ร้านดอกไม้ กับ นายไข่เจียว
ดูจะไม่เกี่ยวกันเท่าไหร่เนอะ
ร้านดอกไม้ จะมาเกี่ยวอะไรกับนายไข่เจียว
แต่มันก็เกี่ยวกันไปแล้ว
เราเพิ่งทำธุรกิจเป็นครั้งแรก และเราเลือกฝากชีวิตทั้งชีวิตของเราไว้กับร้านดอกไม้
ในขณะที่ผู้ใหญ่รอบข้างมองด้วยสายตาห่วงใย
เค้าคงกลัวเราอดตาย
เพราะนอกจากฝีมือการจัดดอกไม้ที่ยังผีเข้าผีออก
ความสามารถด้านการทำธุรกิจยังแทบติดลบ
เราเองก็มองตัวเองด้วยสายตาห่วงใย
ก็กลัวตัวเองจะอดตายอยู่เหมือนกันแหละนะ
ถึงจะไม่ได้ทำหวังรวย
แต่คนเรา...ปากท้องก็สำคัญน่ะเนอะ
คนรอบข้างก็ขยันให้กำลังใจ...ใครจะมาซื้อดอกไม้ได้ทุกวัน
ในขณะที่ชีวิตหม่นหมองในการบริหารงานร้านดอกไม้ของเรา
พี่จิกได้บอกเรา (ผ่านตัวหนังสือ)ว่า
ถ้าเค้ามีตังค์ 2 บาท
พี่เค้าจะแบ่งตังค์บาทนึงไปซื้อข้าว
ส่วนอีกบาทนึงจะเอาไปซื้อดอกไม้
(จริงๆพี่เค้าเขียนดีกว่านี้เยอะเลย เราถอดความมาได้แค่นี้เอง)
ถ้าข้าวทำให้ท้องอิ่ม ดอกไม้ก็ช่วยทำให้ใจอิ่มล่ะนะ
เราเลยมีกำลังใจที่จะทำร้านต่อไป
และด้วยความที่ร้านเราเป็นร้านเล็กๆ
เราเลยต้องทำงานเองทุกอย่าง รวมถึงการส่งดอกไม้
ซึ่งกลายเป็นว่าเป็นตอนที่เราชอบที่สุด
เราชอบที่ได้เห็นสีหน้าของลูกค้าเวลาได้รับดอกไม้
ดีใจทุกครั้งที่คนรับดีใจ และชมว่าดอกไม้สวยดี
นั่นน่ะทำให้เรามีแรงใจกลับมาจัดดอกไม้ได้ต่อ
คนให้หน้าบาน คนรับหน้าบาน คนส่งยิ่งหน้าบานกว่าดอกไม้ซะอีก
ขอบคุณตังค์ 1 บาทของพี่จิกมากๆเลยคับ
อ้อ ขอบคุณนายไข่เจียวด้วย
เพราะเค้าสอนเราให้จริงใจกับไข่
โดยคุณ :
มานี-มีนา - [22:26:34 18 ม.ค. 2550] |