กระดานความรู้สึก


จบช้า
คุณคิดยังไงกับคนที่ไม่สามารถเรียนจบตามกำหนดได้
ผมเป็นคนหนึ่งที่ไม่สามารถเรียนจบตามกำหนดได้ ผมรู้สึกเสียดายจังที่อดรับปริญญาพร้อมเพื่อนๆ
โดยคุณ : เรียนไม่เก่ง - [12:03:48  23 ต.ค. 2547]

ความคิดเห็นที่ 1
สมน้ำหน้า  เอ้ย ไม่ใช่..  ว่าแต่ทำไมถึงเรียนจบไม่ทันเค้าล่ะ  เอาอะไรไปแลกมา  

ถ้ามันคุ้มก็ไม่เห็นจะต้องเสียใจ   ถ้ามันไม่คุ้มก็ยังดีที่คิดได้  

เรื่องพวกนี้ผ่านไปอีกหลายปีหน่อยเดี๋ยวก็กลายเป็นเรื่องตลก  ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไรหรอก

โดยคุณ :TingTing - [20:43:47  23 ต.ค. 2547]

ความคิดเห็นที่ 2
ตามความรู้สึกของเรา จบช้าจบเร็ว มันไม่เห็นจะต่างกันเท่าไหร่เลยค่ะ
การจบช้าหรือเร็วก็ย่อมมีข้อดีข้อเสียต่างกันไป แต่อย่างไหนที่เหมาะกับสถานการณ์ของคุณล่ะคะ แล้วคุณได้พยายามถึงที่สุดหรือยัง นั่นน่าจะสำคัญมากกว่า

คนเรียนไม่จบตามกำหนดก็อาจจะมีเหตุผลร้อยแปดพันเก้า (และอื่นๆอีกมากมาย :) )ของเค้า เราไม่มีทางรู้หรอกค่ะว่าเค้ามีเหตุผลอะไร เพราะฉะนั้น จบช้าไปก็ไม่เห็นแปลกเลยนี่คะ

คนเรานั้นต่างกันค่ะ ชั่วโมงการนอน การกิน การเดินของเรายังต่างกันเลย แต่ละคนต่างมีลำดับความสำคัญของกิจกรรมแต่ละอย่างในชีวิตต่างกัน อันไหนสำคัญมากก็เสร็จเร็ว เราทำทุกอย่างให้เสร็จพร้อมกันไม่ได้นี่คะ

การเรียนจบเร็วมันไม่ได้ guarantee การประสบความสำเร็จในชีวิตได้เลยนะคะ เราเรียนแล้วได้อะไรจากการเรียนน่าจะมีความสำคัญมากกว่า ถ้าคุณเรียนๆๆๆ จบพอดี ได้เกรดดีๆ แต่ไม่มีเพื่อน ไม่เคยผ่านการทำกิจกรรม ไม่เข้าใจบทเรียนด้วยซ้ำ (ในกรณีที่ขอลอกงาน/ข้อสอบเพื่อนก่อนละกัน เพราะต้องจบในเวลาให้ได้) ออกมาหางานไม่ได้ตามต้องการเพราะไม่มีประสบการณ์ทางด้านอื่นนอกจากห้องเรียน หรือทำงานไปแล้วไม่มีความสุข ลำบาก ยาก ไม่เข้าใจ ปรับตัวไม่ได้ เพราะไม่ได้เก็บเกี่ยว skills อะไรจากการ"เรียน"เลย แล้วมันจะมีประโยชน์อะไรล่ะคะ

เวลาที่ใช้เรียนไม่ใช่เครื่องมือวัดความล้มเหลวหรือความสำเร็จในชีวิต แต่ก็เหมือนอย่างอื่นนะคะ ถ้ามากไปน้อยไปก็ไม่ดีเท่าไหร่ เราใช้การเรียนเพื่อเป็นพื้นฐาน เป็นเครื่องมือในการดำรงชีวิตนะคะ บางคนอาจจะเรียนรู้นานหน่อย แต่มันจะทำให้ฐานชีวิตเรามั่นคงและก้าวต่อไปแบบมั่นใจมากขึ้น
หรือถ้าคุณมีวัตถุดิบเพียงพอ(ความรู้ประสบการณ์)ในการดำเนินชีวิตตามแบบที่คุณจะเลือก การเรียนในมหาวิทยาลัยนั้นก็ไม่ได้มีความสำคัญอะไรมากกว่าสิ่งอื่นหรอกค่ะ

Bill Gates of MicroSoft ไม่ได้จบมหาวิทยาลัยนะคะ

(ยาวจัง จะมีคนอ่านไหมเนี่ย เก็บกดอ่ะ)
โดยคุณ :น้ำตาล - [22:19:02  23 ต.ค. 2547]

ความคิดเห็นที่ 3
บังเอิญผ่านมา  .......เห็นด้วยกับคุณน้ำตาลนะ   เราก็จบช้าไป 1 ปี เหมือนกัน  ตอนแรกนะก็รู้สึกอายทุกคนที่รู้จักมากๆ  ทั้งเพื่อน รุ่นน้อง รุ่นพี่ คุณครู ที่สำคัญคือพ่อแม่  ทำใจอยู่นานเหมือนกันที่จะยอมรับสิ่งที่เกิดขึ้น   ยิ่งกับพ่อแม่ด้วยแล้วคืออันดับแรกที่ต้องทำความเข้าใจกันว่าอะไรเกิดขึ้น  เราจะทำไงต่อ  ถ้าสาเหตุที่จบช้าไม่ได้เป็นเพราะเราเหลวไหล  เที่ยวเตร่  ผู้ใหญ่เขารับได้อยู่แล้ว หลังจากนั้นก็ต้องพยายามแล้วล่ะ    

ต้องเรียนกับรุ่นน้องใช่ไหมล่ะ   รุ่นน้องบางเขาก็เหน็บๆ ให้เราได้ยินจนช้ำ  แต่เราก็ไม่สนไก่กาหรอก เพราะเรารู้แล้วล่ะว่าเราแคร์ใคร  พ่อกับแม่ไง   ใครมาดูถูก  ดูแคลน ก็ฟังแล้วอย่ามาเก็บให้เปลืองอารมณ์เลย  ถ้าเราไม่ดูถูกตัวเองก็ไม่มีใครมาดูถูกเราได้ คุณค่าในตัวเราใช่จะหมดไปกับการเรียนไม่จบหรอกนะ   คนอื่นใครจะว่าไงไม่มีความหมายสำหรับเรา  

เราขอเป็นกำลังใจนะ  เวลาที่เหลือในรั้วมหาลัยน่ะ  เราขอบอกเลยว่ามันสุดยอดเลย   ใช้สอยให้คุ้มค่านะ   เราน่ะมีความสุขดีกับเวลาที่เหลืออยู่จนท้ายที่สุดพวกที่ชอบเหน็บเราเขาแปลกใจที่เราอยู่ได้โดยปกติแถมยังมีความสุข (เขาคงไม่มีเจ้าตัวความสุขที่เรามี)  นายก็สู้ๆนะ   ชนะใจตัวเองให้ได้....(นะลูก)  แม่เราบอกไว้  

รู้มั้ยวันรับปริญญาเราเข้าใจเลยว่าใบปริญญาเป็นมากกว่ากระดาษใบนึงจริงๆ   นายจะโล่งใจแล้วพูดกับตัวเองว่า  เอ้อ..จบซะที(โว้ย) แล้วนายก็อาจจะเหงาไปบ้าง คิดถึงที่ที่นายเรียนบ้าง  เราทั้งสุขและเศร้าเล็กๆด้วยล่ะที่จบ  

ตอนนี้เราก็เพิ่งได้ทำงาน  เราบอกได้ว่าเจ้านายเขาไม่ได้รังเกียจคนที่เรียนจบช้าเลยนะ   เขาดูที่ความเป็นตัวตนของเรามากกว่าสิ่งอื่นใด    หาคุณค่าของตัวเองให้เจอ  ถ้าไม่มีก็ไปหามาเพิ่มแล้วตั้งใจเรียนให้เต็มที่พร้อมๆกับเดินทางไปพร้อมกับเวลาที่เหลืออย่างมีความสุข..... Life  is  beautiful.

You can like the 'Life'  you're living.
You can live the 'Life'  you like.



โดยคุณ :ลาล่า - [0:29:58  24 ต.ค. 2547]

ความคิดเห็นที่ 4
เราว่าเรื่องจบช้ากว่าเพื่อนสมัยนี้เป็นเรื่องปกติมากค่ะ  ยิ่งถ้าสาเหตุที่ทำให้เราเรียนจบช้านั้นไม่ใช่เพราะเราเกเร  โดดเรียนเพื่อไปทำอะไรที่ไร้สาระ (อันนี้ขอให้คุณคิดเองนะค่ะ ว่าสิ่งที่ทำไปไร้สาระรึเปล่า  อย่าเอาบรรทัดฐานของคนอื่นมาวัดเด็ดขาด  เพราะคนเรามองเรื่องเดียวกันออกมาได้หลายอย่าง)     ถ้าเราทบทวนแล้วว่าช่วยเวลาที่ผ่านมาเราได้รับอะไรมากมาย เป็นประสบการณ์ชีวิตที่ดี  ก็ไม่ต้องเสียใจที่ต้องเป็นนักเรียนต่ออีก 1 ปี หรือ 1 เทอม  ขอบอกว่ามันคุ้มค่ามากค่ะ  ยิ่งถ้าครอบครัวเข้าใจและไม่ว่าอะไร ยิ่งเป็นสิ่งที่ดีค่ะ  แค่คุณรับปริญญาช้ากว่าเพื่อนไปปีเดียว สิ่งที่คุณพลาดก็เพียงแค่ ไม่ได้ถ่ายรูปตอนใส่ชุดครุยพร้อมเพื่อนเท่านั้นค่ะ   แต่ปริญญาที่คุณจะได้รับในปีหน้านั้น ยังคงมีคุณค่าเทียบเท่า และมีความหมายเท่ากับที่เพื่อนคุณได้รับในปีนี้ค่ะ และเพื่อนๆก็จะมาแสดงความยินดีกับคุณ  เท่ากับว่าคุณจะได้ของขวัญจากเพื่อนร่วมสถาบันด้วย ซึ่งถ้ารับพร้อมกันไม่มีทางได้ (^_^)

ขอให้มองในมุมกลับนะค่ะ คุณมีโอกาสได้ลงเรียนวิชาที่น่าสนใจเพิ่มมากขึ้น  ซึ่งถ้าเป็นเวลปกติคุณจะไม่สามารถเรียนได้ เพราะคุณต้องเรียนตามวิชาบังคับ เพื่อให้จบทันเวลา  คุณจะพบว่ามีวิชาในมหาวิทยาลัยที่น่าเรียนมากมายที่คุณจะเรียนได้ในมหาวิทยาลัยเท่านั้น ไม่สามารถออกมาหาที่เรียนข้างนอกได้  ขอให้คุณใช้โอกาสนี้ให้คุ้มค่าค่ะ  เรียนวิชาของต่างคณะ หรือ major ที่คุณเรียนอยู่ก็ได้ คุณจะพบว่าชีวิตสนุกขึ้นอีกเยอะเลยค่ะ และสิ่งที่คุณได้รับคืนมารับรองว่าคุ้มกับเวลาที่เสียไปแน่ค่ะ

เราเองก็เป็นคนหนึ่งที่จบช้ากว่าเพื่อนร่วมรุ่นไปเทอมนึง  (แต่กรณีของเราขอเรียนต่อเอง) ช่วงเวลา 1 เทอมที่เราเรียนนั้น เรายอมรับว่าสนุกมาก เพราะเราได้ไปลงวิชาที่ปกติเราคงไม่ลงเด็ดขาด เช่น เต้นรำ หรือวาดรูป ได้พบเพื่อนต่างคณะ และได้เรียนรู้สิ่งต่างๆเพิ่มขึ้น มองโลกในมุมที่ต่างไป   ทุกวันนี้เราทำงานและเรียนต่อ  ขอยืนยันว่า 1 ปี หรือ 1เทอมที่เพิ่มลงไปใน transcript ไม่เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน หรือเรียนต่อเลยค่ะ  แถมอาจช่วยได้อีก ถ้าคุณมีโอกาสได้เรียนวิชาที่ต่างไปจากปกติ เพราะทำให้คุณมีจุดที่น่าสนใจต่างจากคนอื่น  ดังนั้นขอเป็นกำลังใจให้นะค่ะ

อ่านๆไปรู้สึกว่าเวปนี้มี เป้อร์ (สะกดไงหว่า) หลายคนเหมือนกันแฮะ ^_^
โดยคุณ :^_^ - [3:46:22  24 ต.ค. 2547]

ความคิดเห็นที่ 5
เอ้ย ...ระหว่างที่รอจบอีกตัว ไปทำงานพิเศษสิ..จะได้เอาไปเขียนในใบสมัครงานได้ คนรับเข้าทำงานเข้าสนใจประสบการณ์การทำงานมากกว่าดูว่าจบภายในกี่ปีนะ

เพื่อนเราคนหนึ่งจบช้าไปหนึ่งปี พอเค้าซ่อมตัวที่ไม่ผ่านในเทอมแรก เทอมสองว่างงานรอรับปริญญา เลยไปสมัครเรียนระบบ 5 ส. ที่รัฐบาลเปิดอบรมสมัยคนตกงานเยอะ ๆ ตอนโน้น พอรับปริญญาปุ๊บ มันเอาใบผ่านการอบรม 5 ส. ไปสมัครงาน มันได้งานอุตสาหกรรมน้ำมันในทะเล แม่น....เงินเดือนครึ่งแสน ได้นั่งเฮลิคอปเตอร์ไปกลางทะเล ทำงาน 3 เดือนได้ตังค์เท่ากับเพื่อนที่จบก่อนทำงานทั้งปี ....

เห็นไหม การจบช้าบางทีสวรรค์ก็ตั้งใจให้เรารอโอกาสที่ดีบ้างอย่างนะ

เอ้า...ไปหาที่ฝึกงานหรือเรียนพิเศษ ซะนะ
โดยคุณ :เด็กน้อยไม่ยอมเรียน - [9:00:14  27 ต.ค. 2547]

ความคิดเห็นที่ 6
เคยเสียใจที่เรียนไม่จบพร้อมเพื่อน
แต่ตอนนี้ดีใจครับ ที่ตอนนั้นเรียนไม่จบ

ในช่วงนั้น ผมได้รุ่นน้องเป็นเพื่อนหลายคน
ซึ่งก็นับได้เลยว่าพวกเธอเป็นเพื่อนร่วมงานที่ดีที่สุด

ได้มีโอกาสทำอะไรตั้งมากมายในช่วงเวลานั้น

และช่วงนั้นนะแหละ ที่เราได้เติบโตขึ้นอีกเยอะ

จบช้ากว่าคนอื่นอาจจะน่าเสียดายอยู่บ้าง
แต่ถ้าจัดแจงชีวิตให้ดีๆ ผมว่าได้อะไรเยอะนะ
โดยคุณ :The แป้ก - [16:45:29  27 ต.ค. 2547]

ความคิดเห็นที่ 7
ไม่เป็นไร คุณค่าของคนไม่ได้วัดที่ใบปริญญา นะคะ สู้ต่อไป ต้องมีวันสำคัญวันนั้นแน่นอน ถ้าตั้งใจทำให้ดีที่สุดนะคะ ขอเป็นกำลังใจให้นะคะ
โดยคุณ :น้องนุช - [20:21:28  2 พ.ย. 2547]

ความคิดเห็นที่ 8
อ่านกระทู้นี้แล้วมีกำลังใจอย่างมากมาย
โดยคุณ :จบช้าเหมือนกัน T-T - [17:40:15  29 ก.ย. 2552]

ความคิดเห็นที่ 9
ตอนนี่เราก็ตกอยู่ในสภาพเดียวกับคุณเลย
ตอนนี่ดูเหมือนว่าเพื่อน ๆ เค้าเตรียวตัวจะจบกันแล้ว เหลือแต่เราคนเดียว
คิดมากเหมือนกัน อายเพื่อนบ้าง อายคนรอบข้างที่เรารู้จัก พ่อแม่ กลัวพ่อแม่อายคนอื่นด้วยที่ลูกทำไมยังเรียนไม่จบเหมือนคนอื่น ๆ
ตอนนี่เรารู็้สึกเคลียดมาก สมัยตอนที่เราเรียนพร้อมเพื่อน ๆ เราเรียนเก่งที่สุดในกลุ่ม แต่ดูตอนนี่สิ เรากลับเรียนจบช้ากว่าคนอื่น ๆ เรารู้สึกอายอย่างบอกไม่ถูกเลย
   แต่เพื่อน ๆ เราก็ให้กำลังใจน่ะ ไม่มีใครมาพูดทับทมเราเลย
   ทำให้เรามีกำลังใจมากขึ้นเลย
   ส่วนคุณก็ สู้ สู้ เหมือนฉันน่ะค่ะ เป็นกำลังใจให้ค่ะ
โดยคุณ :ดาด้า - [11:34:52  21 ก.ค. 2553]

ความคิดเห็นที่ 10
เเป็นคนหนึ่งที่เรียนจบช้า แต่เราโชคร้ายกว่าใครๆๆที่มีแต่เพื่นคอยหัวเราะเยาะและซำเติมเราที่ช้ากว่าพวกเขา แต่มันก็ทำให้เราเราก็ตกอยู่ในสภาพที่น่าอายไม่อยากไปเรียน อายใครต่อใครที่เราจบช้า และรู้สึกเหมือนว่าจะทำให้พ่อแม่เสียใจกับการทัฃี่เราจบช้าและไม่ได้รับปริญญาพร้อมเพื่อน  เราเสียใจมากเพราะเราไปแคร์ตรที่ว่าต้องถ่ายรูปกับเพื่อน มันเลยทำให้เราเสียใจมากขึ้นและยิ่งเพื่อนที่คบกันมา มาซ้ำเติมและตอกย้ำเราอีกเรายิ่งเสยใจหนัก  แต่เราก็ไม่รู้ทำไงและจาเราจบช้ามัน
ทำให้เราได้รู้ว่า
สุดท้ายมาคนที่คบกันมากับคำว่าเพื่อนไม่มีความหมายบอะไรสำหรับเราเลย เพราะเขาเมื่อจบกันไปหมดแล้วเขาไม่ได้คิดว่าเราเป็นเพื่อนเขาอีกต่อไปเพราะว่าเราไม่ได้มีประโยชน์อะไรให้เขาเหมือนตอนที่พวกเขาเรียนอยู่  แต่เราก็ดีใจนะที่การที่เราจบช้าทำให้เราไม่เป็นเหยื่อของความโง่ของตัวเองที่หวังดีต่อเพื่อนทั้งๆๆที่เพื่อนจ้องทำร้ายเราอยู่ตลอดเวลา เราโง่มากไหมที่โดนเพื่อนหลอกใช้มาตลอดเวลา แต่ตอนนี้เรารู้แล้วว่าต่อไปเราจะไม่เป็นเหยื่อความโง่ให้กับใครอีก
โดยคุณ :แทงข้างหลังทะลุถึงปอด - [0:36:54  24 พ.ย. 2553]

ความคิดเห็นที่ 11
ฉันก็เพิ่งเจอเหตุการณ์นี้เหมือนกัน แต่กว่าจะมาเจอข้อความพวกคุณฉันก็คิดว่าพวกคุณที่เม้นก่อนหน้านี้ประสบความสำเร็จด้านการเรียนแล้ว ฉันเรียนอีกห้าเดือนก็จะจบระดับปริญญาตรีแล้วแต่ถูกรถชนขาหักอาจารย์เลยให้ไปฝึกปฎิบัติกับน้องพอรู้ว่าเรียนจบพร้อมน้องไม่เรียนจบพร้อมเพื่อนฉันเสียใจมาก ร้องไห้ทุกวัน จนคนรอบข้างไม่อยากได้ยินและไม่อยากรับฟังฉันบ่นกับเรื่องซวยๆที่เกิดขึ้นในชีวิตฉันก็ต้องร้องไห้อยู่กับตัวเองจนได้รู้ว่าคนที่อยู่เคียงข้างกับเราตลอดก็คือตัวเราเอง ฉันดูปฏิทินทุกวันเมื่อไหร่จะผ่านพ้นไปสักที 1 ปีกว่ามันช่างทรมานเหลือเกิน เคยคิดที่จะฆ่าตัวตายแต่คิดถึงพ่อแม่แล้วเลยไม่ทำ และอีกอย่างฉันต้องเรียนจบเพื่อให้ประกอบอาชีพที่ฉันใฝ่ฝันให้ได้ คนเราต้องต่อสู้กับปัญหาชีวิต คิดซะว่าหนึ่งปีกว่านี้ถือเป็นประสบการณ์ชีวิต เป็นภูมิคุ้มกันให้เราเมื่อเจอปัญหาชีวิตในครั้งต่อไป คนเราต้องเชื่อมั่นในตัวเองว่าต้องทำได้ ซึ่งฉันก็เชื่อว่าสักวันฉันคงได้รับปริญญาและกราบเท้าพ่อแม่ด้วยชุดรับปริญญา
โดยคุณ :กาสะลอง - [15:10:07  7 มี.ค. 2555]

ขอเชิญร่วมเสนอแนะความคิดเห็นครับ
จาก :
email :
icq :
รูปภาพ :

รายละเอียด

อาการ :



กรุณาคลิก "ส่งข้อมูล" เพียงครั้งเดียวครับ....