ครั้งสุดท้ายที่จะได้เห็นเฉลียงบนเวที
คอนเสิร์ตเรื่องราวบนแผ่นไม้จัดแสดงในวันที่
2-3 ธันวาคม 2543 ณ หอประชุมใหญ่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ท่าพระจันทร์
บัตรคอนเสิร์ตทั้ง 3 รอบถูกจำหน่ายหมดอย่างรวดเร็ว
จนต้องเพิ่มการแสดงรอบบ่ายวันที่ 3 และเปิดให้ผู้ชมเข้าดูรอบซ้อมใหญ่
คอนเสิร์ตเรื่องราวบนแผ่นไม้นับเป็นคอนเสิร์ตสมบูรณ์แบบของเฉลียง
ไม่ว่าจะเป็นเสียง แสงสีที่ได้จัดวางให้เข้ากับบรรยากาศเพลง
หรือแม้กระทั่งกลิ่นหอมที่อบอวลหอประชุมในเพลงต้นชบากับคนตาบอด รวมไปถึงการเรียบเรียงเสียงประสานใหม่ทั้งหมด
แม้กระทั่งความตั้งใจอย่างเต็มเปี่ยมกับคอนเสิร์ตในครั้งนี้ ของพวกเขาทั้งคนเบื้องหน้าและเบื้องหลัง
คอนเสิร์ตเปิดฉากด้วยรอยยิ้ม มิวสิควิดิโอเพลง'เร่ขายฝัน'
ความยาว 9 นาที ถูกเลือกมาโชว์ก่อนที่การแสดงจะเริ่มขึ้น
สปอตไลท์จับที่เด็กชายตัวน้อย ๆ ในชุดนักเรียน
เป่าขลุ่ยรีคอร์เดอร์เพลงสรรเสริญพระบารมี "ลูกชายผมเองครับ"
ภูษิต ไล้ทองผู้เป็นพ่อ ยืดอกภูมิใจในผลงาน
บทเพลงและอารมณ์ขันของเฉลียงดำเนินไปท่ามกลางเสียงหัวเราะและความรู้สึกอบอุ่นคุ้นเคยเพลงต่างๆที่คุ้นเคยกันดี
อาทิ เที่ยวละไม แค่มี รู้สึกสบายดี ไม่คิดถาม เข้าใจ นายไข่เจียว
อื่นๆอีกมากมาย ฯลฯ ถูกนำมาบรรเลงประกอบกับการบรรเลงจากวงออเคสตร้ามาเติมเต็ม
ที่ทำให้ดนตรีแบบสวิงแจ๊ซของเฉลียงดูสมบูรณ์ยิ่งขึ้น
เพลงนิทานหิ่งห้อยแทรกนิทานชวนคิดจากวัชระ
ใช้เวลาร่วมครึ่งชั่วโมง และอีกหนึ่งเพลงใหม่ 'ย้ำคิดย้ำฝัน' ก็ออกมาย้ำความเป็นเฉลียงในเวลานี้
จบเพลง'กล้วยไข่'เฉลียงเริ่มกล่าวอำลาทีละคน
และเพลง'เรื่องราวบนแผ่นไม้' รับหน้าที่เป็นบทเพลงท้ายสุด ไฟเวทีดับลง
เฉลียงทั้งหมดกลับเข้าไปหลังเวที
เสียงปรบมืออังกอร์ต่อเนื่องยาวนาน
เฉลียงก็ออกมาร่ำลาด้วยเพลง'ไม่รักแต่คิดถึง'ตามด้วยเพลง'ฝากเอาไว้'
ช่วงเวลาสุดท้ายกับการกล่าวอำลา เฉลียงทุกคนฝากความรู้สึกของตัวเองไว้กับผู้ชม
ด้วยคำพูดตะกุกตะกักแบบปริ่มน้ำตา นิติพงษ์ ได้ประกาศยกตำแหน่งหัวหน้าวงคนใหม่ให้กับน้องต้นไม้
เด็กชายตัวน้อยที่เป็นปริศนาในช่วงต้นคอนเสิร์ต
เมื่อจบเพลงฝากเอาไว้ การแสดงคอนเสิร์ตจบลงแบบเคล้าน้ำตาของใครหลาย
ๆ คน
ไฟในหอประชุมเปิดสว่าง ทุกคนในหอประชุมลุกขึ้นยืนปรบมือยาวนาน
และร้องเรียกพวกเขาอีกครั้ง ทำให้ทุกเฉลียงเดินออกมาสู่หน้าเวทีอีกครั้งพร้อมรอยน้ำตาที่ยังคงไหลจากผู้ชมหรือแม้กระทั่งเหล่าเฉลียงเอง
มีการเรียกหาพี่จิก ประภาส เฉลียงผู้อยู่เบื้องหลัง ซึ่งไม่เคยยอมขึ้นมาแสดงบนหน้าเวทีกับเฉลียงแม้แต่ครั้งเดียว
"จิก จิกอยู่ไหน คราวนี้แกต้องขึ้นมาบนเวทีแล้วล่ะ"
นิติพงษ์เรียกหาประภาส
เสียงปรบมือต้อนรับประภาสดังก้องหอประชุม
ประภาสเดินจากที่นั่งผู้ชมขึ้นมาบนเวที ตาเขาแดงๆแต่ยังยิ้มละไม
"ไม่ยักรู้นะครับ ว่ามองจากตรงนี้ลงไป
จะมีภาพที่สวยงามขนาดนี้"
บทเพลงเรื่องราวบนแผ่นไม้ถูกบรรเลงอีกครั้ง
โดยมีประภาสร่วมร้องบนเวทีเป็นครั้งแรกและครั้งสุดท้าย
"แผ่นไม้ดูไกลๆเหมือนเดิม ถูกเสริมเป็นบางแผ่น
เฉลียงดูเอียงๆเหมือนแอ่น แต่ไม้ยังแกร่งทน"
|