบ้านอาจารย์ ซ.รางน้ำ เรายึดชั้นสองของร้านเป็นที่มั่วสุม ไปถึงเห็นพนักงานจัดโต๊ะไม่ถูกใจ เราก็โครมครามๆจัดโต๊ะกันใหม่ เพื่อให้คุยกันทั่วถึงและตะลุมบอนกันได้สะดวก * พออาหารมา เราก็แบ่งโซนจัดวางตำแหน่งอาหารกันอย่างดี เรียกว่าไม่ยอมให้มุมตัวเองเสียเปรียบในการตัก กินไปก็ยิงกันไปไม่ให้เสียเวลา เสียงหัวเราะไม่มีขาดห้วง เวลาผ่านไปนานโข ทุกคนจึงโงหัวขึ้นจากจาน เพื่อปรบมือต้อนรับ ม่อนฝ้าย และ พู่ไหม (ซ้ำ * อีกรอบ) แล้วทุกคนก็โงหัวขึ้นมาจากจานอีกครั้ง เพราะกับข้าวหมด...เป็นธรรมเนียมปฏิบัติ ที่เราต้องมีการเล่นเกมเอ่ยนามจอทุกๆคนที่นั่งรอบโต๊ะ เพื่อกระตุ้นความทรงจำ แก่ผู้สูงอายุที่ร่วมโต๊ะ... นามจอบางคนถูกเปลี่ยนไปตามความมั่วนิ่มของผู้เล่น เช่น หม่อนฝ้าย นางกว้าง พี่กอกิ๊ม เล่นเกมกันครบรอบโต๊ะแล้ว ทุกคนต่างก็เฝ้ารอว่าเมื่อไรทีหัวจะเลิกกินมาเฉลยบัดดี้ซะที ด้วยสายตาและเท้าทั้ง 17 คู่เหล่านั้น บีบให้ทีหัวจำต้องวางช้อนส้อมเพื่อปฏิบัติภาระกิจที่ลุงหนวดมอบหมายมา(ด้วยความไว้วางใจ) อุ้ย ! ทีหัวควักอะไรบางอย่างออกมา อุ้ย ! จดหมาย 3 ฉบับ เป็นสิ่งที่ทุกคนรอคอย นั่นคือ โพยเฉลยบัดดี้นั่นเอง อุ้ย ! ตื่นเต้น ๆ ตื่นเต้น... ตื่น
เต้น... ตื่น
.. คร่อกกกก
ผ่านไปปีกว่า ทีหัวยังตีความในจดหมาย ไม่แตก อันเนื่องจากสำนวนที่ยากต่อการเข้าใจ ต้องมีล่ามผิวสีที่นั่งข้าง ๆ ช่วยตีความให้ การเฉลยบัดดี้จึงเริ่มขึ้น ณ บัดนั้น ... อุ้ย !อ๊าคคคคค...วู้...เฮ้ย...ว้าก...หุย...เหวอ...ป้าด... (เป็นคำอุทานระหว่าง เฉลยบัดดี้).. เฮ้ย ! ผิดคาดว่ะ...เฉลยผิดป่าว.. เชื่อไหมว่าบางคนเฉลยแล้วก็ยังไม่รู้อยู่ดีว่าเป็นใคร ขโมยชื่อนึกไม่ออก ตัวจริงของเขาคือ
เยอะ
.. ใครวะ!!!
.<<<เนื่องจากช่วงนี้ ชุลมุนมาก ใครอยู่ในเหตุการณ์ อยากเสริมทัพ อนุญาตให้เสริมได้>>> สรุปใครเป็นตัวป่วน ? ยัง ยังไม่เลิกถาม ยังเป็นคำถามยอดฮิตอยู่ ผ่านไปได้สักครึ่งทาง ป้าพริ้งก็มาร่วมวงอีกคน ป้าแกก็ไปสะดุดตาที่สาวน้อยmarmalade ก็เลยให้ป้าทายว่าเป็นใคร (จ้างให้ก็ทายไม่ถูก ทายถูกให้เตะ marmalade ท้า) พวกเราอยากเห็นคนโดนเตะ เลยช่วยกันใบ้สุดฤทธิ์ ในที่สุดป้าก็ทายถูก ตอนนี้ marmalade หลังหักรักษาตัวอยู่บ้าน... โทษฐานที่ป้ามาช้า ก็เลยให้ป้าแกทายว่ารอบโต๊ะนี้ ใครปลอมตัวเป็นใครบ้าง ทายไม่ถูกไม่ต้องกินข้าว แต่เราใบ้นิดๆหน่อยๆป้าก็ทายถูก(เหมือนที่คนอื่นเขาทายป้าถูก) น่าเซอร์ไพรส์ที่สุดก็ตรงตัวจริงของน้องหนูข้าวกล่องนี่แหละ!! อุ้ย ! ทีหัวควักจดหมายฉบับที่สองขึ้นมาล่ะ (ลึกลับจริง จริ๊ง) เนื้อความในจดหมายเป็นพิธีกรรม ในการเวียนจดหมายลูกโซ่ ซึ่งเป็นจดหมายฉบับที่สามพร้อมตุ๊กตาขอขมา จาก ตัวป่วน ถ้อยคำในจดหมายประมาณว่า ...ผิดไปแล้ว ไม่ได้ตั้งใจ ให้อภัยด้วย ถ้าแค้นจัด ให้ระบายที่ตุ๊กตาหมาน้อยขอขมา
ซึ้งกินใจ จนน้ำหู น้ำตาไหล หลายคนที่โดนป่วน พอได้อ่านจดหมายนี้แล้วทำให้โกรธตัวป่วนไม่ลง......แต่แค้นเป็นทวีคูณ...<<<ช่วงนี้ใครอยากระบาย...เชิญ!>>> อุ้ย !ได้เวลาจับฉลากของขวัญปีใหม่กันแล้วค่ะเด็กๆ ล่ามผิวสีคนเดิม ใจเดิม ทำฉลากชื่อพวกเราทุกคน ทั้งคนที่เอาของขวัญมา และขอแปะไว้ก่อน (เฮ้อ ไม่รู้จักเตรียมพร้อม ก็รู้อยู่ว่าต้องจับฉลาก ยังไม่เตรียมของขวัญมาอีก ซึ่งก็มีไม่กี่คน :P
) ไอ้ตอนจับฉลากเนี่ยนะ ลุ้นอะไรไม่เท่าลุ้นว่าจะได้ของขวัญหรือจะได้ยินคำว่าแปะ!
.. ไก่น้อยดูจะเริงร่าออกนอกหน้าที่สุด ตรงที่จับได้วิดิโอคอนเสิร์ตแก้คิดถึงไป(แต่ไม่มีเครื่องเล่น อิอิ) จับสลากกันเรียบร้อย ไอศกรีมหลากรสก็ตามมาเสริ์ฟ
ทุกถ้วยต้องผ่านเราก่อน!! ทีหัวประกาศกร้าว...ถ้วยไอติมจะลอยไปลอยมาสลับกันชิมทั่วโต๊ะ
เมื่อกวาดไอติมเข้าปากคำสุดท้าย หารค่าเสียหายกันเสร็จสรรพ บางคนก็ลากลับเลย พอพี่กว้างลุกขึ้นเท่านั้น น้องๆยกมือไหว้กันพึ่บพั่บ เล่นเอาพี่กว้างเข่าอ่อน โอย เอาผ้าสามสีมาพันพี่เลยดีกว่า
ส่วนคนที่เหลือส่วนใหญ่เป็นกกช.ยังอยู่ประชุมกันต่อ แต่ว่าย้ายที่ดีกว่า เดี๋ยวเจ้าของร้านจะค้อนเอา เราเลยไปมั่วสุมยังสวนสันติฯ ไปถึงก็มีคนร่ำร้องจะขึ้นไปประชุมบนศาลาซุ้มกระดานลื่น แต่ก็ต้องผิดหวังเพราะไม่มีใครเล่นด้วย
คราวนี้เราคุยกันบรรยากาศเคร่งเครียดผิดกับตะกี๊ เอ..พวกเขาคุยเรื่องอะไรกัน มีแผนอะไรกันอีก อยากรู้ต้องติดตามข่าวคราวกันต่อไป
ของแถม ณ สวนสาธารณะ เวลาประมาณ 3 ทุ่ม ขณะเคลื่อนขบวนออกจากสวน เราก็เดินผ่านโรงหนัง (สด) หลายโรง มีพระ-นาง หลายคู่ตามริมสระและใต้ต้นไม้...จุ๊ก...กรรรรรรู่ ปรางแผดเสียงทักทาย อย่างร่าเริง จุ๊ก...กรรรรรรู่ เอาอีก ปรางยังไม่เลิก (ทักแล้วทำเป็นหลบ ไม่ต้องหลบหรอก เค้ามองไม่เห็นปรางหรอก) แล้วยังมีหน้ามาชวนคนอื่นช่วยส่งเสียงด้วยนะ อุ้ย ! คนอื่นที่ว่าก็บ้าจี้ ทักมั่ง........อั๊บ...แอ้ ........อั๊บ...แอ้
พระ-นาง บางคู่ทนไม่ได้ บังเกิดความอับอาย กระโดดลงสระน้ำแถวนั้น ว่ายหนีไป พวกเราก็กระโดดขึ้นรถเมล์ กลับบ้านกันตามยถากรรม...
สุดท้าย..
อยากจะบอก
ว่าคืนวันนั้นกลับมาปั่นงานที่บ้านอย่างมีความสุขมาก
เออหนอ คนสนิท
รักกันให้มันได้ยังนี้สิ
เป็นเพียงแค่สงคราม ความเดียงสาเท่าเดิม
โดยคุณ :
พระโฆฯกินหญ้า เลขากินยุง - [23:01:53 25 ธ.ค. 2545] |