ความคิดเห็นที่ 1
อยากคิดเรื่องนี้ต่อจากพี่จิก
ความจริงแล้ว
เราทุกคนอยู่ใน"สนามของแรง"อยู่ตลอดเวลาครับ
สนามของแรงที่ล้อมรอบเรามีมากมาย
เราจะรู้สึกถึงแรงนั้นๆหรือไม่...ผมคิดว่าอยู่ที่ 2 ปัจจัย
ปัจจัยแรก คือ ความเข้มของสนาม
ปัจจัยที่สอง เรามีตัวรับ(detector)ที่รับแรงชนิดนั้นได้หรือไม่
ยกตัวอย่างเช่น ทีวี วิทยุหรือโทรศัพท์มือถือ..ถ้าคลื่นแรงๆหรืออยู่ใกล้สถานีส่งละก้อ..จะรับชัด
แต่ถึงแม้สนามสัญญานของทีวีจะแรงแค่ไหน..โทรศัพท์มือถือคงไม่รับรู้ด้วย
ในห้องประชุมที่แสดงคอนเสิร์ต..เฉลียง
สนามของแรงที่กระทำต่อกัน(ทั้งคนดูและคนรับ)มันเข้มมากครับ...
ไม่ต้องพูดถึงการจูนเครื่องส่งและเครื่องรับว่าจะตรงกันหรือไม่
เพราะมันตรงกันตั้งแต่ที่บ้าน...ตั้งแต่ยังไม่มีการส่งคลื่นแล้ว
ดังนั้น...ผมจึงไม่สงสัยเรื่องความแรงของสนามที่มีเสียงเพลงเป็นสื่อ..ในหอประชุม...ในทุกรอบ
แรงกระแทกมันต่อเนื่องเป็นวงกว้าง...เหมือนแหนในสระที่ถูกก้อนหินลงไปกระทบ
และถ้าวัดที่ตัวผม
แรงนั้นมันยังทำให้น้ำกระเพื่อมอยู่
ยังไม่นิ่งสนิทนัก....
แต่ก็เป็นแรงกระเพื่อมที่เพิ่มออกซิเจนให้น้ำในสระ
ก่อนที่มันจะนิ่ง..จนเน่า.
......................
ผมคิดต่อว่า
เราคงต้องได้รับแรงต่างๆ..ที่สนามของแรงอยู่รอบตัวเราทุกวัน
เบาๆจนไม่รู้สึกบ้าง..หรือแรงจนดันน้ำตาให้ไหลออกมาบ้าง
ผมจะเก็บประสบการณ์แรงกระแทกจากเฉลียงไว้เป็นภูมิต้านทาน
หากจะต้องพบกับแรงกระแทกอื่นๆอีก
โดยเฉพาะอย่างยิ่ง..หากเป็นแรงลบ
จะได้มีแรงกระแทกจากเฉลียง..ซึ่งเป็นแรงบวกช่วยบาลานซ์แรง...ให้ประคับประคองชีวิตไปได้อย่างเป็นปกติ
ไปเซออกนอกเส้นทางไปมากนัก...
........
ดีใจกับคนที่ถูก Chalaing shockwave กระแทกแล้วกระแทกอีกครับ :-)
และอยากบอกพี่จิกและพี่เฉลียง..ว่า
ถ้าไม่ส่งแรงกระแทกออกมาบ้าง
น้ำในสระมันจะเน่า
อย่าปล่อยให้น้ำเน่าเลยนะครับพี่ :-)
โดยคุณ : ไส้เดือนดิน - [ 10 ธ.ค. 2543 , 21:12:51 น.] โดยคุณ
:ตามมาแปะเรื่องเดียวกัน - [15:00:05 12 ธ.ค. 2543] |