หมีสมอง ฯ สยองหัว
: กว่าจะตัดใจลุกขึ้นหนีจากความกลัวมานั่งเขียนความรู้สึกเป็นเพื่อนนี่ ก็ใช้เวลาเกือบเช้าแล้วเนี่ย!!!
แต่ถึงจะนอนไปก็นอนไม่หลับ หาที่ปลอดภัยอยู่จนตะวันโผล่จะดีกว่า
เพิ่งจะมารู้สึกว่ามันแปลก ๆ ก็อีตอนได้อยู่คนเดียวนี่ล่ะวะ ปิดไฟนอนมันมืดมิด จิตใจเลยฟุ้งซ่าน คิดทบทวนเรื่องต่าง ๆ ของวัน ก่อนจะหลับใหล แต่ใจเจ้ากรรมแทนที่จะคิดถึงหนุ่มในฝัน ดันไปคิดถึงสนามเด็กเล่นเข้า
ไปสวนรถไฟมาไปขี่จักรยาน เล่นบาส แต่เล่นที่สนามเด็กเล่นนะ ไม่ได้เล่นที่สนามมืออาชีพ
วันนี้ไปตอนโพล้เพล้ เพราะต้องรอเพื่อนเลิกงานมาเล่นด้วยกัน วันจันทร์ไม่เหมือนวันอาทิตย์ คนหายไปเยอะ สนามบาสก็เล่นแค่ ๒ คน ไม่ต้องแย่งใคร เล่นจนตะวันหาย มองลูกบาสแทบไม่เห็น
สนามเด็กเล่น เค้ามีไว้ให้เด็กเล่นไง ด้วยเจตนาที่ดีมั้ง เค้าเลยไม่มีไฟให้สว่างพอที่จะอยู่เล่นตอนไม่มีแสงอาทิตย์ได้ มีสนามบาสแป้นเดียวอยู่ ๒ สนาม ข้ามถนนเล็ก ๆ มาหน่อยก็มีสนามเด็กเล่นอันตระการตา กับสระว่ายน้ำเด็ก ทุกอย่างปกติผู้ใหญ่ไม่สมควรเล่นได้ ควรคอยระวังบุตรหลานแทนจะดีกว่า
ตอนที่เพื่อนฉันไปเก็บลูกบาส เตรียมจักรยานจะไปขี่ต่อกันนั้น ฉันก็เดินไปหาถังขยะเอาของให้ลงถัง หาไม่เจอสักที ด้วยความเป็นคนดีของสังคม ฉันเดินเข้าไปในสนามเด็กเล่น เลยมาจนถึงสระว่ายน้ำ ขยะถึงลงถังได้ เพื่อนเดินมาตามเพราะว่าฉันหายไปนานเหลือเกิน...
พอจัดการกับขยะเสร็จ คราวนี้ก็หันหน้ากลับมาเจอกับสนามเด็กเล่น ที่ไม่มีเด็ก อารมณ์ก็บรรเจิด โลกนี้เป็นของเราแล้ว!!
ฉันโผเข้าหาของเล่นแต่ละชิ้นอย่างตื่นตา ตื่นใจ
ชวนเพื่อนเล่นไม้กระดก เล่นที่ตักทราย เล่นม้าโยก...เริงร่ายังกับหนังอินเดียที่เค้าร้องเพลงไล่จับกัน แล้วฉันก็โผเข้าหา ค่ายกลกระดานลื่น ปีนป่ายลื่นไถลอย่างตื่นเต้น และเห็นว่ามีเด็กผู้หญิงอายุประมาณ 8-9 ขวบมาเล่นด้วย
ฉันยังไล่เล่นเครื่องเล่นต่อไป จากค่ายกลอันนี้ ย้ายไปฝั่งตรงข้าม....ฉันปีนล้อยาง น้องเค้าก็มาปีนล้อยาง ฉันลื่นลงมาจากกระดาน น้องเค้าก็ตามมาลื่นอันเดียวกัน คือไอ้เจ้าค่ายกลเนี่ยนะ อันนึงมันสารพัดอย่างจะให้เล่นน่ะ มันเลยรู้สึกแปลก ๆ ได้ เวลามีคนเล่นตามเราไปเสียทุกอย่าง
ฉันเลยมีแผนแกล้งเด็ก วิ่งมุดโน่น มุดนี่ โผเล่นเป็นลิงกระโจนตามต้นไม้ จนพื่อนฉันก็ตามไม่ทัน แต่ขอโทษ เจ้าหนูนั่นตามทันอ่ะ... ฉันวิ่งไปเล่นชิงช้า น้องเค้าก็ยังตามมาเล่นอีกอันข้าง ๆ เพื่อนฉันยังตะโกนแหย่มาว่า "กุมารทองล่ะมั้งนั่น" (เพื่อนยังเกาะอยู่ที่ค่ายกล)
น้องเค้าแต่งตัวแร็พมากเลยนะ กางเกงสี่ส่วน ร้องเท้าผ้าใบ เสื้อแจ๊กเก็ต มีหมวกแก็ปด้วย ดู ๆ ไปฉันยังคิดในใจว่าเหมือนที่เค้าใส่ในทีวี ที่ไม่อยากให้รู้ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใครตอนสัมภาษณ์
ฉันเริ่มหนีแล้วล่ะ เพราะรู้ว่าน้องเค้าตามมาแน่นอน ไม่พูดไม่จา ตามมาเล่นข้าง ๆ อยู่ได้... ฉันวิ่งย้ายสนามลึกเข้าไปอีก คราวนี้มันเป็นบ้านทาร์ซานแบบไม้ใหญ่กว่าเดิมฉันก็ตะลุยเล่นเข้าไปอีก ปากก็ตะโกนถามเพื่อนว่า ไอ้นี่เค้าเล่นยังไงนะ..? มีไว้ทำไมนะ..? แล้วพอวิ่งมาถึงค่ายกลอันสุดท้าย ฉันก็เล่นทดสอบว่าน้องจะตามมาอีกไหม? ยังตามมาอีกแฮะ... คราวนี้ฉันเลยวิ่งไปหาเนินเก้าอี้ที่อยู่ไกลออกไป เหมือนเก้าอี้ให้พ่อแม่รอน่ะนะ
แล้วหัวใจฉันก็หล่นวูบ เมื่อเจอกับตุ๊กตาหุ่นปั้นยืนอยู่...หันกลับไปดู เพื่อนเด็กที่ตามกันมาตลอดก็หายไปไหนแล้วไม่รู้...
ฉันวิ่งกลับไปหาเพื่อนที่เพิ่งมาถึงค่ายกลอันสุดท้าย "ฮือ ๆ.... ตกใจหมดเลย มองตรงนี้มันไม่เห็นอะไร มองใกล้ ๆ มีหุ่นยืนอยู่ด้วย"
ฉันเลยชวนเพื่อนกลับไปขี่จักรยานต่อดีกว่า เดินกลับมาสนามเด็กเล่น เจ้าเด็กนั่นยังยืนอ่านป้ายอยู่คนเดียว...."ไม่ยุ่งแล้ว ไปแล้วฮึ.."
พอขี่จักรยานออกมา.. เริ่มมีคำถาม มันมืดรำไรอย่างนั้น น้องเค้ามาอยู่ได้ไง...? มันไม่มีใคร แล้วพ่อแม่น้องล่ะ....??..
"แล้วทำไมต้องตาม กู ด้วย!!!!" (ขออนุญาตหยาบคายในอารมณ์ค่ะ)
เพื่อนถามฉันว่า "แล้วสมมุติว่าถ้าแอโกหก ว่าเห็นเด็กผู้หญิง แล้วที่จริงหนิงเห็นคนเดียวล่ะ?" ฉันเบรคหัวทิ่มหัวตำบนสะพานกลางน้ำ (( "แล้วมาพูดอะไรตอนนี้ล่ะวะเนี่ย??)) ฉันกลัว แต่ไม่แสดงอาการกลัว....ลงจากรถให้เพื่อนขี่-ฉันซ้อนอย่างมิเชิง
เสียวสันหลังยังดีกว่าเห็นผีจะ ๆ ไม่หันก็ไม่เห็นนี่หว่า....
รุ่งขึ้นโทร.ปลอบใจกัน หลายรอบ เอาวะ เห็นกันสองคนคงไม่ใช่ผีหรอก มันผิดทฤษฎีการหลอกหลอน อีกสองวันฉันไปใหม่ตอนกลางวัน อะไร ๆ ไม่น่ากลัวสักนิด เด็กยังวิ่งเล่นเต็มสนาม หุ่นที่เจอก็ยังยืนอ่านหนังสืออยู่อย่างไม่ทุกข์ร้อน แค่ความมืดเท่านั้นที่น่ากลัวน่ะ คิดได้อย่างนี้ ฉันก็รีบกลับก่อนพระอาทิตย์ตกดิน ก็เท่านั้น...
โดยคุณ :
หมีสมองเล็ก - [17:34:14 16 ม.ค. 2546] |