กระดานความรู้สึก


แม่คุณเป็นอย่างไร
   ทุกท่านครับ ช่วยบอกถึงแม่ของท่านทั้งหลายหน่อยว่าแม่ของพวกคุณเป็นอย่างไรกันบ้าง โดยผมจะขอเล่าเรื่องของแม่ผมก่อน
  แม่ผมไม่เคยรู้เลยว่าผมเรียนคณะอะไร ปีไหน ที่มหาวิทยาลัย ไม่เคยได้รับคำชมจากแม่เลยทั้งที่ผมเป็นคนแรกของชั้นที่ได้งาน นอกจากจะไม่ได้คำชม แถมมีคำด่า เรื่องเงินเดือน และการตัดสินใจในเรื่องต่างๆ เราเคยทะเลาะกันถึงขนาดไม่คุยกัน เพราะผมไม่ยอมไปรับปริญา มีอยู่ครั้งนึ่ง 1 สัปดาห์ก่อนจ่ายค่าเทอม แกพาญาติพี่น้องไปเลี้ยงเนื่องในงานวันเกิด หลานแก กินกัน 20 กว่าคน หมดไปเกือบหมื่น แต่พอผมจะขอค่าเทอม แกบอกว่าตอนนี้ไม่มี ทำไมไม่บอกก่อน ผมรู้สึกน้อยใจเหลือเกิน ไอ้งานวันเกิดมันสำคัญอะไรกันหนักหนา กับการศึกษาของลูก กลับมาเรื่องงาน งานแรกผมไปทำต่างจังหวัด ประมาณ 6 เดือน รู้สึกไกล จึงลาออก ผมว่างงานแค่ 2 วันก็ได้งาน และก็ได้รับคำด่า กับผู้ที่ผมเรียกว่าแม่ แต่งานผมก็ดำเนินไปได้ดี ลูกค้าต่างชมผมให้นายทราบพูดง่ายๆคือลูกค้าชอบในการทำงานของผม แต่งานนี้จะต้องเลิกงานไม่เป็นเวลา เข้างาน8.30 น. เลิก 18.00 น. แต่มี OT จนงาสนลูกค้าเสร็จ บ่อยครั้งที่งานเลิกถึงตี 3 ตี 4 แต่ผมต้องเข้างานในตอน8.30 น .ทุกวัน ทำงาน 6 วัน แต่ส่วนใจ เจ้านายจะโทรมาตามให้ไปทำวันอาทิตย์ ซึ่งผมก็ยินดี เพราะเห็นว่าได้เงิน แต่แล้ว แม่ผมก็ด่าว่า ผมกลับดึกๆไม่เที่ยวบ้าง ไปเล่นบอล บ้าง ทั้งที่ให้นายโทรมาคุยแล้ว แกก็บอกว่า ก็สุ่มหัวกันทั้ง นายและลูกน้อง สุดท้ายผมก็ออก ออกมาทั้งที่นายไม่อยากให้ออก แต่ตัวผมเองคิดว่าอยากออกเพราะรู้สึกว่าเหนื่อยมาก ส่วนแม่ผม แกบอกให้ออกมาตั้งแต่ เดือนแรกแล้ว พอผมโทรบอกแกว่าผมออกจากงานแล้วน่ะครับ คำด่า ต่างๆนานา ที่แกจะสรรหา มาได้ก็ออกมาจากปากแก
   ทุกท่านครับ ต้องขอโทษทุกท่านที่ให้อ่านเสียนาน ผมรู้สึกว่าผมเกิดมาไม่มีความสุขเอาเสีย เลย ตอนนี้ผมว่างงานอยู่ก็จริง แต่ก็มีบริษัทต่างๆ โทรเข้ามาให้ไปสัมพาทย์ คุณคงคิดว่าแม่ผมหัวโบราณน่ะสิ แกทำงานธนาคาร ในกทม สาขาใหญ่ครับ ตำแหน่งก็พอสมควร ผมจะผิดไหมครับ  ถ้าผมจะบอกแม่ผมว่า "ช่วยเป็นแม่ที่ดีสัก 2 นาทีได้ไหม " ช่วยผมคิดด้วยน่ะครับ

โดยคุณ : พีระมิด - [15:23:37  23 เม.ย. 2547]

ความคิดเห็นที่ 1
แม่เราหรอ เป็นแม่ที่จู้จี้ จุกจิกกะเราทุกเรื่อง ตั้งแต่วันนี้เอากระเป๋าสตางค์ มือถือ นาฬิกาใส่ไปทำงานหรือเปล่า วันนี้จะกลับกี่โมง แล้วแม่ก็โทร.หาเราแทบทุกวันถ้าเราถึงบ้านเกิน 6 โมงเย็น (เราเลิกงาน 16.30 น.และบ้านห่างจากที่ทำงานประมาณ 35 กิโลเมตร) แม่ก็จะโทร.ตามแล้ว ว่าเราอยู่ไหน ทำอะไรอยู่ แต่เรารู้ว่าแม่เรารักเราที่สุด เรื่องเล็กๆน้อยอย่างนี้ มีใครมั้ยจะห่วงเราขนาดเนี๊ย แม่ยังห่วง ฝันไปเถอะว่าจะมีใครใส่ใจเราได้ขนาดนี้ (เราขี้ลืม^_^) เพราะยังงั้นยังไงยังไงเราก็รักแม่เราที่สุดอยู่ดี อีกเหตุการณ์หนึ่งมีคนมาขายเครื่องดักเชื้อโรคในห้องปรับอากาศ แม่เราปฏิเสธแบบไม่ไว้หน้าคนขายเลยล่ะ (เสียมารยาทอ่ะ) พอเค้าไปเราก็ต่อว่าแม่ แล้วเราก็อารมย์เสียกะตัวเอง เลยไปเล่าเรื่องนี้ให้เพื่อนฟัง เพื่อนเราบอกว่า " อย่าให้ความสำคัญกะคนอื่นมากกว่าคนในครอบครัวซิ เรากำลังให้คนอื่นมาเป็นสาเหตุให้เราทะเลาะกันกับแม่ ซึ่งคนอื่นนั้นไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับเราเลย เราห่วงคนอื่น แต่เราไม่ได้คิดถึงความรู้สึกของแม่เราเลย (สรุป ลูกเลว แต่เพื่อนดี ...ขอบคุณมากที่เตือนสติเรา)
      ส่วนที่พีระมิดบอกว่า แม่ไม่เคยรู้ว่าคุณเรียนคณะอะไร ที่ไหน อย่างไร ถ้าคุณมองอีกมุมหนึ่ง คือเค้าให้โอกาสคุณเลือกทางเดินในชีวิตคุณเองว่าจะเรียนคณะอะไร เรียนที่ไหน นั่นคือเค้าให้โอกาสคุณและไว้ใจคุณ และสถานการณ์ที่คุณขอเงินแม่ แต่แม่ไม่ให้(คงให้อยู่มั้ง แต่ไม่ใช่ทันทีที่คุณขอ) คุณแม่คุณก็น่าจะถูกนะเพราะเค้าอาจจะเตรียมเงินส่วนหนึ่งไว้ใช้กับญาติพี่น้อง ส่วนคุณมาขอโดยไม่บอกล่วงหน้า เงินที่เค้ามีอยู่อาจจะไม่พอก็ได้ แล้วการที่คุณกลับบ้านดึกดื่น คุณคิดมั้ยว่าปกติถ้าเริ่มงานตั้งแต่8.30 น. เค้าไม่ทำงานถึงตี 3 ตี 4 กันหรอก เพราะคุณคือส่วนน้อย พฤติกรรม มันน่าสงสัยอยู่น๊า เราว่านะสิ่งสำคัญคือคนเราแสดงออกเรื่องความรักไม่เหมือนกันหรอก และคุณกับแม่คุณอาจจะต้องปรับความเข้าใจกันหน่อยมั้ง อธิบายให้ท่านเข้าใจว่าอะไรเป็นอะไร แต่อย่าใช้อารมณ์ละ และคุณถามว่าผิดมั้ย ถ้าจะบอกแม่อย่างนั้น เราว่าผิดอ่ะ แม่ที่ดีของคุณเป็นยังไง คุณกำลังเอาตัวเองเป็นบรรทัดฐานตัดสินแม่คุณอยู่นะ แม่คุณอาจจะคิดว่าตัวเองเป็นแม่ที่ดีแล้วก็ได้ ค่อยๆคิดค่อยๆพูดกันแล้วกันนะ เพราะยังไงซะ แม่คุณก็รักคุณ และเลี้ยงดูคุณจนคุณโตขนาดเนี้ยแหล่ะ แล้วก็หาทางผ่อนคลายตัวเองบ้างจะได้ ไม่เครียดจนเกินไป ......
โดยคุณ :pasu - [16:13:00  23 เม.ย. 2547]

ความคิดเห็นที่ 2
อยากจะเล่าเรื่องนี้ให้ฟัง เพราะมันก็ตรงกับเหตุการณ์ที่บ้านเหมือนกัน

เรื่องรับปริญญา
แม่ผมไม่รู้หรอกว่าผมเรียนอะไร คณะอะไร เวลาผมไปมหา'ลัย แม่ก็จะบอกว่าผมไปโรงเรียน (-_-') พอเรียนจบถึงคราวต้องรับปริญญา แม่ก็บ่นเสียดายเงินค่าลงทะเบียนอะไรนั่นหน่ะ ที่คณะเก็บแพงชิบเป๋ง รับปริญญาก็ต้องเสียค่าครุย เสียค่ารองเท้า ค่าถ่ายรูปสารพัด ผมก็ไม่อยากรับ ร้อนเหนื่อย แต่แม่บอกให้รับเพราะแม่อยากเห็นลูกใส่ชุดครุย ทั้งๆที่ตอนนั้นแม่มีเงินอยู่ไม่กี่พันเอง ช่วงนั้นพ่อทำธุรกิจเจ๊ง นี่ไม่ใช่เรื่องสนุกเลยใช้จ่ายอะไรก็อัตคัตไปหมด ขนาดว่าเราทำงานได้เท่าไหร่ต้องให้ที่บ้านเท่านั้นแล้วขอเงินใช้เป็นรายวันแทน สุดท้ายแม่ก็หาเงินมาให้ไปจ่ายค่าใช้จ่ายต่างๆได้ แน่นอนอ่ะ แม่ยืมเขามาชัวร์ๆ  เราก็โกรธแม่นะ แต่ก็ยอมไปรับ แม่ยอมบากหน้าไปขนาดนี้แล้วนี่หว่า

ทุกวันนี้ดูรูปแม่ยิ้มแก้มปริในรูปถ่ายแล้วก็นึกตลกว่าทำไมตอนนั้นตัวเองคิดอะไรสั้นๆได้แค่นั้น(วะ)

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า บางทีผู้ใหญ่เขาก็มีทางออกและเหตุผลของเขาที่เราไม่เข้าใจ สุดท้ายเวลาจะเป็นคำตอบให้เราเอง

เรื่องค่าเทอม
น้องสาวเรามักจะเป็นแบบนี้ประจำ คือ มาบอกพ่อว่าต้องจ่ายค่าเทอมแบบกระชั้นชิดมากๆ พ่อเองก็ไม่รู้นึกไง ตัวเองตังค์มีนิดหน่อยแต่ส่งน้องเรียน ABAC ค่าเทอมจ่ายกันอ้วกเลย ดังนั้นทุกครั้งที่น้องต้องจ่ายค่าเทอมที่บ้านต้องมีเรื่องทะเลาะกันระหว่างน้องกะแม่ทุกที  ก็เล่นมาบอกกันก่อนวันจ่ายไม่กี่วันเป็นใครก็โมโหแหล่ะ  ทุกวันนี้ไอ้น้องคนนี้จบมาทำงานทำการได้ดีไปแล้ว ตอนนี้ก็เลยช่วยกันเป็นหัวเรี่ยวหัวแรงในการออกค่าใช้จ่ายในบ้านเกือบทั้งหมด  ตลกที่มันนั่นแหล่ะเป็นคนสั่งน้องคนเล็กให้รีบบอกแต่เนิ่นๆถ้าต้องจ่ายค่าเทอม  เพราะไม่งั้นมันก็จัดการหมุนเงินไม่ทันเหมือนกัน

เรื่องนี้สอนให้รู้ว่า ถ้าแม่ไม่ได้เป็นไฮโซไฮซ้อ ลูกมาบอกว่าต้องจ่ายเงินหมื่นล่วงหน้าไม่กี่วันก็สะอึกกันทั้งนั้นหน่ะแหล่ะ  ไว้คุณต้องหาเงินจ่ายค่าเทอมน้องๆเองเมื่อไหร่ก็คงจะรู้ดี
ล่าสุดหลังจากน้องคนเล็กโดนที่บ้าน(พ่อ แม่ พี่อีก 2)รุมดุมันไปก็ดีขึ้น ค่าเทอมงวดที่ผ่านมามันมาบอกล่วงหน้า 2 เดือนครึ่ง พี่ๆกะพ่อค่อยโล่งไปเปลาะนึงเพราะจัดการเงินทัน


หวังว่าคงจะเป็นประโยชน์และทำให้ได้คิด
โดยคุณ :ไก่น้อย - [17:18:14  23 เม.ย. 2547]

ความคิดเห็นที่ 3
     ไม่รู้ว่าจะเริ่มเล่ายังไง แค่อยากจะบอกว่าแม่เราก็ขี้บ่น สิบปี ยี่สิบปี ผ่านไป แม่ก็ยังบ่นเหมือนเดิม  ตั้งแต่เราเริ่มลืมตา นอนตื่นสาย ไม่กินข้าวเช้า กลับบ้านเย็น คุยโทรศัพท์นานเกินไป ดูทีวีใกล้เกินไป ฟังวิทยุดังเกินไป นอนดึกเกินไป ฯลฯ เอาเป็นว่า แม่บ่นได้ทุกเรื่องดีกว่า
    แต่คนที่ขี้บ่นที่สุดคนนี้ คือคนๆเดียวกับคนที่ให้อภัยกับเราได้ทุกเรื่อง รอเราได้ตลอด เราจะกลับบ้านดึกดื่นขนาดไหน แม่เป็นคนที่จะเดินมาเปิดประตูให้แทบทุกครั้ง พร้อมกับเสียงบ่น ว่าทำใมกลับดึกอย่างนี้ และเริ่มบ่นต่อไปเรื่องอื่นๆ ได้เรื่อยๆด้วย แต่แม่จะไม่เคยลืมที่จะถามเราว่ากินอะไรมารึยัง แม่ไม่เคยโกรธเราได้นานเลย แม่ไม่เคยลืมว่าเราชอบอะไร ไม่ชอบอะไร เราเกลียดใคร แม่เกลียดด้วย เรารักใคร แม่เราก็รักด้วย
    อยากให้เปิดใจบ้าง  บางครั้งการแสดงออกของความรักอาจจะแตกต่างกัน
ความรักที่คนเป็นแม่มีให้ อาจอยู่ลึกจนเราสัมผัสไม่ได้ แต่มันไม่ได้หมายความว่าแม่ไม่ได้มีความรักให้ มันสำคัญอยู่ที่ว่า เราพยายามพอหรือยัง ที่จะไปสัมผัสความรักนั้น
   
โดยคุณ :บี..เฉย..เฉย - [0:29:14  24 เม.ย. 2547]

ความคิดเห็นที่ 4
เราว่าแม่ทุกคนก็คงคล้ายๆกันนั่นแหละคือขี้บ่น จนบางครั้งเราเองก็รู้สึกเหมือนกันว่า เราไม่เคยทำอะไรได้ดีเลยในสายตาของแม่หน่ะ แต่พอเราโตขึ้น แล้วมองในมุมที่กลับกันบ้าง บางครั้งก็จะเห็นว่าทุกอย่างที่เค้าทำหน่ะ ก็เพราะว่าเราเป็นลูกเค้านั่นแหละ เป็นคนที่เขาคาดหวังว่าจะต้องดี ต้องเก่ง ต้องทำงานที่ดี ก้าวหน้า มั่นคง แล้ววีธีการแสดงออกของแม่แต่ละคน ก็จะต่างกัน บางคนอาจจะแสดงให้ลูกรู้สึกได้ว่า แม่เป็นห่วงนะ รักลูกนะ แต่แม่บางคน อาจจะทำให้ลูกรู้สึกตรงกันข้าม แต่เราอยากจะบอกว่า เราไม่เคยรู้สึกสงสัยในความรักของแม่เลย เวลาที่ทะเลาะกัน ก็คงต้องพยายามคิดว่า แม่รักเราให้มากๆแหละ ของอย่างนี้มันก็ทำยากแหละนะ เราก็รู้อยู่ แต่ถ้าไม่พยายามกับแม่เราเอง แล้วจะไปพยายามกับใครหล่ะ จริงมะ
โดยคุณ :คนชอบกินไข่เจียว - [13:57:21  24 เม.ย. 2547]

ความคิดเห็นที่ 5

ได้เคยทำตัวเป็นลูกที่ดี ซัก 2 นาที ก่อนที่จะบอกแม่ว่า ช่วยเป็นแม่ที่ดีซัก 2 นาทีจะดีกว่าไหม
โดยคุณ :kingology - [10:49:08  25 เม.ย. 2547]

ความคิดเห็นที่ 6
คุณยังได้เรียนหนังสือนะ แล้วก็ได้ทำงานด้วย......

บางคนไม่ได้เรียนหนังสือ แม่บังคับให้ขายตัว จับแต่งงานกับอาเสี่ย หรือบังคับให้ทำงานส่งน้องเรียน

ใจเย็น ๆ ชีวิตเราก็ชีวิตเรา....ชีวิตแม่ก็ชีวิตแม่....ทำอย่างไรก็ได้ให้ชีวิตมีความสุขนะคะ

แม่ต้องเป็นคนที่คุณแคร์ที่สุดแน่ ๆ คุณถึงรู้สึกได้ขนาดนี้

อืม...ลองคิดอะไรง่าย ๆ ดู สมมตินะ..พรุ่งนี้คุณต้องตั้งท้องลูกคุณขึ้นมา คิดดูว่า เก้าเดือนข้างหน้านี้คุณจะรู้สึกอย่างไร จะลำบากแค่ไหนเก้าเดือนนี้ จะไปทำงานจะขึ้นรถเมล์ รวมถึงกว่าจะเลี้ยงมันโตได้

แค่นี้บุญคุณแม่ก็ล้นเหลือแล้วคะ

เป็นกำลังใจให้ชีวิตมีความสุขขึ้นนะคะ
โดยคุณ :เด็กน้อยไม่ยอมเรียน - [12:57:52  26 เม.ย. 2547]

ความคิดเห็นที่ 7
ไม่สนว่าแม่เป็นอย่างไร
ทะเลาะกันทุกวัน ไม่รู้ด้วยเหตุอันใด
รู้แต่ลงเอยด้วยรักแม่อย่างเดิมอยู่ทุกที
โดยคุณ :ชายตาบอด -_- - [14:50:17  26 เม.ย. 2547]

ความคิดเห็นที่ 8
เราอยู่กับป้าพี่สาวแม่ท่านไม่มีลูก ขอเราเป็นลูกบุญธรรมทั้งตามกฎหมายและ พฤตินัย เราสนิทกับคุณยายและพ่อ(คุณลุง) ทั้ง 2 จากเราไปแล้ว ก็รู้ว่าเราก็โชคดีกว่าหลายคน แต่บางทีมันรู้สึกโหวงเหวงไงไม่รู้นะ อยากรู้ว่าความรัก และอ้อมกอดของแม่แท้ๆ จะเป็นไง จะเหมือนกับที่เรารักลูกเรามั้ย เรามีลูกน่ารัก 3 คน ก็แค่อยากพูดมันออกมา บางทีเราก็อยากลองมาเป็นลูกตัวเองดู สงสารลูกเราใช่มั้ยมีแม่แปลกๆ
โดยคุณ :ไม่รู้จะบอกไงดี - [11:23:16  8 ก.ค. 2552]

ขอเชิญร่วมเสนอแนะความคิดเห็นครับ
จาก :
email :
icq :
รูปภาพ :

รายละเอียด

อาการ :



กรุณาคลิก "ส่งข้อมูล" เพียงครั้งเดียวครับ....