กระดานความรู้สึก


อยากให้อ่านกันนะ
เรื่องนี้ใครได้ฟังแล้วอาจยากที่จะเชื่อ..!!

แต่ก็ได้แพร่หลายในบรรดาผู้ใช้อินเทอร์เน็ต และเล่าต่อ ๆ กันในหมู่ผู้หญิงสาว ๆ เกี่ยวกับภัยใกล้ตัวที่เกิดขึ้นได้แม้บน "รถแท็กซี่" ข้อความที่ถูกส่งต่อกันก็คือ... หญิงสาวคนหนึ่งถูก "มอมยา" แล้ว "รูดทรัพย์" บนแท็กซี่ โดยเธอเล่าว่าได้เรียกรถแท็กซี่คันหนึ่ง จากย่านลาดกระบังเพื่อจะไปลงแถวคลองตันในเวลาประมาณ 7 โมงเช้า ระหว่างนั้นเธอสังเกตว่าคนขับแท็กซี่ ได้ลดกระจกด้านคนขับลง และปรับแอร์ให้พุ่งมาทางเธอที่นั่งอยู่เบาะหลัง มีกลิ่นแปลกๆ เกิดขึ้นจากขวดน้ำหอมขนาดเล็ก ที่วางอยู่หน้าคอนโซลรถ

ไม่จัดว่าหอม..แต่ก็ไม่เหม็น !!
จากนั้นไม่นานเธอก็ไม่รู้สึกตัว...

กระทั่ง 4 ชั่วโมงถัดมา เธอรู้สึกตัวอีกครั้งด้วยความอ่อนเพลีย ตอนนั้นคนขับกำลังพาเธอลงทางด่วนแจ้งวัฒนะ พร้อมกับตั้งคำถามมากมาย เช่น "มีเงินเท่าไหร่ มีอะไรอีก" แล้วให้เธอหยิบให้ เธอบอกว่ารู้สึกตัว แต่ก็ทำตามทุกอย่าง แล้วเธอก็ถูกปล่อยลงจากรถบนถนนสายเปลี่ยวแห่งหนึ่งย่านนนทบุรี และเมื่อตัดสินใจเข้าแจ้งความ เธอก็ได้รับการบอกเล่าจากตำรวจ ซึ่งสุจริตชนทั่วไปฟังแล้วคงตกใจ...

เธอไม่ใช่รายแรกที่ตกเป็น "เหยื่อ"

มีหลายราย ที่ประสบเหตุในลักษณะคล้ายคลึงกันนี้ โดยเฉพาะคุณผู้หญิงทั้งหลายยิ่งถือเป็นเหยื่ออันโอชะ หลายรายถูกมอมยาจากสถานบันเทิงต่าง ๆ บางคนเสียแค่ทรัพย์สิน ในขณะที่บางคนต้อง "เสียตัว"

ต้องเสียอนาคต หรือถึงขั้นเสียชีวิต !!
!?!
ข้อมูลจากกองควบคุมวัตถุเสพย์ติด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) ระบุว่า กลุ่มยาที่มักถูกนำมาใช้ในทางที่ผิด ส่วนใหญ่จะเป็นยาที่มีฤทธิ์ไปกดประสาทส่วนกลาง หากได้รับในปริมาณไม่มาก จะทำให้ผู้ได้รับยามีอาการสะลึมสะลือ ง่วงนอน มึนงง เดินโซเซ และมีอาการคล้ายเมาค้าง แต่หากเพิ่มขนาดให้สูงขึ้นก็จะทำให้นอนหลับ ยากลุ่มนี้เรียกกันง่าย ๆ ติดปากว่า "ยานอนหลับ"

ตัวยาส่วนใหญ่ จะสามารถละลายน้ำได้ดี ไม่มีสีและกลิ่น ทำให้ง่ายต่อการผสมในเครื่องดื่ม อาจมีรสขมบ้างในยาบางชนิด ซึ่งตัวยาที่พบบ่อยว่า ถูกนำมาใช้ก็คือ โดมิคุม หรือ ฮาซิออน ยากลุ่มนี้จะมีผลข้างเคียง อาจทำให้ลืมความทรงจำ ในช่วงระยะเวลาหนึ่งได้ หรือมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน วิงเวียนศีรษะ หายใจขัด

นอกจากนี้ ยังพบว่ามีการนำเอาวัตถุออกฤทธิ์ประเภท ไดอะซีแปม หรือที่เรียกกันว่า "ยาแก้เครียด" มาใช้ในการมอมให้เหยื่อเกิดอาการง่วงซึม และง่ายต่อการออกคำสั่งได้ด้วย
กลุ่มต่อมาที่พบว่าถูกนำมาใช้ในทางที่ผิด เช่นกันก็คือกลุ่ม "ยาสลบ" ที่พบบ่อยครั้งคือ คลอโรฟอร์ม เพราะเป็นยาสลบที่นิยมใช้ในโรงพยาบาลทั่วไป ยาชนิดนี้จะมีกลิ่นฉุนจัด และตัวยาอีกประเภทคือ ไนตรัสอ๊อกไซด์ มีกลิ่นฉุนน้อยกว่า ออกจะหอมนิด ๆ ส่วนใหญ่ใช้ในวงการทันตแพทย์ สำหรับการผ่าตัดเล็ก ไม่ทำให้ผู้ได้รับยาถึงกับหมดสติ แต่ก็ทำให้เคลิบเคลิ้ม หรือง่วงซึม

ยาทั้ง 2 ชนิดนี้ไม่ได้มีขายแพร่หลายทั่วไป ต้องซื้อโดยคำสั่งแพทย์เท่านั้น เหมือนกันกับยานอนหลับชนิดที่กล่าวมา ยกเว้นว่าจะมีการลักลอบนำเข้ามา เหมือนกับยาชนิดอื่น ๆ อันนี้ก็สุดจะคาดเดา

ที่ผ่านมาคดีที่เกิดขึ้นโดยมีการ "มอมยา" เข้ามาเกี่ยว เช่น สาวถูกมอมยารุมโทรม หนุ่มถูกมอมยารูดทรัพย์ มักจะอยู่ในกลุ่มนักเที่ยวราตรีเสียเป็นส่วนใหญ่ อย่างคดี "น้องจอย" ลูกครึ่งไทย-อเมริกันวัย 14 ปี ที่ถูกกลุ่มวัยรุ่น มอมยาจากสถานบันเทิงชื่อดังแล้วพาไปรุมโทรม หนำซ้ำยังถูกคนขับแท็กซี่ลวนลาม หนีไปพบตำรวจก็ถูกจับยัดยาบ้า แล้วจะพาไปโทรมอีกรอบ ซึ่งเหตุเกิดเมื่อปลายปี 2542 เป็นต้น

แต่มาถึงยุคนี้...ไม่ว่าที่ไหนก็อันตราย !!
พล.ต.ต.จงรัก จุฑานนท์ รองผู้บัญชาการตำรวจนครบาล กล่าวถึงภัยมิจฉาชีพมอมยาว่า การดูแลของเจ้าหน้าที่ตำรวจในเรื่องนี้ คงไม่สามารถครอบคลุมเข้าไปถึงตัวบุคคลทุก ๆ คนได้

ทางที่ดีที่สุดก็คือต้องป้องกันตัวเองก่อน โดยเฉพาะผู้หญิง ใครที่โดยสารรถประจำทางหรือรถแท็กซี่ในเวลาดึก หรือไปในที่เปลี่ยว จะต้องระมัดระวังตัวให้มากขึ้น ควรให้ความสนใจจดจำลักษณะคนขับรถ สีรถ ป้ายทะเบียน และอื่น ๆ รวมถึงการระมัดระวังตัวในเรื่องการดื่มเครื่องดื่มหรือรับประทานอาหารด้วย

"คดีที่พบส่วนใหญ่จะเป็นเรื่องของการมอมยา ผู้ที่ไปเที่ยวตามสถานเริงรมย์ต่าง ๆ ทั้งชายและหญิง ดังนั้นจึงอยากเตือนว่าให้มีความระมัดระวังตัวในการที่จะดื่ม หรือกินอาหารที่ได้รับจาก คนแปลกหน้า หรือแม้แต่เครื่องดื่มของตัวเอง เพราะมิจฉาชีพอาจลอบนำยา มาใส่ไว้ในระหว่างที่ไม่มีคนเฝ้าอยู่ก็ได้ เนื่องจากที่ผ่านมาปรากฏข่าวการถูกมอมยา จากสถานบันเทิงต่าง ๆ ค่อนข้างมาก โดยเหยื่อส่วนใหญ่จะเป็นผู้หญิง"
!?!

จากสถิติคดีทั้งหมดที่เกี่ยวข้องกับชีวิต ร่างกาย และเพศ ของสำนักงานตำรวจแห่งชาติ เมื่อปี 2543 พบว่า มีมากถึง 34,787 คดี ซึ่งสามารถจับกุมได้เพียง 22,099 คดีเท่านั้น
ในจำนวนนี้เป็นคดีข่มขืนถึง 4,037 คดี !!

เห็นตัวเลขอย่างนี้... นี่เป็นเพียงแค่ส่วนหนึ่งของคดีที่เกิดขึ้นจริง โดยรองผู้บัญชาการตำรวจนครบาลบอกว่า ยังมีหญิงสาวอีกเป็นจำนวนมากที่ตกเป็นเหยื่อ แต่ไม่กล้าเข้าแจ้งความ เพราะ "อับอาย" กลัวจะเสียชื่อเสียง หรือ "ถูกข่มขู่" ด้วยวิธีการต่าง ๆ

ก็ย้ำกันอีกครั้งว่าทุกวันนี้ไม่ว่าจะเป็นภัย ข่มขืน มอมยาแล้วรุมโทรม มอมยารูดทรัพย์ มันเกิดขึ้นได้ง่าย ๆ ทั้งในสถานบันเทิงเริมรมย์ยามราตรี สถานที่ที่มีผู้คนพลุกพล่าน หรือแม้แต่บนท้องถนน ดังนั้นจึงต้องรู้จักป้องกันตัวเอง หัดเป็นคนช่างสังเกต อย่าตั้งอยู่บนความประมาท

เที่ยวเพลิน ๆ นั่งแท็กซี่ ก็อย่าลืมระวังตัว
เพราะคนชั่ว ๆ มันไม่เคยยอมสูญพันธุ์
ยังเดินลากหางในสังคมอีกมากมาย !!.
โดยคุณ : April - [20:11:55  10 มิ.ย. 2544]

ความคิดเห็นที่ 1
เป็นประโยชน์มากค่ะ ขอบคุณ
โดยคุณ :น้าของหลาน - [21:06:41  10 มิ.ย. 2544]

ความคิดเห็นที่ 2
ขอบคุณค่ะ ..
โดยคุณ :ปุ๊กปั๊กปุ้ยป้าย - [9:55:38  11 มิ.ย. 2544]

ความคิดเห็นที่ 3
เคยได้ยินเรื่องราวคล้ายๆกันจากผู้ที่เกือบจะเป็นเหยือเธอเล่าว่า พอขึ้นแทกซี่แล้วรู้สึกได้กลิ่นแปลกๆ จึงหมุนกระจกลงทันที(ในขณะที่คนขับแสดงความไม่พอใจ) จากนั้นเธอเริ่มรู้สึกมึน และเริ่มไม่มีแรง เธอจึงตัดสินใจเปิดประตูรถและรีบกระโดดลงด้วยแรงเฮือกสุดท้าย ท่ามกลางร้านค้า และแผงลอย เธอตรงเข้าไปและร้องขอความช่วยเหลือทันที ในขณะเดียวกันคนขับก็จอดรถและเปิดประตูตามลงมา แต่มันไม่สามารถทำอะไรได้เพราะบรรดาพ่อค้า แม่ค้าเข้ามาช่วยเหลือ เธอจึงรอดมาได้อย่างหวุดหวิด
โดยคุณ :พริกขี้หนู - [10:54:30  11 มิ.ย. 2544]

ความคิดเห็นที่ 4
ขอบคุณค่ะที่เล่าให้ฟัง
โดยคุณ :โมเม - [12:34:22  11 มิ.ย. 2544]

ความคิดเห็นที่ 5
ขอบคุณค่ะ
โดยคุณ :สีฟ้าผสมน้ำเงินอมม่วงแกมเทา - [13:05:29  11 มิ.ย. 2544]

ความคิดเห็นที่ 6
ขอบคุณค่ะ : )
โดยคุณ :พุดซา - [16:22:24  11 มิ.ย. 2544]

ความคิดเห็นที่ 7
ข้อมูลละเอียดจังเป็นคนขับแท็กซี่คนนั้นหรือเปล่าคะ ( แฮะๆๆๆ ล้อเล่น) ยังงัยก็ขอบคุณ
โดยคุณ :เมล็ดนุ่น - [13:44:02  17 มิ.ย. 2544]

ขอเชิญร่วมเสนอแนะความคิดเห็นครับ
จาก :
email :
icq :
รูปภาพ :

รายละเอียด

อาการ :



กรุณาคลิก "ส่งข้อมูล" เพียงครั้งเดียวครับ....