กระดานความรู้สึก


กิจกรรมดูหนังฟรีครั้งที่ 58 กับ 'The Classic' หนังรักแห่งปี
กิจกรรมดูหนังฟรีครั้งที่ 58

กับ 'The Classic' หนังรักแห่งปี

จำนวนคนดูที่แห่กันไปชมหนัง The Classic ของผู้กำกับ กวั๊ก แจยัง ในกิจกรรมเทศกาลหนังที่ hutch จัดขึ้นก่อนหน้านี้ในต้นเดือนตุลาคมนั้น คงไม่ใช่เรื่องแปลกอะไร เนื่องเพราะ The Classic มีเหตุผลหลายอย่างที่ใครต่อใครจะอยากชมกัน (ตอนผมเขียนวิจารณ์เมื่อ 2 เดือนก่อน ก็มีท่านผู้อ่านหลายคนถึงขนาดฝากสตางค์มาสั่งซื้อกันเลยทีเดียว เพียงตอนนั้น แผ่น DVD ในบ้านเราขายหมดไปแล้ว)

อีกเหตุผลหนึ่ง ก็คือ นี่คือหนังของผู้กำกับ My Sassy Girl ที่โด่งดังและโปรดปรานของคนดูบ้านเรา ยังไม่นับว่าเนื้อหาของงานหนังนั้น เป็นตำนานคลาสสิกที่เร้าอารมณ์คนดูพอที่จะเสียน้ำตาได้

และสิ้นเดือนพฤศจิกายนนี้ ทางบริษัท 'นนทนันท์' ซึ่งเป็นผู้ซื้อลิขสิทธิ์ในบ้านเรา จะนำมาฉายตามโรง แต่ จุดประกาย ไม่ให้ผู้อ่านรอนานขนาดนั้น เพราะวันพฤหัสที่ 20 พ.ย.2546 จุดประกาย-ภาพยนตร์ ร่วมกับ นนทนันท์ และเมเจอร์ ซีนีเพล็กซ์ จะจัดฉายให้ชมฟรี เวลา 20.00 น.

สำหรับเรื่องนี้ เรามีเวลาเตรียมตัวเยอะ ผู้สนใจสามารถร่วมสนุกชิงตั๋ว 250 ที่นั่ง ด้วยการเขียนชื่อและนามสกุล พร้อมเบอร์โทรศัพท์ติดต่อได้ มาทางอีเมลที่ nantakwang2416@yahoo.com หรือส่งไปรษณียบัตรที่ "จุดประกาย-ภาพยนตร์" นสพ.กรุงเทพธุรกิจ 44 หมู่ 10 ถ.บางนา-ตราด บางนา กรุงเทพฯ 10260 จนถึงวันที่ 10 พ.ย.2546

ทาง จุดประกาย-ภาพยนตร์ จะประกาศรายชื่อผู้โชคดี (1 ท่านต่อ 2 ที่นั่ง) พร้อมเวลาและสถานที่ฉายพร้อมกันในวันศุกร์ที่ 14 พ.ย.ก่อนจะจัดฉายให้ชมในวันที่ 20 พ.ย. 2546

Source: http://www.bangkokbiznews.com/2003/10/31/jud/index.php?news=jud5.html
โดยคุณ : ไม่เคยคิดถาม:ชอบดูหนังฟรี :P - [11:00:55  3 พ.ย. 2546]

ความคิดเห็นที่ 1
http://www.bangkokbiznews.com/2003/08/01/jud/index.php?news=jud7.html

The Classic ลูบหัวอย่างอ่อนโยน กอดเธออย่างแสนรัก

นันทขว้าง สิรสุนทร / giengi@yahoo.com
ความฝันอย่างหนึ่ง ที่ผมมีมาตลอดชีวิต ก็คือ การเป็น "คนเล่นเปียโน" อาจจะฟังดูน่าหมั่นไส้ แต่ผมก็ฝันอย่างนั้นจริงๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าฝันอะไรแบบนี้ ดู "ยากเกินไป" หรือเอาเข้าจริงๆ แล้วก็ "ง่ายนิดเดียว" หรือเปล่า...


แต่ที่รู้แน่ๆ ก็คือ เพลงที่กระตุ้นให้ผมไปเรียนเปียโนได้สำเร็จ ก็คือ Varietions on the Kanon by Pachelbel ของศิลปินนิวเอจอย่าง จอร์จ วินสตัน ที่อยู่ในชุด December (1982) พอหลงใหลเพลงนี้มากๆ ผมก็สงสัยว่า เมื่อ 300 กว่าปีที่แล้ว ผู้แต่งคือ พาเชลเบล ไปเจออะไรถึงประพันธ์เพลงนี้ออกมา จนศิลปินหลายคนนำมา varietions กันด้วยความรู้สึกของตัวเอง (varietions ในเพลงคือการแปลทำนองใหม่ โดยยังคง "โครงหลัก" เดิมเอาไว้)

พอหาข้อมูลเกี่ยวกับเพลงนี้มากขึ้น ก็ทราบว่าคนแต่งไปเห็นความสวยงามบางอย่างในชนบทจึงเกิดแรงบันดาลใจในการประพันธ์

บางที..อาจจะเป็นแรงบันดาลใจเดียวกันก็ได้ ที่ทำให้ผู้กำกับ กวั๊ก แจยัง ทำหนังรักสะเทือนใจอย่าง The Classic ต่อจาก My Sassy Girl ที่โด่งดังเมื่อกลางปีที่แล้ว เพราะเขาเจตนาวางเพลง Kanon ลงในหนังทั้งสองเรื่อง ราวกับว่า...เขามีความหลังที่ไม่อาจเปิดเผยในชีวิต มีความทรงจำที่เก็บซ่อนไว้ในที่ใดที่หนึ่งของบ้าน

อาจจะเป็นกล่องไม้ที่มีจดหมายรัก หรือเป็นสมุดไดอารี่ที่บันทึกเรื่องราวช่วงหนึ่งของวัย

ผมชอบคนที่มี "ความหลัง" และใครบางคนก็มักจะพูดอยู่เสมอว่า ความหลังความทรงจำของมนุษย์นั้น บางทีก็ชวนให้นึกถึงหรือทวนย้อนถึงวันเก่าๆ อย่างง่ายๆ ด้วยสายลมที่พัดผ่านเข้ามาในวันหนึ่ง

จี แฮ (ซอน ยีจิน) ก็เป็นเช่นนั้น...

เธอเป็นหญิงสาวที่น่ารักและมีเพื่อนสนิท คือ ซู ยัง ที่เรียนด้วยกันในมหาวิทยาลัย ทั้งสองคนอาจจะมีอะไรเหมือนๆ กันหลายๆ อย่าง และสิ่งหนึ่งที่ จี แฮ ได้รับรู้ด้วย ก็คือ เธอกับเพื่อนสนิทชอบผู้ชายคนเดียวกัน เท่าที่ก็แย่แล้ว...แต่ที่สาหัสกว่า ก็คือ ซู ยัง รบเร้าให้เธอช่วยเขียนจดหมายรักถึงผู้ชายคนนั้น...

หญิงสาวจะทำอย่างไรนอกจากยินยอมอย่างเจ็บปวด

สิ่งเดียวที่ จี แฮ พอจะระบายไปได้บ้างกับจดหมายฉบับนั้น ก็คือ แอบเขียนสารภาพความรู้สึก "ของตัวเอง" ไม่ใช่ของเพื่อนที่มีต่อเขา และเธอคงเขียนดีมาก เพราะเมื่อ ซัง มิน ได้เปิดอ่าน เขาแสดงความสนใจที่มีต่อ ซู จิน ด้วยเข้าใจว่าเธอ คือ เจ้าของความรู้สึกที่ซ่อนอยู่ในซองจดหมาย..

จี แฮ นั้นรู้สึกไม่ดีกับการกระทำแบบนี้ เธอพยายามใช้เวลาอยู่กับตัวเองในระหว่างที่แม่ของเธอเดินทางไปต่างประเทศ และเพื่อจัดการกับความโดดเดี่ยวอ้างว้าง...

จี แฮ เลือกที่จะทำความสะอาด "ห้องใต้หลังคา" โดยที่ไม่รู้มาก่อนว่าในห้องหับที่ดูเงียบเชียบนั้น เหมือนได้รู้กันกับแม่ด้วยการเก็บซ่อนความลับและความหลังที่แสนงดงามของมารดาเอาไว้

กล่องไม้ที่เต็มไปด้วยจดหมายรักใน The Classic บางทีอาจไม่ต่างอะไรกับอุโมงค์ลับที่ช่วยปกปิดความสัมพันธ์ของ อุนโซ และ จุนโซ ใน Autumn in my Heart เอาไว้...

ไดแอน เลน ในหนัง Unfaithful อาจจะโดน "ลมมรสุม" พัดใส่และปลิวเธอไปสู่สัมพันธ์ที่ต้องห้ามกับ "ชายชู้"

แต่สายลมที่พัดผ่านเข้ามาทางหน้าต่างในบ้านของ จี แฮ นั้น ได้ blow เอาความหลังของแม่และผู้ชายสองคนออกมาจากกล่องไม้ที่ปิดตายมานาน...

ย้อนหลังกลับไปในฤดูร้อนปี 1968 ....

เด็กหนุ่ม จุน ฮา ใช้ช่วงวันหยุดในฤดูร้อนไปเที่ยวบ้านลุง และที่นั่น, เขาได้พบกับเด็กสาวน่ารักอย่าง จู ฮี

หลังจากโลกหมุนให้เขาและเธอมาพบ และรู้จักกันได้ไม่นาน เด็กสาวบอกกับ จุน ฮา ว่า เธออยากไปเที่ยว "บ้านผีสิง" ที่อยู่อีกฝั่งของแม่น้ำ...เมื่อเธอคือลูกสาวของครอบครัวใหญ่และเป็นผลผลิตของบ้านมีฐานะ ผมคิดเอาเองว่าการไปเที่ยวบ้านผีสิงในชนบท อาจจะเป็นความตื่นเต้น "เล็กๆ น้อยๆ" ที่ จู ฮี พอจะหาได้ในวันหยุด...

แม้จะเป็นเดทแรกที่น่าตื่นเต้น...แต่ในวันนั้นเกิดมีพายุ เรือที่ล่องความรักของทั้งสองคนมาอีกฝั่งหนึ่งนั้นเกิดหายไป ทำให้ทั้งคู่กลับบ้านช้ากว่าปกติ จู ฮี โดนดุและถูกส่งตัวกลับโซลโดยไม่ได้ร่ำลา...

การพลัดพรากของ จู ฮี กับหนุ่มคนรักใน The Classic แทบไม่แตกต่างอะไรกับชะตากรรมของ ได๋ กับครูหนุ่มในหนัง The Road Home

สิ่งที่ จุน ฮา ดูจะดีกว่า ก็คือ การสามารถตามเธอกลับไปหลังจาก "วันหยุดหน้าร้อน" หมดลง...

เขากลับไปเพื่อจะพบว่า เพื่อนสนิทของเขาคนหนึ่งที่ชื่อ เท ซู ต้องการให้เขาเขียนจดหมายสารภาพรักต่อเด็กสาวคนหนึ่ง ถ้าใครสักคนดูหนังมาถึงตรงนี้...คงไม่บอกก็น่าจะทราบว่า เด็กสาวคนนั้นเป็นใคร?

เท ซู นั้นมีแต้มต่อด้วยฐานะทางบ้าน เพียงแต่ความน่ารักอย่างหนึ่งของผู้หญิงบางคน ก็คือ เธอไม่ได้มองหรือคบหาใครสักคนที่ฐานะ

เป็นเช่นนี้...จุน ฮา จึงคือผู้ชายที่เธอหมายปองและทำให้หัวใจของเธอเต้นแรง...

เท ซู อาจจะเป็นสิ่งดีๆ ในชีวิตของ จู ฮี...แต่ จุน ฮา คือ ส่วนที่ดีที่สุดในทุกๆ วันของเธอ

นี่คือ เรื่องราวเพียงครึ่งหนึ่งของหนัง The Classic ซึ่งคุณไม่มีทางเดาได้ถูกหมดในครึ่งที่เหลือ...

The Classic ใช้ทุกสิ่งทุกอย่าง เท่าที่แนวทางของ melodrama จะอนุญาตให้ทำ..

ไม่ว่าจะเป็นน้ำหนักของพล็อต, สีของตัวละคร, สถานการณ์ที่ใช้เพื่อพาผู้ชมไปสู่จุดสะเทือนใจ จนสามารถจะพูดได้ว่า นี่คือ "หนังน้ำเน่า" เรื่องหนึ่ง แต่ความจริงอย่างหนึ่งที่ท้าทายได้ก็คือ

นี่คือหนังน้ำเน่าที่คุณจะหลงรัก...ไม่ต่างจากที่ จู ฮี ตกหลุมรัก จุน ฮา

The Classic มีหลายอย่างที่อยู่ในร่องรอยเดียวกับ The Road Home ตั้งแต่การเลือกฉาก, อุปสรรคของตัวละครที่มีแบบแผนธรรมเนียมเข้ามาเกี่ยวข้อง, class ของคาแรคเตอร์ และการเน้นย้ำอารมณ์ตามรายทางตลอดเวลา

ที่โดดเด่นมากของหนังนอกจากการแสดงของ ซอน ยีจิน ซึ่งรับบทของแม่และลูกสาวแล้ว ก็คือ ดนตรีประกอบที่เร้าอารมณ์ของหนัง

แม้จะเป็นหนังน้ำเน่า แต่ The Classic ไม่ได้มองข้ามการใช้สัญลักษณ์เพื่อบอกนัยบางอย่าง

เริ่มตั้งแต่การเปิดตัวของ จู ฮี บนรถเกวียนซึ่งเห็น จุน ฮา กำลังเล่นโคลนและอยู่ใน level ที่ต่ำกว่า...

แต่ที่ชัดเจนก็คือ เมื่อทั้งคู่เลือกที่จะไปเที่ยว "บ้านผีสิง" นั้น การเที่ยวในวันนั้นเกิดพายุมรสุม นอกจากเรือที่พายมาจะลอยหายไปแล้ว ข้อเท้าของเด็กสาวยังบาดเจ็บอีกด้วย...มันเป็นลางอย่างหนึ่งที่บอกกับเราว่า นับจากนี้ไป ความสัมพันธ์ของเขาและเธอจะไม่ใช่เรื่องง่าย...(ภาพของเด็กหนุ่มแบกหญิงสาวเดินฝ่าสายฝนกลางป่าทึบ ทางหนึ่งอาจจะโรแมนติก แต่ด้านหนึ่ง..หนังได้แอบบอกอะไรกับเราแล้ว)

นอกจากข้อมูลของหนังที่บอกว่า "บ้านผีสิง" ที่มีสภาพรกร้างและทรุดโทรมนั้น ได้สะท้อนถึงความสิ้นหวังที่จะเกิดขึ้นแล้ว ผมคิดว่าบ้านผีสิงมีนัยที่ถูกใช้มากกว่าหนึ่ง...บ้านผีสิงนั้นมีสภาพภาพที่ไม่ต่างอะไรจาก "คำสาป" หรือการถูกครอบงำ (haunted) คำสาปที่ว่านี้แหละ ที่จะติดตามความสัมพันธ์ของ จุน ฮา และ จู ฮี ไปทุกหนแห่ง

และบางที "บ้านผีสิง" ใน The Classic อาจไม่ต่างอะไรกับ "อุโมงค์มืด" บนสะพานเมดิสันในหนัง The Bridges of Madison County ที่ทำให้วันนั้นของช่างภาพและแม่บ้าน ไม่เคยมาถึง...กระทั่งความรักของทั้งสองคน ไม่มีวันจะงอกงาม...

และขณะที่ Titanic ให้ห้องนอนในบ้านของ "ได๋" มีภาพโปสเตอร์อันแสดงถึงการบูชาความรักของหญิงสาว...The Classic ให้ฉากหนึ่งที่ทั้งคู่พบกันมีโปสเตอร์หนังอย่าง Cleopatra and Roman Holiday ที่ตัวละครไม่สมหวังเรื่องรักติดอยู่...

ผมชอบสวิตช์ไฟที่ จุน ฮา ชอบมากะพริบเปิดๆ ปิดๆ เพื่อบอกกับ จู ฮี

อาการเปิดๆ ปิดๆ ไม่ต่างอะไรกับความสัมพันธ์ที่ "ลอบพบ" และไม่ลื่นไหลต่อเนื่องของทั้งสองคน เวลาปิดก็มืดมิด แต่ถึงเปิดก็ไม่ส่องสว่างให้มองเห็น เหมือนจะบอกเราว่าเขาและเธอต้องแอบคบหา แทบไม่ต่างอะไรจากบทของ เหลียงเฉาเหว่ย กับ จางม่านอี้ ใน In The Mood For Love

มรสุมโถมใส่ใน The Classic แต่ฝนตกหนักในคืนหนึ่งที่ The In Mood For Love

ความรักที่ซ่อนเร้น...สัมพันธ์ที่ไม่อาจเปิดเผย..ถ้อยคำที่ไม่อาจบอก...ความลับที่เก็บซ่อน...เหล่านี้คือความรู้สึกที่หนังได้สื่อสารกับเรา

มีอยู่สองฉากที่ผมร้องไห้...และเชื่อว่า ต้องมีสักฉากในหนังที่ทำคุณเสียน้ำตา...

ทั้งอย่าแปลกใจถ้าสิ้นปีนี้ จะมีคนดูหนังให้ The Classic เป็นหนังรักแห่งปี

และสิ่งหนึ่งที่หนังรักเรื่องแล้วเรื่องเล่าได้พูดกับเราเสมอ ก็คือ ความรักที่จริงแท้เป็นสิ่งที่ดีที่สุด อย่ากลัวที่จะเปียกปอน แม้ในคืนที่ฝนจะตกหนักที่สุด...

นัยว่ารักกันแล้ว อย่างอื่นก็ไม่ใช่ปัญหา

เหมือนคุณเจอผู้หญิงที่ขี้งอนที่สุด...ที่เอาแต่ใจตัวเองที่สุด....ที่ไม่โรแมนติกที่สุด....

แต่เธอเป็นผู้หญิงที่คุณรักมากที่สุด...

ล้อมกรอบ

ก่อนคุณจะตกหลุมรักหนังเรื่องนี้...

นอกจาก "สร้อยคอ" ก็เป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่ง ซึ่งแสดงถึงพรหมลิขิตแห่งรักที่ได้เชื่อมโยงสองช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ในขณะที่อดีตและปัจจุบันถูกเชื่อมโยงกันด้วยสัญลักษณ์ต่างๆ ดังกล่าวนั้น แต่ภาพที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ต่างกันทั้งสองช่วงถูกถ่ายทอดออกมาให้แตกต่างกันด้วยเทคนิคการถ่ายทำโดยการใช้ tobacco filter หลังจากทำการทดสอบฟิวเตอร์จำนวนนับไม่ถ้วนที่จะให้สีของภาพได้อย่างต้องการ

ทีมงานจึงได้ตัดสินเลือกใช้ tobacco filter เพื่อให้เกิดความแปลกใหม่ไปจากการใช้สีโทนขาว-ดำเพื่อสร้างความแตกต่างระหว่างอดีตกับปัจจุบัน ซึ่งภาพที่ปรากฏออกมาจากการใช้ tobacco filter นั้น เป็นภาพที่ดูโบราณแต่งดงาม ด้วยการใช้สีเหลืองและสีมาเจนต้า ซึ่งจะนำผู้ชมย้อนกลับไปสู่วันเวลาเก่าๆ ในอดีตได้อย่างสำราญใจ

The Classic เป็นเรื่องราวความรักสองเรื่องที่แยกออกจากกันด้วยช่องว่างของช่วงเวลา 30 ปี โดยเรื่องแรกนั้นเกิดขึ้นในช่วงปี 1960-1970 ส่วนอีกเรื่องหนึ่งเกิดขึ้นในยุคปัจจุบัน

ในขณะที่หนังย้อนยุคเรื่องอื่นๆ อย่างเช่น Bet on my Disco และ Wet Dreams นั้น จะไม่ค่อยมีความเข้มข้นและดูไม่หนักแน่นจริงจังสักเท่าไร แต่ The Classcic จะแตกต่างไปจากภาพยนตร์เหล่านั้น ด้วยการถ่ายทอดความงดงามของสุนทรียภาพและองค์ประกอบต่างๆ ทั้งในยุคอดีตและยุคปัจจุบัน ซึ่งจะช่วยให้ผู้ชมย้อนกลับไปคิดถึงประสบการณ์เมื่อครั้งอดีต และทำให้ผู้ชมได้สัมผัสถึงภาพของความรักที่งดงามและบริสุทธิ์

ธีมหลักประการหนึ่งของเรื่อง ก็คือ การสื่อสารเชื่อมโยงระหว่างอดีตกับปัจจุบัน ซึ่งได้ถ่ายทอดลงในภาพยนตร์ ในลักษณะการเชื่อมโยงของชะตากรรมระหว่างความรักของ Joo-hee กับ Joon-ha และความรักของ Ji-hae กับ Sang-min

ห้องของ Joo-hee ในยุคปี 1960 และห้องของ Ji-hae ลูกสาวของเธอในยุคปัจจุบันนั้น มี "กรอบบานหน้าต่าง" ที่เหมือนกัน ซึ่งเป็นสัญลักษณ์ของการเชื่อมโยงระหว่างความรักที่เกิดขึ้นในอดีตและในปัจจุบัน และที่สะพานเล็กๆ ข้ามหนองน้ำ ซึ่งเป็นที่ที่ Joo-hee และ Joon-ha ตกหลุมรักกันและกันเป็นครั้งแรก ก็เป็นสถานที่ที่ Ji-hae และ Sang-min ตกลงปลงใจรักกันเช่นเดียวกัน

นอกจากนี้ "สร้อยคอ" ก็เป็นสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่ง ซึ่งแสดงถึงพรหมลิขิตแห่งรักที่ได้เชื่อมโยงสองช่วงเวลาที่แตกต่างกัน ในขณะที่อดีตและปัจจุบันถูกเชื่อมโยงกันด้วยสัญลักษณ์ต่างๆ ดังกล่าวนั้น แต่ภาพที่เกิดขึ้นในช่วงเวลาที่ต่างกันทั้งสองช่วงถูกถ่ายทอดออกมาให้แตกต่างกันด้วยเทคนิคการถ่ายทำโดยการใช้ tobacco filter หลังจากทำการทดสอบฟิวเตอร์จำนวนนับไม่ถ้วนที่จะให้สีของภาพได้อย่างต้องการ

ทีมงานจึงได้ตัดสินเลือกใช้ tobacco filter เพื่อให้เกิดความแปลกใหม่ไปจากการใช้สีโทนขาว-ดำเพื่อสร้างความแตกต่างระหว่างอดีตกับปัจจุบัน ซึ่งภาพที่ปรากฏออกมาจากการใช้ tobacco filter นั้น เป็นภาพที่ดูโบราณแต่งดงาม ด้วยการใช้สีเหลืองและสีมาเจนต้า ซึ่งจะนำผู้ชมย้อนกลับไปสู่วันเวลาเก่าๆ ในอดีตได้อย่างสำราญใจ

สิ่งสำคัญประการหนึ่งในการถ่ายทำภาพยนตร์เรื่อง The Classic ก็คือ การคัดเลือกตัวแสดง โดยเฉพาะความยากในการคัดเลือกนักแสดงหญิงที่จะสามารถแสดงได้ทั้งบทบาทของ Joo-he และ Ji-hae ในช่วงเวลาที่ต่างกันถึง 30 ปี ผู้กำกับ KWAK Jae-yong ตกลงเลือก SON Ye-jin ซึ่งเป็นคนที่เขารู้สึกว่า เธอมีลักษณะของตัวละครทั้งสองตัวในเรื่อง เขาคิดถูก

บทของ Joo-he และ Ji-hae นั้นเหมาะกับเธออย่างสมบูรณ์แบบ เธอไม่ได้เป็นของ So-woon ในหนังเรื่อง Chiwaseon ผู้หญิงที่ Jang Seung-ub เทิดทูนในหัวใจตราบชั่วชีวิต แล้วเธอก็ไม่ได้เป็น Soo-in สาวสวยในเรื่อง Lover's Concerto อีกแล้ว

ผลงานการแสดงภาพยนตร์ครั้งแรกของเธอ ได้แก่ ภาพยนตร์เรื่อง CHIHWASEON ของผู้กำกับ IM Kwon-taek เธอได้รับคำวิจารณ์ชมเชยอย่างดียิ่งจากบทของ So-woon หญิงในดวงใจตราบชั่วชีวิตของ Jang Seung-ub ซึ่งรับบทโดยนักแสดงที่มีประสบการณ์การแสดงโชกโชนอย่าง CHOI Min-shik

จากนั้น เธอก็มีผลงานการแสดงตามมา ได้แก่ เรื่อง LOVERS CONCERTO ซึ่งเธอได้แสดงร่วมกับ CHA Tae-hyun และ Lee Eun-ju เธอได้รับการคาดการณ์ว่าจะเป็นหนึ่งในนักแสดงหญิงที่มีอนาคตไกล SON มีทั้งความงดงามอย่างคลาสสิกและความคล่องแคล่วสดใสอย่างสาวสมัยใหม่

ในเรื่อง The Classic นั้น เธอแสดงเป็น 2 ตัวละคร คือ Joo-hee และ Ji-hae ซึ่งเป็นลูกสาวของ Joo-hee และได้มีความรักต่อชายหนุ่มที่มีเสน่ห์ทั้งสองคน

ติดตามหนังรักแห่งปี The Classic ได้ในเดือนพฤศจิกายน ปลายปีนี้...

(ข้อมูลจากบริษัท นนทนันท์)
โดยคุณ :เรื่องย่อ & วิจารณ์ ครับ - [22:40:37  3 พ.ย. 2546]

ความคิดเห็นที่ 2
มีกิจกรรมกินฟรีบ้างมั้ยพี่
โดยคุณ :ทีฯ - [15:18:53  4 พ.ย. 2546]

ความคิดเห็นที่ 3
ความคิดเห็นที่ 2
มีกิจกรรมกินฟรีบ้างมั้ยพี่
โดยคุณ :ทีฯ - [15:18:53  4 พ.ย. 2546]


มี๊...
ถ้ามาช่วยทำป้ายเซลล์
โดยคุณ :พี่บี - [22:07:48  4 พ.ย. 2546]

ความคิดเห็นที่ 4
อ่านแล้วน่าดูดี...

แต่ทำไงดี หนูไม่ชอบเรื่อง My Sassy Girl อย่างแรง....
โดยคุณ :เด็กน้อยไม่ยอมีเรียน - [11:51:44  5 พ.ย. 2546]

ความคิดเห็นที่ 5
ส่งไปก่อนสิ เด็กน้อยฯ ได้ไม่ได้ยังไม่รู้เลย
ไม่ชอบ My Sassy เหมือนกัน หนัังเกาหลีที่ชอบมี
1) Wanee & Junah (นางเอกบางมุมคล้ายน้องสาว เกิดวันเดือนปี เดียวกันด้วย)
2) Il Mare
3) One Fine Spring Day
โดยคุณ :ไม่เคยคิดถาม - [14:54:38  5 พ.ย. 2546]

ความคิดเห็นที่ 6
มี๊...
ถ้ามาช่วยทำป้ายเซลล์
โดยคุณ :พี่บี - [22:07:48  4 พ.ย. 2546]

เซลล์อันหยัง
เอานิวเคียสไปก่อนได้มั้ย

...........................................

แต่ทำไงดี หนูไม่ชอบเรื่อง My Sassy Girl อย่างแรง....
โดยคุณ :เด็กน้อยไม่ยอมีเรียน - [11:51:44  5 พ.ย. 2546]

อืม ไม่ชอบเหมือนกัน แต่ก็ไม่ได้เกลียด
แค่คิดว่าดูแล้วมันก็งั้นๆแหละ ไม่ประทับใจอย่างที่ใครเขาโจษ
โดยคุณ :ทีฯ - [21:50:39  5 พ.ย. 2546]

ความคิดเห็นที่ 7
ขอบคุณพี่จิ๋วที่พยามยามสื่อสารทุกวิถีทาง  ^^'
หนังเกาหลีไม่รู้พี่เคยดู MUSA หรือยัง
ลี้น้อยดูไปหลายรอบเลยเรื่องนี้  
พระเอกโดนอย่างแรง



โดยคุณ :ลี้ฯ - [10:27:20  6 พ.ย. 2546]

ความคิดเห็นที่ 8
ไม่เคยดูครับ เห็น e-mail มันตีคืนอ่ะ ท่านลี้ เลยโทรแจ้งสะเลย
โดยคุณ :ไม่เคยคิดถาม - [13:25:08  6 พ.ย. 2546]

ขอเชิญร่วมเสนอแนะความคิดเห็นครับ
จาก :
email :
icq :
รูปภาพ :

รายละเอียด

อาการ :



กรุณาคลิก "ส่งข้อมูล" เพียงครั้งเดียวครับ....