กระดานความรู้สึก


เสียดายเวิลเทรด
วันนี้เพื่อนรูปตึกเวิลเทรดใกล้ๆทั้งภายนอกและภายในมาให้ดูสวยมาก เสียดายจังเลย ยังไม่ได้ไปด้วยหายไปซะแล้ว ใครทำนะน่าตีจังเลย ต่อไป..ถ้า..มีสงครามจะทำไงดี จะมาบ้านเรามั๊ยนะ ไม่อยากให้มีความทรงจำตอนวิ่งหนีระเบิดไปเล่าให้ลูกหลานฟังเลย
โดยคุณ : น้องเนย - [15:39:00  25 ก.ย. 2544]

ความคิดเห็นที่ 1
วิถีชีวิต - นาทีชีวิตหนีมัจจุราช "กิตตินันท์ ยิ่งเจริญ"
"รอดตาย" ตึกมรณะ "เวิลด์เทรด"
นิวยอร์ก ประเทศสหรัฐอเมริกา เกิดเหตุการณ์ช็อกโลก ตึกเวิลด์เทรดฯ สูง 110 ชั้น ถูกก่อวินาศกรรมโดยผู้ก่อการร้าย จี้เครื่องบินพุ่งเข้าชนถล่มลงมาราบเป็นหน้ากลอง

ปรากฏว่า ในตึกนั้นมีหน่วยงานราชการไทย และหน่วยงานเอกชนไปเช่า เป็นสำนักงานสาขานิวยอร์กอยู่หลายหน่วยงาน อาทิ ธนาคารกสิกรไทย สำนักงานส่งเสริมการลงทุน สำนักงานการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย สำนักงานของเครือบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ สำนักงานการบินไทย สำนัก งานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ กรมส่งเสริมการส่งออก กระทรวงพาณิชย์

ด้วยเป็นเหตุการณ์ที่เกิดขึ้น ในช่วงเวลาที่ทุกคนกำลังเดินทางเข้าที่ทำงาน ข้าราชการไทยพร้อมกับครอบครัว รอดชีวิตมาได้อย่างเฉียดฉิวกันทุกคน มีข้าราชการไทยคนหนึ่ง ที่ขึ้นไปบนสำนักงานแล้ว ลงมาจากตึกรอดชีวิตอย่างหวุดหวิด

"เดลินิวส์" ได้โทรศัพท์สัมภาษณ์ข้ามทวีป มาถ่ายทอดให้ผู้อ่านกันแบบคำต่อคำเลยทีเดียว

"กิตตินันท์ ยิ่งเจริญ" ผช.ผอ.สนง.ส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ คือผู้รอดชีวิตคนนั้น เขาถ่ายทอดเหตุการณ์ ที่ประสบมาด้วยน้ำเสียงที่ยังสั่นเครือ เจือไปด้วยความตื่นเต้น

ชีวิตที่ดำเนินมาอย่างปกติสุขของเขาไม่คาดคิดว่า วันที่ 10 กันยายน 2544 (ประเทศไทยวันที่ 11) จะเป็นวันที่เขา ครอบครัวและคนทั้งโลก จะต้องจดจำกันไปนานแสนนาน

ผมได้เงินค่าครองชีพของข้าราชการไทยในต่างแดน เดือนละ 4,500 เหรียญสหรัฐ นอกเหนือจากเงินเดือนประจำ จึงไปเช่าบ้านอยู่ที่นิวเจอร์ซี คนละฝั่งแม่น้ำ แต่มองเห็นกันได้ เพราะว่าค่าเช่าบ้านถูกกว่า

วันนั้นตื่นนอนมาปกติ 6 โมงกว่า ก็อาบน้ำแต่งตัว รับประทานอาหารเช้า ตรวจดูความเรียบร้อยของลูกก่อนไปโรงเรียน และพี่เลี้ยงจะพาไปส่งที่โรงเรียนเวลา 08.20 น. เดินจากบ้านไปเพียง 5 นาที ก็ถึงโรงเรียน เวลาเข้าทำงานคือ 09.00 น. ปกติแล้วผมจะออกจากบ้านเวลา 08.20 น. วันนั้นออกจากบ้านเร็วกว่าปกติ คือ 08.10 น.

ขึ้นรถไฟใต้ดินช่วงเช้าคนจะแน่นเป็นปกติอยู่แล้ว เมื่อกดลิฟต์ขึ้นไปที่ชั้น 37 ก็ยังไม่มีใครมาทำงาน เปิดสำนักงานเอง ปกติแล้วผู้อำนวยการ (เบญจวรรณ รัตนประยูร) จะมาถึงที่ทำงานก่อนใคร บังเอิญไปราชการที่กรุงเทพฯ ผมจึงต้องมาเช้ากว่าปกติ มาถึงสำนักงานเวลา 08.25 น. หรือ 08.30 น. ราว ๆ นี้แหละ ผมก็เก็บหนังสือพิมพ์หน้าลิฟต์ เข้าไปในห้องเลขที่ 3729 เปิดเข้าไปจะเป็นสำนักงานของผมก่อน ถัดไปเป็น ททท. และในสุดเป็น บีโอไอ เช่าอยู่รวมกัน

ยังไม่มีใครมาทำงาน เดินไปเปิดไฟเอง แล้ววางกระเป๋าเอกสารลงบนโต๊ะทำงาน เปิดคอมพิวเตอร์ เดินไปชงชา ไปเช็กเอกสารที่เครื่องแฟกซ์ แล้วเดินกลับโต๊ะ ช่วงนี้แหละรู้สึกเหมือนกับว่า ตึกไหวเอน เหมือนต้นไม้ใหญ่ถูกถอนราก ตึกสะเทือน ตอนนั้นคิดว่าเป็นพายุ แต่ต่อมาก็คิดว่าไม่ใช่ เพราะมันไหวแรงมาก ก็คิดว่าต้องเป็นแผ่นดินไหวแน่เลย พยายามไปยืนใกล้เสาที่สุด ทำอะไรไม่ถูก คิดว่าเสาจะช่วยเราได้ (ขณะนั้นเครื่องบินลำที่ 1 บินชนตึกเวิลด์เทรดตึก 2)

มองซ้ายมองขวา ขณะนั้นตึกก็สะเทือน แล้วมีเศษต่าง ๆ กระจายเต็มไปหมด มีอะไรร่วงลงมาจากท้องฟ้า มองออกไปมันมืดไปหมด ไม่เห็นอะไรเลย ทยอยร่วงลงมาเยอะมาก ก็คิดตอนนั้นว่าต้องถูกระเบิด หรือตึกข้างบนถล่มแน่ จึงวิ่งไปที่ทางหนีไฟ เมื่อเปิดประตูออก ก็เจอกับผู้คนที่ทำงานในตึกชั้นเดียวกัน วิ่งลงบันไดหนีไฟ ซึ่งเป็นทางเลือกที่ดีที่สุดในขณะนั้น

ไม่ได้คิดที่จะหยิบอะไรติดมือไปด้วยเลยสักอย่าง คิดว่าข้างบนโดนระเบิด แล้วเดี๋ยวเราก็กลับมาเอาของได้ มีเพียงโทรศัพท์มือถือ ซึ่งเหน็บเอวอยู่เครื่องเดียว ระหว่างทางนั้น เห็นคนเยอะพอสมควร เนื่องจากบันไดหนีไฟนั้น กว้าง 4-5 ฟุตเท่านั้น ทุกชั้นก็พยายามที่จะออกมาพร้อมกัน การจราจรบนบันไดติดขัดทันที ทุกคนไม่ได้ตระหนก หรือแตกตื่นแต่อย่างใด เนื่องจากยังไม่ทราบว่า เกิดอะไรขึ้น สัญญาณเตือนภัยไม่ทำงาน เนื่องจากว่าไฟฟ้าภายในอาคารยังไม่ดับ ไม่อย่างนั้นคนจะแตกตื่นกันมากกว่านี้

คิดในใจว่าไม่น่าจะรุนแรง เวลาที่คนแน่นก็ยืนรอขยับเดินได้ทีละขั้นบ้าง ทีละ 2-3 ขั้นบ้าง ทุกคนก็อดทนรออย่างเป็นระเบียบ ได้แต่มองหน้ากันไปมา ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้น จนกระทั่งลงมาถึงประมาณชั้นที่ 27 เริ่มมีพนักงานดับเพลิงวิ่งสวนขึ้นมา พวกเขามีอุปกรณ์ สำหรับการกู้ภัยครบครัน ถังออกซิเจน มีด ขวาน เหล็กแหลม แถมยังแบกสายท่อน้ำขึ้นไปด้วย เขาแข็งแรงมาก เห็นพวกเขาเหนื่อยกันแล้วก็หยุดพักเป็นระยะ ระหว่างนั้นก็ได้กลิ่นน้ำมันจนแสบจมูก ต้องใช้ผ้าปิดจมูกไว้

เศษซากตึกก็ทยอยร่วงลงมา ตอนนี้เริ่มมีคนขอทางฉุกเฉินมาจากข้างหลัง สำหรับผู้ป่วยซึ่งโดนไฟลวกไปทั้งตัว ผมไหม้ติดหนังหัว ลอกเป็นแผ่น ตัวดำไปหมด เขาต้องช่วยตัวเองด้วยการวิ่งลงเอง พวกเราก็ให้เขาผ่านลงไปก่อน แต่ก็ยังเป็นระเบียบอยู่ค่อย ๆ ก้าวลงไป ทุกอย่างนิ่งสงบในช่องหนีไฟ ได้ยินพนักงานดับเพลิงว่า จะต้องขึ้นไปบนชั้น 70 มีคนบาดเจ็บจากไฟไหม้

เมื่อเดินลงไปจนถึงชั้น 10 กว่า ก็ยังไม่สามารถใช้โทรศัพท์มือถือได้ ทุกคนที่มีก็พยายามกดกันตลอดเวลา แต่ไม่มีใครสามารถโทรฯได้เลย เราต้องการติดต่อคนภายนอก อยากทราบว่าเกิดอะไรขึ้น ในนั้นมันมืดทางความคิดไปหมด มองไปเห็นผู้คนเรียงอยู่บนบันไดเต็มไปหมด ลงมาอีกสักหน่อย มีคนที่รับเพจเจอร์ได้ เขาบอกว่าเหตุเกิดจากเครื่องบินชน ก็ไม่มีใครคิดอะไร คิดว่าเป็นนักบินสมัครเล่นที่พลาดมาชน สักพักเขาบอกว่าลำที่ 2 ชนอีกแล้ว ใจก็ยังคิดว่าเป็นนักบินสมัครเล่นที่บินตามกันมานั่นแหละ ไม่คิดว่าจะเป็นการก่อการร้ายเลย

"เราเดินลงไปเรื่อย ๆ ระบบดับเพลิงทำงานแล้ว น้ำไหลลงมาเรื่อย ๆ แรงมาก เราเดินย่ำน้ำลงมาอีก 4 ชั้น ก็ถึงโถงที่เป็นลิฟต์ ตกใจ จำโถงไม่ได้ เคยสวยงามมีต้นไม้ หินเป็นสีขาว ลักษณะมันเหมือนกับว่าตึกถูกทิ้งร้างไว้ แล้วถูกทำลายโดยสิ้นเชิง น้ำนองเต็มพื้น มีคนบอกว่าให้เดินมาทางนี้ ทุกคนก็เดินตามคำสั่งนั้น เดินไหลตามกันไปเป็นเส้นทางเดียวกัน เดินลงไปชั้นที่ต่ำกว่าพื้นดินธรรมดา 1 ชั้น เป็นชั้นที่เชื่อมกับตึกทุกตึก เขาต้อนให้เราเดินเข้าไปในนั้น แล้วไปออกที่อาคาร 5 หน้าเวิลด์เทรดฯทุกคนรีบออกมาจากตัวตึก แล้วหันกลับไปมองบนตึกว่าเกิดอะไรขึ้น

เจ้าหน้าที่ก็ตะโกนบอกว่า ไม่ต้องหันกลับไปมอง ให้เดินไปข้างหน้าไปเรื่อย ๆ จะขวางคนข้างหลัง ก็มองเห็นว่าไฟไหม้ยอดตึก มีเสียงตะโกนตลอดเวลาว่า "อย่าหยุด" เมื่อออกมาที่ถนน คนก็กระจายกันออกไป ผมก็หยุดยืนดูอีก มีคนมาคอยไล่ให้หนีออกไปไกลจากตัวตึก กลัวจราจรติดขัด หยุดดูเป็นระยะก็เห็นไฟไหม้

เดินมาจนถึง ซิตี้ฮอลล์ ห่างจากที่นั่นประมาณ 300 เมตร ไกลพอสมควร ก็หยุดดูอีก มีคนตะโกนว่าตึก 2 กำลังถล่ม คนที่อยู่ตรงนั้น ก็วิ่งแบบไม่คิดชีวิตเลยทันที ในใจคิดว่าตึก 110 ชั้น จะถล่ม ไม่รู้ว่าจะฟาดลงข้างไหน เข้าใจว่าคงจะโค่นลงมาข้างใดข้างหนึ่ง จึงต้องหนีให้ไกลจากรัศมี ไม่เคยคิดเลยว่า การเหยียบกันตายเป็นอย่างไร เคยดูเวลาที่เขาไปดูฟุตบอลแล้วเกิดจลาจล มีการเหยียบกันตาย ยังไม่เชื่อเลยว่า จะตายได้อย่างไร วันนั้นรู้เลยทันที"

คนสูงอายุ โดนคนหนุ่มตัวใหญ่วิ่งกระแทกก็เสียหลักล้มลงไป คนที่ตามหลังมาก็เหยียบ ตัวกิตตินันท์เองพยายามทรงตัวไว้ไม่ให้ล้ม เจ้าหน้าที่ก็ตะโกนเป็นระยะว่า อย่าตกใจ ให้ใจเย็น ๆ ไว้ คนก็ไม่ฟังแล้วในตอนนั้น เพราะว่ากลัวตึกล้มลงมาทับ วิ่งไปกับหมู่ฝูงชน พยายามรักษาระดับไว้ไม่ให้เร็วหรือช้าเกินไป ไกลจนมั่นใจว่า ตึกจะล้มลงมาไม่ถึง ก็มองเห็นกลุ่มควันสีขาวเหมือนกับระเบิดปรมาณูในหนัง กระจายอย่างรวดเร็ว ก็กลัวฝุ่นนั้นเลยวิ่งหนีกันอีก

"ถึงตอนนี้ก็พยายามใช้โทรศัพท์มือถืออยู่ตลอดเวลา แต่ไม่สามารถใช้ได้เลย มีคนมาขอใช้ด้วย เราก็บอกว่าใช้ไม่ได้ เดินไปจนถึงถนนเฮาสตัน เห็นกลุ่มคนยืนมองดูตึกก็เลยไปรวมกลุ่มกับเขา มองดูไฟไหม้อาคาร 1 คิดว่าไม่น่าถล่ม เดี๋ยวคงจะดับไฟได้ แล้วเหลือซากไฟไหม้อย่างนั้น แต่ไฟเริ่มลุกลาม และควันเริ่มหนาขึ้น ยืนห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 1 กม. เห็นว่ายอดตึกเริ่มขยับตัว แล้วรูดลงไปข้างล่าง มันทรุด จึงรู้แล้วว่าตึกถล่ม

คนในกลุ่มผมตกใจกันทุกคน เพราะว่ามองเห็นตึกถล่มไปต่อหน้าต่อตา ผมเองก็น้ำตาไหล และในกลุ่มนั้นร้องไห้กันทุกคน ไม่คิดว่าเหตุการณ์แบบนี้จะเกิดขึ้น ตึกที่ถูกสร้างมานานกว่า 10 ปีเป็นความภาคภูมิใจของนิวยอร์ก สวยงาม มีความสะดวกสบายทุกอย่าง จะสูญเสียและล่มสลายลงไป สงสารพนักงานดับเพลิง ไม่อยากเชื่อว่า เขาเหล่านั้นไม่ได้กลับออกมาอีก หลายคนไม่อยากเชื่อสายตาตนเองช็อกมาก"

ขณะที่เล่ามาถึงตรงนี้ กิตตินันท์เริ่มมีเสียงเครือเล็กน้อย เพราะยังรู้สึกสะเทือนใจ กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตรงหน้า โดยเฉพาะเมื่อนึกว่า จะต้องมีคนตายในตึกไม่รู้ว่าเท่าไหร่

"ผมจึงเดินต่อไปเรื่อย ๆ โดยไม่รู้ว่าจะทำอะไร รู้สึกสูญเสีย เพราะว่าสำนักงานไม่เหลืออะไรเลย กระดาษแผ่นเดียวก็ยังเอามาไม่ได้ หดหู่ แต่ขาก็ก้าวไปเรื่อย ๆ คิดอะไรไม่ออก รถทุกอย่างห้ามเข้าออกเกาะถูกปิดหมด มีแต่คนที่เดินเต็มถนน ร้านค้าก็ปิดหมด

ตอนนี้ผู้คนก็ทยอยเดินไปเรื่อย ๆ ไม่เหลือความแตกตื่นอีกแล้ว เดินอย่างไม่มีจุดหมายปลายทาง แต่ก็ยังพยายามโทรศัพท์ตลอดเวลา กระทั่งเวลา 11.00 น. มีเจ้าหน้าที่จากเมืองไทยโทรฯเข้ามาได้ ถามว่าพี่เป็นอย่างไรบ้าง ผมก็บอกเขาไปว่า ผมใช้โทรศัพท์ไม่ได้เลย เขาก็บอกว่า เขาจะบอกทางบ้านที่เมืองไทยให้

พอวางสายไป ก็มีเพื่อนข้าราชการที่ประจำอยู่กรุงกัวลาลัมเปอร์ โทรฯเข้ามาเป็นสายที่ 2 ปลอบใจ ว่าดีแล้วที่รอดชีวิตมาได้ แต่ผมก็ยังไม่สามารถใช้โทรศัพท์ได้ จึงเดินต่อไปเรื่อย ๆ จนเจอกับผู้ช่วยหัวหน้าสำนักงานคณะกรรมการ ส่งเสริมการลงทุน ยืนโทรศัพท์อยู่ในตู้สาธารณะ หันมาเห็นผมก็ตกใจ และดีใจ เขากำลังโทรฯรายงานกงสุลใหญ่อยู่ แล้วก็ตะโกนว่า "เจอแล้ว เจอพีทแล้ว" แล้วให้ผมพูดกับรองกงสุลใหญ่พอดี เหรียญหมดเสียก่อน คิดดูว่า คนเป็นแสน แต่ผมมาเจอคนไทยด้วยกันได้

ผมก็ชวนเขาเดินไปสำนักงานกงสุลใหญ่ ซึ่งอยู่ไกลมากครึ่งเกาะแมนฮัสตัน ไม่มีทางไหนนอกจากเดิน ระหว่างนั้นก็เดินคุยกันไปว่า ไม่อยากเชื่อเลยทั้งพาสปอร์ต วีซ่า โน๊ตบุ๊ก ข้อมูลต่าง ๆ ไม่เหลือเลย เรายังพูดกันว่ านี่เรื่องจริงเหรอ ออฟฟิศเราหายไปในอากาศ ยังคุยกันแบบติดตลก มีเพื่อนร่วมทางก็ได้คุยผ่อนคลาย ผู้คนก็ยังคงเดินกันต่อไป ทั้งเมืองหยุดหมด ทั้งธุรกิจ ธุรกรรม

ไปถึงที่นั่นเวลา 12.30 น. พอดี พอเข้าไปอยู่ในห้องแคบที่กงสุลใหญ่ รู้สึกหน้ามืดวิงเวียนจะเป็นลม ก็บอกว่าขออาหารทานหน่อย พอได้รับประทานอาหารเข้าไปก็เริ่มดีขึ้น เพราะว่าเราตกใจแล้วก็เครียดตลอดเวลา

จากนั้นก็เช็กข้าราชการ และครอบครัวว่า ใครเป็นอย่างไรบ้าง มีเจ้าหน้าที่บีโอไอ และผู้ช่วยททท.โดนไฟลวก ก็ติดตามเช็กครอบครัวลูกสามีภรรยาว่า อยู่ที่ไหนอย่างไรกันบ้าง ก็ทราบว่า อยู่กันครบทุกคนไม่มีใครน่าเป็นห่วง

กว่าที่เกาะจะเปิดให้คนออกก็เวลา 5 ทุ่มแล้ว ผมกลับบ้านประมาณเที่ยงคืน

เมื่อผมรอดชีวิตมาได้ ผมขอบคุณ คุณพระคุณเจ้ามาก ว่าบารมีท่านช่วยด้วย ผมคล้องพระสมเด็จ ที่พ่อตาให้ตอนแต่งงาน การที่ผมออกจากบ้านก่อนเวลาปกติ 10 นาที มีค่ามาก ไม่อย่างนั้นจะต้องได้รับบาดเจ็บจากลูกไฟที่วิ่งกวาดชั้น 1 ในตอนที่เครื่องบิน บินชนตึก 2 เพราะเวลานั้นเป็นเวลาปกติ ที่ผมจะต้องยืนคอยลิฟต์ทุกเช้า

ก็มีอาการอาฟเตอร์ช็อกบ้าง คือเมื่อเห็นอะไรแวบ ๆ อยู่บนฟ้า อย่างธงชาติไทยผืนใหญ่หน้ากงสุลใหญ่นี้ เวลาโดนลมพัดแล้วมันโบกสะบัด ผมจะตกใจมาก เห็นวัตถุอะไรที่ตกลงมาจากฟ้า จะกลัว

ตอนนี้เรื่องสำนักงาน ก็กำลังคิดหาทางแก้ไขกันอยู่ว่า จะทำอย่างไรดี เพราะเอกสารข้อมูลทุกอย่างหายไปหมดเลย ที่สำคัญลูกจ้างไม่มีงานทำ 3 คนเป็นคนไทยที่อยู่ในต่างประเทศ ว่าจะช่วยเขาอย่างไร ตอนนี้เราก็ใช้สำนักงานของกงสุลใหญ่อยู่ แต่ก็เกรงใจว่า จะนำเจ้าหน้าที่เข้ามาทั้งหมดไม่ได้ เพราะอยู่กันหลายหน่วยงาน ที่สำคัญสมุดเช็คทั้งหมดโดนเผาไปแล้ว แต่เรากำลังดำเนินการช่วยเหลือเรื่อง "คน" ก่อนอื่น

10 นาที ที่ออกจากบ้านก่อนปกติทุกวัน เป็น 10 นาที แห่งการช่วยชีวิตผู้ชายคนนี้...?

แม้ว่าจะรอดชีวิตมาได้แล้ว แต่เรื่องราวไม่ได้จบกันอยู่แค่นั้น เมื่อมีรายงานว่า ยังมีพนักงานบริษัทเอกชนชาวไทยอีกจำนวนหนึ่ง ที่ยังติดต่อไม่ได้ และอีกนับร้อยคนที่ยังตรวจสอบไม่ได้

ได้แต่สวดมนต์อวยพรให้เพื่อนชาวไทยเหล่านั้นปลอดภัย...!.

ที่มา http://www.dailynews.co.th/sunday/13061.html
โดยคุณ :จอมยุทธ์น้อย - [21:57:49  25 ก.ย. 2544]

ความคิดเห็นที่ 2
-เขาไม่คาดคิดว่า วันที่ 10 กันยายน 2544 (ประเทศไทยวันที่ 11)

Plane is attack on 11.09.01 at ~08:30 US time (NY)

- เงินค่าครองชีพของข้าราชการไทยในต่างแดน เดือนละ 4,500 เหรียญสหรัฐ นอกเหนือจากเงินเดือนประจำ

??? 4,500*45 = 202,500 Baht ???
โดยคุณ :NY - [23:15:40  25 ก.ย. 2544]

ความคิดเห็นที่ 3
อยากได้รูปตึกเวิลเทรดมากเลยครับ ถ้าเพื่อนๆจะส่งให้ผมจะขอบพระคุณเป็นอยางสูงมักมากๆ ครับ
โดยคุณ :คนรักตึกอยากได้รูปตึกเวิลเทรด - ICQ: 123456[14:41:01  6 ธ.ค. 2550]

ขอเชิญร่วมเสนอแนะความคิดเห็นครับ
จาก :
email :
icq :
รูปภาพ :

รายละเอียด

อาการ :



กรุณาคลิก "ส่งข้อมูล" เพียงครั้งเดียวครับ....