@@@<<<<< เรื่องประกวดชิงรางวัลรูปดารายอดนิยม เรื่องที่ 4 >>>>>@@@
เรื่องที่ 4
ผู้แต่ง : ใครหนอ ใครหนอ
.......
เที่ยวไปตามตะวัน ..บุกบั่นไปตามลม
สนุกสุขสมหัวใจหงายคว่ำ..
..................................................
ทั้งเสียงร้อง เสียงตีมือ ฉิ่งฉาบดังแข่งกันด้านหลังรถ
"เฮ้ย!นอกจากเพลงนี้มึงร้องเพลงอื่นไม่เป็นเหรอว่ะ ไปเที่ยวทีไรก็ต้องเป็นเพลงนี้ทุกที"
แต่มีอีกเสียงที่ดังกว่าตะโกนมา
"แหม! ก็ต้องให้เข้ากับบรรยากาศหน่อยซิครับ ไหนๆก็ร้องตั้งแต่ปี1ปีนี้ปีสุดท้ายแล้วฝากเอาไว้หน่อยเอาไว้ฟังเพลงนี้แล้วจะได้คิดถึงกูไง ปีหน้าก็ไม่ได้ยินแล้วล่ะ" เสียงตะโกนกลับมาทันควัน
การมาเที่ยวครั้งนี้ของพวกผมเหมือนกับมาปลดปล่อยกัน หลังจากที่พวกเราเคร่งเครียดและหัวหมุนกับ project อยู่หลายเดือนกว่าจะผ่านกันแต่ละคนเรียกว่าต้องแบกบาลกันเลยล่ะครับ โทรมทั้งสังขาร วิญญาณซึ่งต่างกับตอนนี้ที่รู้สึกสบายดีทั้งกายและใจ..
ผมแยกออกมานั่งคนเดียว ขอนั่งชื่นชมธรรมชาติและทบทวนอะไรๆหน่อยเหอะ การเดินทางของผมครั้งนี้อาจพิเศษกว่าเพื่อนคนอื่นๆ มันเป็นการย้ำคิดย้ำผันของผม เพราะจุดหมายเป็นที่ที่เดียวกับที่ผมจากมานาน คิดถึงและอยากกลับไปอีกครั้ง
แปะ..แปะ..แปะ ฝนเริ่มลงเม็ดห่างๆ ผมได้ยินเสียงบ่นมาจากหลังรถ
ใครหนอช่างเกลียดฝน แล้วจะบ่นให้มันได้อะไรขึ้นมา ผมนึกในใจ
ผมล่ะชอบปรากฏการณ์นี้ของธรรมชาติมากที่สุด..ปรากฏการณ์ฝน นอกจากความสดชื่นชุ่มช่ำแล้วมันทำให้ผมนึกถึงตอนผม เด็กๆ นึกถึงบ้านผมที่อยู่ต่างจังหวัด บ้านหลังนี้ล่ะครับที่ผมอยากกลับไปอีกครั้งแล้วมันจะเป็นจริงในไม่กี่ชม.ข้างหน้า
หน้าฝนต้นไม้รอบบ้านจะเขียวดูสดชื่นมาก ฝนตกทีไรผมต้องเล่นน้ำฝนทุกที
ยายสารภี(ชื่อจริงยายผม)จะใช้ผมกับเพื่อนๆเอาชามไปขัดตะไคร่น้ำสุดขอบฟ้า ไม่ใช่ครับแค่สุดขอบไม้ตรงเฉลียงหลังบ้าน มันลื่นมากทำให้เดินลำบาก ยายกลัวผมและเพื่อนๆหัวร้างค่างแตกเพราะบริเวณนี้จะเป็นมุมโปรดของผมกับเพื่อนๆ เป็นลานกิจกรรม วิ่งเล่น นั่งเล่นก็ตรงนี้ นั่ง นอน เอกเขนกก็ตรงนี้ และ กิจกรรมอื่นๆอีกมากมาย..
ทำงานกันเสร็จพวกเราก็จะได้กินขนมฝีมือยาย ผมจะชอบที่ตรงนี้เป็นพิเศษในตอนกลางคืน ผมจะได้เห็นแสงไฟริบหรี่ๆจาก หิ่งห้อยนับสิบตัดกับความมืด พร้อมกับกลิ่นหอมของดอกมะลิที่มาพร้อมกับสายลมเป็นระยะๆ ดาวเต็มท้องฟ้า บางครั้งจะมี นิทานของยายแถมท้ายด้วย ภาพเหล่านั้นมันยังชัดเจนมากสำหรับผม
"เอ้า!ตื่น ตื่นครับเพื่อนๆถึงที่พักแล้ว ลงจากรถได้แล้วโว้ย" เสียงตะโกนทำให้ผมตื่นจากภวังค์
ต่างคนต่างแยกย้ายกันเข้าที่พัก ผมเก็บของเสร็จแล้วรีบไปยังบ้านเก่าของผมทันที ถามทางเอากับคนแถวนั้น
"จอด จอดด้วยครับ" ผมบอกคนขับรถ
ใช่แล้วครับ บ้านหลังนี้แหละ ถึงมันจะเก่า จะโทรมไปบ้างผมยังจำมันได้ดี
" มีใครอยู่มั๊ยครับ" ผมตะโกน
....เงียบ..... ไม่มีเสียงตอบกลับมา
ผมเลยถือวิสาสะเข้าไป ไหนก็มาแล้วขอผมเข้าไปหน่อยเหอะ
ดอกชบาตรงรั้วหน้าบ้านบานทักทายผม ผมเดินไปรอบๆบ้าน รั้วกล้วยไข่รั้วกินได้ของผมตอนนี้กลายเป็นรั้วลวดหนาม ต้นมะลิที่เคยส่งกลิ่นหอมผมไม่เห็นสักต้น ผมรีบไปยังมุมโปรดของผม มันยังอยู่ครับ ผมดีใจจังนึกว่าจะถูกรื้อไปซะแล้ว มันดูเก่ามาก ตะไคร่น้ำเกาะเต็มไปหมดเหมือนที่ตรงนี้ไม่ได้ใช้งานมานาน
ที่ตรงนี้ทำให้ผมคิดถึงอดีต คิดถึงเพื่อนของผม ซึ่งตอนนี้ก็ไม่รู้แยกย้ายไปเรียนที่ไหนกันหมด คิดถึงยายของผม คิดถึงขนมกับนิทาน ท่านก็จากผมไปหลายปีแล้ว คิดถึงหิ่งห้อย กลิ่นหอมของมะลิ คิดถึงอื่นๆอีกมากมาย.......
เที่ยวไปตามตะวัน.. บุกบั่นไปตามลม
สนุกสุขสม.. หัวใจหงายคว่ำ
.......................................
เพื่อนผมยังเสียงดีเหมือนเดิม
ผมมีความสุขกับการเดินทางครั้งนี้ ถึงแม้มันจะมีบางอย่างที่เปลี่ยนไปไม่เหมือนเดิม แต่มันยังมีร่องรอยของความหลัง ยังมีเรื่องราวบนแผ่นไม้ที่ทำให้ผมมีความสุขทุกครั้งที่คิดถึงวันเก่าๆ ...อย่างนี้รึเปล่าครับที่เค้าเรียก.. ไม่รักแต่คิดถึง...
เที่ยงก็กินกัน.. บ่นมันไปใย
ค่ำที่ไหนก็นอนที่นั่น
ตื่นมาลืมตาขึ้นมาดูตะวัน
ว่าโลกสร้างสรรค์สวยงามให้เรา
.............................................
ผมไปแจมกับเพื่อนๆหลังรถ
เสียงร้อง เสียงตีมือ ฉิ่งฉาบยังดังเหมือนเดิม แต่ขากลับมีเสียงกรนผสมโรงด้วย..ตามจังหวะ
(จบครับจบ)
โดยคุณ :
หลวงมะลิฯ ข้าราชการตัวอย่าง - [9:39:02 11 มิ.ย. 2544] |