เก็บมาฝากอีกเรื่อง
ขอขอบคุณบทความ โดย แสงศรัทธา ณ ปลายฟ้า
บ่อยครั้งที่จ๋อมรู้สึกสงสารแม่ แต่ก็มีบ่อยครั้งอีกเช่นกันที่รู้สึกเอื้อมระอากับความอ่อนแอของแม่ ลึก ๆ แล้วจ๋อมคิดว่าแม่เองก็ดูมีความสุขดีกับการตกอยู่ภายใต้การหลอกลวงของพ่อ
จ๋อมนั่งลูบกระปุกออมสินใบขนาดเขื่องไปมาอย่างแผ่วเบา บ่อยครั้งที่เด็กชายยกมันขึ้นมาชั่งน้ำหนักด้วยมือทั้งสองข้าง นึกกระหยิ่มยิ้มให้กับตนเองอยู่ทุกคราเมื่อคิดถึงในอีกไม่กี่วันข้างหน้าที่จะเปิดมันออกมานั้งนับ ระทึกอยู่คนเดียวในใจกับตัวเลขที่ตนสะสมไป
อาจร้อย อาจพัน เด็กชายคิด
มันเป็นประปุกออมสินรูปโบสถ์วัดใบค่อนข้างใหญ่ที่แม่ซื้อมาให้เป็นของขวัญในวันเกิดเมื่อต้นปี
วันนั้นเด็กชายเปิดกล่องของขวัญดูก็นึกเสียใจอยู่ลึก ๆ ว่ามันไม่ใช่ของเล่นตามสมัยนิยมที่ตนน่าจะได้ แต่มันกลับเป็นเพียงกระปุกออมสินที่มีเหรียญนอนอยู่ก้นเพียงไม่กี่เหรียญเท่านั้น
แม่ใส่เงินนำไปให้ลูกก่อนเป็นของขวัญนะจ๊ะ ต่อแต่ไปนี้ลูกอยากได้อะไรก็ต้องเก็บเอง เอาเงินที่เหลือจากค่าขนมทุกวันนั้นล่ะเก็บใส่ไว้ หญิงร่างท้วมพูดขึ้นหลังจากเห็นสีหน้าแสดงความผิดหวังของลูกชาย
เด็กชายพยักหน้าอย่างไม่เต็มใจนัก ผู้เป็นแม่จึงกล่าวสำทับว่า ลูกจะได้รู้จักเก็บออมงั้ยล่ะจ๊ะ ยิ่งลูกเก็บได้มากเท่าไร ลูกก็สามารถเอาออกมาใช้ได้มากเท่านั้นในวันข้างหน้า ถึงตอนนั้นลูกอยากได้อะไรลูกก็จะได้ แม่ไม่ว่าถ้าลูกจะเอาเงินที่ลูกเก็บออกมาซื้อ เพราะมันเป็นเงินของลูกเอง กล่าวจบหล่อนก็ลูบหัวลูกชายไป ๆ มา ๆ อย่างเอ็นดู
เด็กชายหันมายิ้มให้กับผู้เป็นแม่ด้วยประกายตาที่อาบฉายแววแห่งความหวัง เมื่อคิดตั่งใจจะลองเก็บออมเงินอย่างที่แม่บอกดูซักครึ่งปีว่าจะได้เท่าไร อาจพอซื้อเกมส์กดอย่างเจ้าขวัญ หรือไม่ก็คงมากพอจะซื้อวีดีโอเกมส์อย่างบ้านเจ้าแสน เพื่อนร่วมห้องก็ได้ ดีกว่าไปตามง้อขอร้องเล่นกับมัน
จ๋อมเงยหน้ามองปฎิทินที่แขวนอยู่บนฝาผนัง เห็นกากบาทตัวสีแดงที่ตนทำเป็นเครื่องหมายเอาไว้
ถ้าเริ่มนับจากวันนี้ก็เหลือเวลาเพียงอีกแค่สี่วันเท่านั้นที่จะถึงกำหนดครึ่งปีพอดีที่เริ่มเก็บเงินมา ยิ้มแย้มแก้มปริอยู่คนเดียวก่อนจะพลิกตัวเอาหัวหนุนแขนนอนกลางห้อง นึกลุ้นอยู่ในใจว่าจะได้เท่าไร พลางคิดไปถึงของเล่นที่พึ่งออกมาใหม่ลอยไปมาเย้ายวนอยู่ในหัว
ราคามันก็แพงเอาการอยู่เหมือนกัน แต่เมื่อลองคำนวณในใจดูคราว ๆ ก็คิดว่าเงินที่มีอยู่ในกระปุกคงมากพอจะซื้อมันได้ ยิ่งคิดก็ยิ่งกระสับกระส่ายว้าวุ่นในใจอยากให้วันเวลาเดินเร็ว ๆ อีกแค่สี่วันเท่านั้นก็จะรู้ผลแห่งความเพียรพยายาม
แล้วก็พลิกตัวมองดูกระปุกออมสินที่วางอยู่ในระดับสายตาตรงหน้า นึกเสียใจอีกอย่างก็ตรงที่รูปร่างมันนี้ล่ะ เคยถามแม่ว่าทำไมไม่ซื้อกระปุกออมสินที่ทำเป็นรูปอุนตร้าแมน หรือมดเอ๊กที่มีวางขายทั่วไป กลับเอาที่เขาทำเป็นรูปโบสถ์วัดมาให้ ความสวยงามก็พอมีอยู่หรอก แต่เด็กชายรู้สึกไม่ชอบมันก็เท่านั้นเอง
ไอ้รูปอุลตร้าแมนหรือมดเอ๊กอะไรของลูกนั้นนะ มันใส่เงินได้ไม่มากหรอกลูก ลูกลองนึกดูซิจ๊ะมันมีทั้งแขนทั้งขามีส่วนเว้าส่วนโค้งตั้งมากมายมันไม่มีที่พอจะเก็บเงินได้มาก ๆ หรอกจ๊ะลูกอีกอย่างแม่ว่ามันแพงไปด้วยซ้ำ แม่เลยเอาที่เขาทำเป็นโบสถ์วัดนี้ล่ะลูกดูซิจ๊ะมันเป็นแค่รูปสี่เหลี่ยมเท่านั้นไม่มีส่วนเว้าส่วนโค้งอะไรมาแย่งที่เก็บเงินของลูกเลยน่ะ นึกถึงคำอธิบายของแม่ก็เห็นด้วย แต่อย่างไรซะเด็กชายก็ยังไม่ชอบมันอยู่ดี
โดยเฉพาะตอนที่ได้มันมาใหม่ ๆ เมื่อนำไปวางไว้บนชั้นมันก็ใหญ่จนกินเนื้อที่เกินไปจนตัวเองต้องตัดสินใจเอาตุ๊กตาที่เคยวางอยู่เกือบทั้งหมดไปวางรวมกันอยู่อีกชั้นด้านล่าง เด็กชายไม่เข้าใจว่าทำไมคนขายต้องทำมันให้ใหญ่จนเกินไป เพราะไม่ว่าจะใหญ่หรือเล็กมันก็มีประโยชน์เก็บออมเงินได้เหมือนกัน
พลันเสียงอึกทึกครึกโครมดังมาจากด้านล่าง เด็กชายสะดุ้งเล็กน้อยลุกขึ้นคว้ากระปุกออมสินไปวางไว้ที่เดิมก่อนจะทิ้งตัวลงนอนคลุมโปงบนเตียง
จ๋อมนอนนิ่งลืมตาโพรงในผ้าห่ม แววเสียงดังมาจากด้านล่างไม่ขาดระยะ คำเตือนเกี่ยวกับเรื่องนี้จากแม่แวบผลุดขึ้นมาในสมอง
ถ้าพ่อเมาและอารมณ์เสียกลับมา ลูกรีบขึ้นไปนอนเลยน่ะจ๊ะ แล้วก็ไม่ต้องลงมาล่ะ แม่มักจะเตือนจ๋อมด้วยประโยคซ้ำ ๆ กันเช่นนี้เสมอ ๆ
ตั้งแต่จ๋อมจำความได้ก็ไม่เคยเห็นพ่อทำงานอะไรเป็นชิ้นเป็นอันเลย นอกจากกินเหล้าและเล่นการพนัน เหมือนกับป้าศรีพี่สาวของแม่ชอบพูดเสมอ ๆ ว่าพ่อเป็น เจ้าชายลอยชาย และดูเหมือนว่าพ่อจะรักเหล้าและการพนันมากกว่าจ๋อมและแม่เสียอีก บ่อยครั้งที่จ๋อมเห็นพ่อนั้งกินเหล้าอยู่ที่หน้าปากซอยจ๋อมยกมือไหว้พ่อพ่อก็ไม่เคยทำอะไรได้ดีกว่าพยักหน้ารับแล้วก้มลงกินเหล้าต่อ จ๋อมคิดว่าความสัมพันธ์ระหว่างจ๋อมกับพ่อนั้นเป็นแค่คนที่รู้จักกันมากกว่าจะเป็นพ่อลูกกันจริง ๆ
ป้าศรีบอกว่าพ่อเป็นผู้ชายที่เห็นแก่ตัววัน ๆ ไม่ทำงานการอะไรนอกจากไถเงินจากแม่ไปบำเรอความสุขให้ตัวเอง อีกทั้งป้าศรีพูดมักจะพูดอยู่บ่อย ๆ ว่าพ่อเป็นผู้ชายที่เก่งในด้านการใช้คำพูด พ่อมักจะหว่านล้อมด้วยเหตุผลร้อยแปดที่จะต้องใช้เงินให้แม่ฟัง แรก ๆ แม่ก็เชื่อตามที่พ่อพูดแต่หลัง ๆ เมื่อเองก็ไม่เชื่อ แต่ที่ให้นั้นเพราะแม่จำยอมพร้อมใจต่างหากล่ะและถ้าวันไหนพ่อมาเอาเงินกับแม่ไม่ได้ พ่อก็จะหาเรื่องทำไอ้โน้นตกไอ้นี้แตกเพื่อบอกให้แม่รู้เป็นนัย ๆ ว่าพ่อไม่พอใจ แม่เองก็กลัวมีเรื่องจึงต้องไปเที่ยวหายืมมาให้พ่อ
เหมือนกับที่พ่อกำลังทำเสียงโครมครามดังลั่นอยู่ด้านล่างนี้
จ๋อมเองเคยเอาคำพูดต่าง ๆ นานาที่ป้าศรีว่าพ่อมาเล่าให้แม่ฟัง กลับถูกแม่ดุและว่า จ๋อมจำเอาไว้นะ พ่อกับแม่เปรียบเสมือนพระในบ้านรู้ไหม ถึงพ่อเขาจะเป็นอย่างไรก็เรื่องของเขาเขาก็เป็นพ่อเรานั้นล่ะ ว่าไม่ได้นะมันบาป และตั้งแต่นั้นมาจ๋อมไม่เคยต่อว่าพ่อให้แม่ได้ยินอีกเลยและคำถามที่ผลุดขึ้นมาในใจในวันนั้นว่า ถ้าหากพ่อเป็นพระจริง พ่อเป็นพระแบบไหนกันน่ะ จ๋อมก็ไม่ได้ถามแม่
คงจะเป็นพระอะไรซักอย่างก็ได้ที่ไม่ต้องทำงาน วัน ๆ เอาแต่ใช้คารมรีดไถฉกฉวยเงินไปจากแม่แล้วเสพสุขสำราญไปวัน ๆ
เด็กชายสรุปเอาเองเช่นนั้น
บ่อยครั้งที่จ๋อมรู้สึกสงสารแม่ แต่ก็มีบ่อยครั้งอีกเช่นกันที่รู้สึกเอื้อมระอากับความอ่อนแอของแม่ ลึก ๆ แล้วจ๋อมคิดว่าแม่เองก็ดูมีความสุขดีกับการตกอยู่ภายใต้การหลอกลวงของพ่อ
เสียงจากด้านล่างเงียบไปแล้วเด็กชายนอนนิ่งเงี่ยหูฟังอีกเพียงอึดใจ ก่อนจะค่อย ๆ ย่องลงบันไดมองลอดราวเหล็กกวาดสายตาไปรอบ ๆ เมื่อแน่ใจแล้วว่าพ่อไม่ได้อยู่ตรงนั้นก็เดินลงตามปกติ
..
พรุ่งนี้แม่จะตักบาตรหรือครับ จ๋อมถามขึ้นพร้อมกับทรุดตัวลงนอนหนุนตักผู้เป็นแม่
แม่พยักหน้าให้แทนคำตอบ มือทั้งสองข้างกำลังสาละวนอยู่กับการมัดปากถูงพลาสติกใบย่อมที่บรรจุข้าวสารครึ่งหนึ่งด้วยริบบิ้นสีแดง
ทำไมยังไม่นอนอีกลูก
ผมยังไม่ง่วงครับ
ทำไมแม่ต้องตักบาตรบ่อย ๆ ด้วยล่ะครับ ตอบพร้อมถาม เด็กชายดูดวงตาของแม่รู้สึกเหมือนมีความเศร้าแฝงอยู่
ก็ทำบุญงั้ยลูกพระท่านเคยพูดให้ฟังบ่อย ๆ ว่าถ้าเราทำบุญมากเท่าไรในชาตินี้ เกิดมาชาติหน้าเราก็จะสุขสบายตามบุญที่เราได้ทำไว้งั้ยล่ะ
และที่เราต้องเป็นทุกข์ในชาตินี้นะ พระท่านว่าเมื่อชาติที่แล้วมาเราไม่ได้ทำบุญมามากเท่านั้นเอง หล่อนอธิบายด้วยน้ำเสียงราบเรียบ
คงเหมือนกับที่จ๋อมเก็บเงินไว้ในกระปุกนั้นใช่ไหมครับแม่ จ๋อมใส่กระปุกเท่าไร เวลาจะใช้จ๋อมก็นำออกมาใช้ได้เท่านั้น เด็กชายถามขึ้นเมื่อคิดถึงคำพูดของแม่ที่เคยพูดไว้เมื่อตอนที่ซื้อกระปุกมาให้ใหม่ ๆ
จ๊ะมันต่างกันตรงที่เราจะได้บุญก็ต่อเมื่อเราตายไปและเกิดใหม่นั้นล่ะ อธิบายจบหล่อนก็หยิบถุงข้าวสารที่มัดเสร็จแล้วไปวางเรียงในถาดจัดให้เป็นแถวคู่กับปลากระป๋องและน้ำส้มได้ห้าชุดพอดี
เด็กชายมองดูแม่ที่สาละวนกับการจัดของในถาดในใจก็พลันนึกว่าในเมื่อแม่ต้องทนทุกข์กับการกระทำของพ่อในชาตินี้ทำไมแม่ไม่สามารถถอนบุญที่แม่ทำอยู่เป็นประจำออกมาใช้บ้าง เพื่อบุญที่แม่ทำบ่อย ๆ จะทดแทนความทุกข์ที่แม่ได้รับจากพ่อได้บ้าง
หรือว่าบุญที่ทำไปจะเห็นผลก็ต่อเมื่อเราตายเท่านั้น
..
และมันจะมีหลักประกันอะไรล่ะว่าเราจะได้รับเมื่อเราตายหรือไปเกิดใหม่แล้ว พ่อเสียอีกที่มีความสุขโดยที่พ่อไม่ต้องทำบุญและทำงานอะไรเลย
ไปนอนได้แล้วจ๊ะ พรุ่งนี้ต้องไปโรงเรียน หล่อนสะกิดแขนลูกชายที่นอนหนุนอยู่บนตักให้ลุกขึ้น
จ๋อมลุกขึ้นหอมที่แก้มแม่เบา ๆ ก่อนจะเดินขึ้นบันไดด้วยท่าทางเชื่องช้าอย่างว่าง่าย มีหลายสิ่งหลายอย่างที่จ๋อมไม่เข้าใจทั้งพฤติกรรมของพ่อ แม่ รวมถึงความรู้สึกที่พ่อมีต่อจ๋อมและแม่ และยิ่งวันไหนที่แม่มีเรื่องทุกข์ใจเกี่ยวกับพ่อ แม่มักจะตักบาตรมากกว่าปกติทุกครั้ง จ๋อมเคยถามว่าทำไมแม่จำทำอย่างนั้นแม่ก็มักจะอ้างคำสอนของหลวงตาที่วัดว่าให้แม่ทำบุญมาก ๆ เพื่อเกิดชาติหน้าจะได้ไม่ต้องมาเจอพ่อ ไม่ต้องมาเจอเรื่องราวทุกข์ใจแบบชาตินี้อีก
แต่ในใจจ๋อมคิดว่าแม่ก็ไม่ต้องเจอและทนทุกข์กับพ่อก็ได้เพียงแต่แม่ทำตามที่ป้าศรีบอกนั้นคือ หย่า จากพ่อซะแล้วหนีจากพ่อไปอยู่ที่อื่น ลำพังเงินเดือนของแม่ทุกวันนี้ก็มากพอจะส่งเสียจ๋อมเรียนจบสูง ๆ ได้แต่นั้นก็หมายความว่าจะต้องไม่มีพ่อมากวนแม่แบบนี้ และมันก็ขึ้นอยู่กับว่าแม่ต้องการจะ มี หรือไม่มี เจอ หรือไม่เจอ พ่อเท่านั้นเอง จ๋อมคิดว่าแค่นี้แม่ก็ไม่ต้องเจอพ่ออีกโดยไม่ต้องทำบุญไว้รอชาติหน้า อย่างหลวงตาว่า
เด็กชายทิ้งตัวลงนอนบนเตียง แสงไฟจากข้างนอกถนนฉายอาบช่วยหนุนมิให้ห้องนี้มืดเกินไป จ๋อมนอนมองดูกระปุกออมสินที่วางอยู่ตรงกึ่งกลางระหว่างชั้น หลังคาโบสถ์สีเหลืองเป็นมันเงาวาวสะท้อนกับ
แสงที่สาดเข้ามาสวยสะดุดตา ไล่เรี่ยลงมาด้านล่างตัวโบสถ์ทาด้วยสีขาว เสาทั้งสี่และกรอบประตูหน้าต่างทาสีแดงปิดสนิททุกด้าน จ๋อมคิดว่าในนั้นมีเงินของตนมากกว่าครึ่งหรืออาจจะเกือบเต็มแล้วก็ได้
จ๋อมค่อย ๆ หลับตาลงแล้วนึกเห็นภาพของตนเองกำลังนั่งนับเงินในกระปุก หนึ่ง สอง สาม
แปด เก้า
.. แล้วก็เผลอหลับไปในที่สุด
วันนี้จ๋อมมีความสุขที่สุด ตลอดระยะทางที่เดินกลับจากโรงเรียนถึงบ้านจ๋อมมักจะหยุดแวะร้านขายของเล่นตามรายทางบ่อย ๆ เข้าร้านโน้นออกร้านนี้ เที่ยวถามราคาของเล่นที่ตนหมายตาไปเรื่อย ๆ คิดว่ากลับไปถึงบ้านจะชวนแม่ออกมาซื้อ ยิ้มกระหยิ่มเมื่อเห็นภาพตนเองจ่ายเงินซื้อของแทนที่จะเป็นแม่เหมือนครั้งก่อน ๆ มันช่างน่าภูมิใจเสียจริง
เด็กชายคิด
พอเปิดประตูบ้านได้จ๋อมก็รีบเข้าไปหาแม่ที่อยู่ในครัวก่อนโผเข้ากอดแม่ที่เอวแล้วอ้อนแม่ให้พาไปซื้อของที่ตนหมายตาเอาไว้
ไปอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้า ก่อนนะลูก แล้วเอาเงินออกมานับด้วยว่าได้เท่าไร หล่อนบอกกับลูกชาย นึกภูมิใจลูกของตนอยู่ลึก ๆ ที่สามารถทนอดออมเอาจนได้
จ๋อมปฏิบัติตามแม่อย่างว่าง่ายวิ้งขึ้นบันไดทีเดียวสองขั้นจนแม่ต้องร้องปรามตามหลังด้วยความเป็นห่วง แต่ก็ไม่ได้ทำให้ความใจร้อนของจ๋อมนิ่งลงได้ เด็กชายหยุดยืนอยู่หน้าประตูห้อง ยิ้มให้ตนเองนิดหนึ่งก่อนจะเอื้อมมือเปิดประตูห้องก้าวเข้าไปอย่างรวดเร็ว
เด็กชายเดินไปยังชั้นที่วางกระปุกออมสินกวาดสายตามองหา ทันใดนั้นหัวใจก็สั่นไหววูบวาบเต้นไม่เป็นจังหวะ มือและริมฝีปากสั่นระริก สำนึกหนึ่งย่ำเตือนว่าให้ลองค้นหาดูอีก หันมองไปรอบ ๆ ห้อง แต่ก็ไม่พบสิ่งที่ตนหา มันหายไปแล้ว
.หายไปแล้ว จ๋อมบอกกับตนเองในใจก่อนจะตะโกนเรียกแม่จนสุดเสียง
ผู้เป็นแม่วิ้งขึ้นบันไดมาด้วยอาการตื่นตกใจในน้ำเสียงของลูกชาย
หล่อนถามขึ้นเมื่อก้าวเข้าห้องมายืนเคียงข้างลูก
กระปุกแม่
กระปุกออมสินของจ๋อมหายไปแล้วแม่ เด็กชายบอก
ปากและมือยังสั่นไหวก่อนจะทรุดลงไปนั่งกับพื้นดังคนไร้เรี่ยวแรง
หล่อนเองก็ทำอะไรไม่ถูกพยายามเดินค้นหาทั่วห้องแต่ก็ไร้วี่แววพบมัน
โอ๊ย.. หล่อนร้องเสียงหลง เมื่อเท้าสัมผัสกับอะไรบางอย่างที่อยู่บนพื้นจนรู้สึกเจ็บ
หล่อนค่อย ๆ ย่อตัวลงพลิกฝ่าเท้าดูมีเลือดไหลออกมาตามรอยบาด บนพื้นมีเศษเซรามิกวางอยู่จึงหยิบมันขึ้นมาดู
มันเป็นเศษเซรามิกชิ้นไม่ใหญ่สีเหลืองเป็นมันวาว มีรอยร้าวบาง ๆ อยู่เกือบทั่วแผ่นภายในร่องรอยร้าวเป็นริ้วเล็ก ๆ นั้นได้ซับเอาเลือดที่ไหลออกจากฝ่าเท้าของหล่อนให้ไหลไปตามร่องอย่างช้า ๆ ก่อนจะซึมลึกลงสู่เนื้อในฝังนิ่งจนเห็นเด่นชัด
หล่อนจำได้ว่าเศษชิ้นส่วนนี้มันเป็นส่วนหลังคาโบสถ์ของกระปุกออมสินที่หายไปนั้นเอง และไม่ต้องคิดมากก็พอรู้ว่าเกิดอะไรขึ้น และใครเป็นคนทำ
ถ้าไม่ใช่เขา สามีหล่อนนั้นเอง
แม่แล้วอย่างนี้จ๋อมจะทำอย่างไรดีล่ะครับ เด็กชายถามด้วยน้ำเสียงสะอื้นไห้
ผู้เป็นแม่เอื้อมมือโอบกอดลูกลืมความเจ็บที่อยู่ใต้ฝ่าเท้าไป ในมือยังกำเศษกระปุกออมสินไว้แน่น ไม่เป็นไรลูก ลูกอยากได้อะไรเดี่ยวแม่จะซื้อให้ ไม่ต้องร้องไห้นะ หล่อนตอบพร้อมรู้สึกเจ็บวาบ ๆ ขึ้นมาที่ฝ่ามือ หล่อนจึงรู้ว่าเศษกระปุกนั้นได้ทิ้มเอากับฝ่ามืออีกครั้งหนึ่งแล้ว
พ่อ
พ่อเอาของจ๋อมไปใช่ไหมครับ เด็กชายถามขึ้นหลังจากเงยหน้ามองดูผู้เป็นแม่
หล่อนเงียบไม่ตอบ
มันไม่มีเหตุผลใดที่จะโกหก ในเมื่อความจริงนั้นลูกชายของหล่อนก็รู้ ๆ อยู่แล้ว
ไหนแม่เคยบอกว่าพ่อเป็นพระประจำบ้านงั้ยล่ะครับ ทำไมพ่อต้องมาเอาเงินของผมไปด้วยล่ะครับ ทำไมพระของแม่จึงเป็นนักฉกฉวยและขโมยตัวฉกาจอย่างนี้ล่ะครับ
ผมไม่ไว้ใจพ่อแล้ว เด็กชายถามแกมต่อว่าแม่ด้วยสีหน้าจริงจัง
หล่อนนิ่งเงียบกับคำพูดของลูกนึกไม่ออกว่าจะตอบอย่างไรดี ทางทีดีที่สุดมีทางเดียวคือ ไปอาบน้ำซะนะลูก เดี่ยวแม่จะไปซื้อของให้ ลูกอยากได้อะไรล่ะ แล้วแม่ก็จะซื้อกระปุกใบใหม่ให้อีกนะ
เด็กชายพยักหน้าอย่างพอใจยกมือขึ้นปาดหยาดน้ำตาที่ไหลปริมดวงตาทั้งสองข้าง แม่ครับผมไม่เอากระปุกออมสินรูปโบสถ์แบบเดิมอีกแล้วนะครับ มันใหญ่เก็บเงินได้มากก็จริง แต่มันเปลื้องเนื้อที่ มันแย่งที่อยู่ตุ๊กตาของผมหมดแม่ดูโน้นซิ เด็กชายชี้มือให้แม่ดูบนชั้น
ตรงที่ว่างเปล่านั้นเคยเป็นที่วางของกระปุกออมสินซึ่งมีเนื้อที่มากกว่าที่อื่น ๆ ถัดลงมาชั้นล่างเป็นที่วางของเหล่าตุ๊กตารูปร่างต่าง ๆ ที่ตั่งวางเบียดเสียดกันอยู่ในเนื้อที่คับแคบ
จ๊ะ
ลูกอยากจะได้แบบไหนก็เลือกเอาเองเลยนะจ๊ะ แม่จะซื้อให้ หล่อนรับคำก่อนจะก้มลงหอมที่แก้มของเด็กชายเบา ๆ
แม่จ๊ะกระปุกออมสินเล็ก ๆ ก็ใช้เก็บเงินได้ แม้ว่ามันจะมีเนื้อที่ให้เก็บเงินได้น้อยกว่ากระปุกรูปโบสถ์ของแม่ เพราะผมจะได้ซ่อนพ่อไม่ให้พ่อเห็น
ผมไม่อยากให้พระของแม่มาขโมยเงินของผมอีก เด็กชายกล่าวสำทับก่อนเดินอ่อนอิ่งออกจากห้องไป
หล่อนคลายมือที่กำเศษกระปุกออมสินออก เลือดไหลออกตามรอยบาดบนฝ่ามือที่ถูกเศษกระปุกทิ่มตำ หล่อนก้มมองดูมันอีกครั้ง ครานี้เลือดที่ไหลออกมาจากฝ่ามือได้ไหลซึมไปตามร่องที่แตกเป็นริ้ว ๆ ผสมผสานไปกับรอยเลือดที่ไหลออกมาจากฝ่าเท้าก่อนหน้านี้จนดูเป็นเนื้อเดียวกัน และดูเหมือนว่ามันได้ไหลกลืนกินไปกับสีเหลืองของหลังคาโบสถ์ไปในที่สุด
---------------------------------------------------------------------------
อีกมุมมองหนึ่ง ...ของสังคม
โดยคุณ :
engineer man - [9:12:57 18 พ.ค. 2546] |