กระดานความรู้สึก


เรื่องเล่า สำหรับคนใจกล้ายามดึก
เรื่องของผีผี.........ตามสไตล์บัฟฟี่
หวัดดี ครับกลับมาอีกแล้ว เรื่องผีผี ภาค สอง ภาคแรก หาติดตามได้ในรวมกระทู้ไอ้ นิดละกัน

เข้าเรื่องละกัน



อันนี้เป็นเรื่องจริงที่ได้ยินมา อีกที ของเพื่อนๆ..........


มีครอบครัวหนึ่ง มีพ่อ แม่ และลูกสาว อาศัย อยู่แถว ตากสิน บ้านเขาเป็นบ้านทาวเฮาส์.......ลูกสาว เป็นลูกคนแรก อายุได้เพียง 7 ขวบ เรียนอยู่ ประถม สอง

พ่อ แม่ รักลูกสาว คนนี้มาก เหมือนไข่ในหิน เพราะลูกคนเดียว แม่ไม่สารถมีลูกได้อีกแล้ว

ครอบครัวนี้ ช่างอบอุ่น และน่าอิจฉา วันเสาร์ อาทิตย์ พ่อ แม่ จะพาลูก ออกไปเที่ยว ไม่ว่า สวนลุม สวนสัตว์ หรือ เดินห้างกัน

คุณแม่ ตอนเช้า จะออกไป ส่งลูกทุกเช้า ด้วยการพาลูกเดินไป โรงเรียน ที่อยู่ไม่ไกลจากบ้านมาก แล้วกลับมา อยู่บ้าน เป็นแม่บ้าน

ส่วนพ่อ ก็จะออกไปทำงานตามปกติ...............ช่างอบอุ่นยิ่งนัก.. จน วันหนึ่ง วันหนึ่ง..ก็มาถึง

พ่อ แม่ เกิด มีปากเสียงกันนิดหน่อย ตอน หลังจากแม่ไปส่งลูกกลับจากโรงเรียน.................

ช่างโชคร้ายเสียกระไร พ่อ เกิด พลั้งมือ ฆ่าแม่ โดยไม่เจตนา ตามที่เพื่อนผมเล่ามา อาจเป็นว่า พ่อ ขว้างของไปโดนหัวแม่ หรือ ตบแม่ จน หัวแม่ ล้มไปฟาดกับมุมขอบโต๊ะ

พ่อตกใจมาก พยายาม ดูว่า แม่เป็นอะไร เพราะ ขาดสติไปนาน




แม่ตายแล้ว............



คุณพ่อ ตกใจมาก เพราะ ลมหายใจหรือชีพจรก็ไม่มี............คุณพ่อ ควบคุม สติตัวเองแทบจะไม่อยู่ คิดอยู่เสมอ ว่าจะเป็นอย่างไร หลังจากลูกกลับมา........

ลูกสาว เกิดติดแม่ขนาดนั้น หากกลับมา รู้ว่าแม่ตายแล้ว ลุกสาวจะเสียใจขนาดไหน เขาเองไม่อยากให้ลูกเสียใจ .............



เขา เอา ศพแม่ไปฝั่งหลังบ้าน....


แล้วแกล้งทำเป็นไม่รู้เรื่อง ลูกสาวกลับมาบ้าน เขาพยายามจะไม่ถามลูกสาว พยายามพูดให้น้อยลง กลัวว่า ลูกสาวจะถามเรื่องแม่ไปไหน เขากะว่า กะรอสัก อีกสองสามวันแล้วให้ลูกถามเอง.............เขากะจะตอบว่า คุณแม่ ไปต่างประเทศ.......


แต่แล้ว 3 วัน ผ่านไป ลูกสาวไม่เคยถามเขาสักคำ เรื่องแม่ไปไหน............แถม ตอนเช้าก็ แต่งตัวเองอยู่ในห้อง แล้วเดินไปโรงเรียนเองทุกวัน...........

เขาแปลกใจ แต่ไม่ได้ถามอะไร คงคิดว่า ลูกสาวโตพอที่จะทำอะไรได้เอง.........

แต่ 1 สัปดาห์ ผ่านไป ลุกสาว เหมือนเดิม.....จนเขาหงุดหงิดใจ.........ทั้งๆที ลูกสาว ติดแม่ขนาดนั้น ทำไม ไม่ถามถึงเรื่องแม่ สักเอ๊ะ



เขาจึงเขาไปถามเอง........



"ลูกลูก"...........คุณพ่อถามลูกสาวที่น่าเอ็น ดู

"จ๋า พ่อ"..................ลูกสาวหันกลับมาหา

คุณพ่อ นั่งย่องย่องลงไป คุยกับลูกที่กำลังเล่น เลโก อยู่........... " ลูกลูก ทำไม ไม่เห็นถามเลย ว่าแม่ไปไหน แม่เขาไม่อยู่หลายวัน แล้วน่ะ รู้ใช่ไหม ว่าคุณแม่ไป ต่างประเทศ หรือครูที่โรงเรียนบอกจ๊ะ"

ลูกสาว ทำหน้างง งง และแปลกใจ แล้วพูดออกมาว่า







" พ่อจ้า ทำไม พูดแบบนั้นละจ๊ะ ก็ตอนนี้ แม่ เขา นั่งอยู่บนหลังพ่อ แล้วยิ้มอยู่นี่ค่ะ"


จากคุณ :Buffy - [ 25 เม.ย. 2544 , 23:52:01 น.]
www. i-nidnoi.com
โดยคุณ : KING - ขนหัวลุกยามดึก - [1:37:02  26 เม.ย. 2544]

ความคิดเห็นที่ 1
น่ากลัว..
หันหลังไปดู
เฮ้อ..โล่ง แล้วไป
ไม่มีใครอยู่ข้างหลังเรา
โดยคุณ :kookkai - -' - [1:58:20  26 เม.ย. 2544]

ความคิดเห็นที่ 2
พี่คิง มีคนอยู่ข้างหลังพี่หรือเปล่าคะ
โดยคุณ :กุ้ง - [3:32:36  26 เม.ย. 2544]

ความคิดเห็นที่ 3
แหม พี่คิง มาหลอกกันตอนนี้เหรอคะ ดีนะเนี่ยที่ไม่ได้อ่านตอนตี2 (ตอนนี้ 5 โมงเย็นค่ะ อยู่คนเดียวด้วยพี่)

ไปอ่านเจอแล้วไม่อยากกลัวคนเดียวล่ะสิพี่
^____^ เอานิสัยตัวเองมาวัดน่ะค่ะ -__-'

ทำให้คิดถึงความหลังตอนสอบเอ็นท์ ที่ม.บูรพา ดีนะ ที่คนที่เจอไม่ใช่เรา และดีอีกอ่ะแหละ ที่เจอวันสุดท้าย ไม่งั้น ความรู้กะขวัญวิ่งกระโปรงปลิวกลับบ้านไปแล้ว คงสอบตกแน่เลยเรา -__-"
โดยคุณ :s - [5:02:17  26 เม.ย. 2544]

ความคิดเห็นที่ 4
เช้าแล้ว เลยไม่กลัวเท่าไหร่ค่ะ ^_^
โดยคุณ :เฌอ - [7:11:24  26 เม.ย. 2544]

ความคิดเห็นที่ 5
หึหึ
โดยคุณ :picmee เกิดมาไม่ค่อยกลัวอะไร - [8:48:05  26 เม.ย. 2544]

ความคิดเห็นที่ 6
ดีนะที่เรามานั่งอ่านเอาตอนเช้า
โดยคุณ :ว่าน - [9:16:00  26 เม.ย. 2544]

ความคิดเห็นที่ 7
อ่ะ อ่านตอนค่ำ ๆ พอดี ..
สวดมนต์ สวดมนต์ คืนนี้สวดมนต์ .. -_-"
โดยคุณ :ปุ๊กปั๊กปุ้ยป้าย - [9:17:55  26 เม.ย. 2544]

ความคิดเห็นที่ 8
ดีนะที่อ่านตอนเช้า ไม่งั้นน่ะ บรื๋อออส์

@^o^@
โดยคุณ :นายละเมอ เพ้อพก - [9:44:03  26 เม.ย. 2544]

ความคิดเห็นที่ 9
ไอ้หยาาาา...
ระวังเวลาขับรถตอนดึกๆ..มองกระจกหลัง
แล้วจะมีผู้หญิงชุดขาวผมยาวยิ้มให้นะ..
........กึ๋ยยย.......
โดยคุณ :ม่อนฝ้าย - [9:56:39  26 เม.ย. 2544]

ความคิดเห็นที่ 10
คุณพี่คิงคะ ...
คุณพ่อ นั่งย่องย่องลงไปคุยกับลูก

มีข้อสงสัยอยากถามว่า...นั่งย่องย่อง...ท่านั่งมันเป็นอย่างไรหรือ เคยเห็นแต่นั่งยองยอง และเดินย่องย่อง...

อิอิ เรื่องผีน่ากลัวจังเยย
โดยคุณ :ช้างย้อย - [11:31:46  26 เม.ย. 2544]

ความคิดเห็นที่ 11
ช้างย้อย จอมจับผิด
โดยคุณ :picmee - [11:48:01  26 เม.ย. 2544]

ความคิดเห็นที่ 12
เค้าเปล่านะหนูปิ๊ก...
ก็ตัวหนังสือมันกระเด้งมาแตะตาเค้าเองนี่นา
โดยคุณ :ช้างน้อยร้อนจนเหงื่อไหลไครย้อย - [12:41:15  26 เม.ย. 2544]

ความคิดเห็นที่ 13
แล้วมัน
ตะตา
หรือ
ตะตากันแน่ะล่ะ
โดยคุณ :picmee จับผิดบ้าง ^^ - [13:01:46  26 เม.ย. 2544]

ความคิดเห็นที่ 14
แล้วมันแน่ล่ะ
หรือแน่ะละ...กันแน่ล่ะ...อิอิ

มันแตะตาจริงจริงนะ
โดยคุณ :ช้างน้อยไม่ยอมให้จับ ^___^ - [13:51:53  26 เม.ย. 2544]

ความคิดเห็นที่ 15
อ้าว พลาดจนได้

มัวเอาสมองไปอยู่กับการพยายามทำไอ้สีสวยๆ นั่น

เลยโดนซะเลย 1 ดอก

ว้า
โดยคุณ :picmee - [14:12:03  26 เม.ย. 2544]

ความคิดเห็นที่ 16
พี่คิง......เล่นดึกจังเลยนะ.....แถมเล่าเรื่องน่ากลัวอีก
โดยคุณ :JuLaJuP :P - [15:07:14  26 เม.ย. 2544]

ความคิดเห็นที่ 17
เอ... หรือพี่คิงจะเปลี่ยน
ไปเอาดีทางด้านเล่าเรื่องผีแทนถ่ายภาพ

^o^
โดยคุณ :เป็ดขาว - [17:56:17  26 เม.ย. 2544]

ความคิดเห็นที่ 18
อุอุ บรื๋ออออ
โดยคุณ :ใบหม่อน - [19:17:06  26 เม.ย. 2544]

ความคิดเห็นที่ 19
โอยยยยย....ไม่กล้าอ่าน ไว้กลางวันแสก ๆ ค่อยมาอ่านใหม่แล้วกันนะคะ กลัว กลัว
โดยคุณ :หมูตุ้ม - [21:29:10  26 เม.ย. 2544]

ความคิดเห็นที่ 20
คือ เรื่องทั้งหมด ผมไปอ่านที่ www.i-nidnoi.com
แล้วพออ่านเสร็จ รู้สึกว่า เส้นผมแถวปลายท้ายทอยมกันตั้งขึ้นมา
เลยอยากรู้ว่า จะมีใครเป็นเหมือนผมบ้าง
ส่วนที่พิมพ์ผิด เกิดจากต้นฉบับ เพราะผมเอามาแปะเฉย ๆ
โดยคุณ :KING - [23:06:54  26 เม.ย. 2544]

ความคิดเห็นที่ 21
หยอง ๆ
โดยคุณ :gem_ - [23:42:13  26 เม.ย. 2544]

ความคิดเห็นที่ 22
ได้ยินเรื่องผีแล้วก็ต้อง โฮ่ง ..โฮ่งโบ๊ววววววววววว
โดยคุณ :เชาเชา - [1:03:29  27 เม.ย. 2544]

ความคิดเห็นที่ 23
หลอนมากเลยค่ะพี่คิง....
โชคดีที่อ่านตอนวัน ๆนะ
โดยคุณ :Oat - [11:10:43  27 เม.ย. 2544]

ความคิดเห็นที่ 24
เสียวหลังวูบเลย มีบ้านอยู่แถวตากสินเหมือนกัน *๐*
โดยคุณ :SimonSay - [22:00:53  27 เม.ย. 2544]

ความคิดเห็นที่ 25
เป็นเรื่องยากที่จะอธิบายได้
โดยคุณ :น้องเบญค่ะ - [16:53:32  7 ส.ค. 2549]

ความคิดเห็นที่ 26
ผมกลัวมากเลยทึงผมจะอ่านตอนเช้าก็เหอะ                     หือ........................................................................หือ........................................................................
โดยคุณ :โอม - [8:18:16  15 มี.ค. 2550]

ความคิดเห็นที่ 27
น่ากลัวมากเลยคับ
โดยคุณ :เบลล์ - [9:45:03  12 ก.ค. 2550]

ความคิดเห็นที่ 28
น่ากลัวอะนะ
โดยคุณ :องอิน - [14:15:55  16 ก.ย. 2550]

ความคิดเห็นที่ 29
ไม่เห็นกลัวเลยค่ะก็อีแค่ผี.......................แต่อ่านแล้วขนลุก
โดยคุณ :แป้ง - [11:34:26  30 พ.ย. 2550]

ความคิดเห็นที่ 30
ก้อ น่ากลัว ดี อ่ะ ++++ *-*
โดยคุณ :อือ - [16:51:40  28 มี.ค. 2551]

ความคิดเห็นที่ 31
คราย อาว มา หั้ย อ่าน

ระ วัง นะ จา โดน

เตะ 5555

อ่าน กาง คืน ด้วย

กัว อ่ะ แงๆๆ

ทาม มาย ถืง ทาม กะ ชั้น ด้าย

คน เอา มา ขอ หั้ย หล่อ ๆ

นะ คร๊า
โดยคุณ :สIวiปรี้EวสุOIIสU - [18:56:20  21 ต.ค. 2551]

ความคิดเห็นที่ 32
ระ วัง !!!!!

มัน จะ มา

โดย มะ รุ ตัว

โดยคุณ :สIวIปรี้EวสุOIIสU - [18:59:32  21 ต.ค. 2551]

ความคิดเห็นที่ 33
 คืนวันนั้น...

ผมกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต วัยเพียง 15 ปี

ทำให้ผมนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน

สักพักผมก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน

ยายคว้ามือผมไว้

มือเ!่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก

สายตายายดุดัน แต่เหม่อลอย

มองหน้าผม เหมือนไม่ได้มอง

ผมนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา

แล้วฟังเรื่องเล่าจากปากยาย

ยายเล่าว่า...

สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย

ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว ฝรั่ง มะม่วงในสวน มาบนเจ้าที่

ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็กๆในบ้านไปอยู่ด้วย

ยายถามผมว่า...

ถ้ายายตายไปแล้วกลับมารับผม

ให้ไปอยู่ในโลกอีกโลกด้วย

ผมจะไปกับแกไหม?

ผมหัวเราะในความงมงาย

คนแก่ก็อย่างนี้

พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ

แล้วผมก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน

ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...

อีก 7 วันต่อ มาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด

กลางดึกคืนสุดท้าย

ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน

ปากตะโกนเสียงแหบว่า...

ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ ไป

แล้วก็หวีดร้องเหมือนปีศาจ

ทำให้พ่อกับแม่ของผมตกใจ

ต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่

บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ

และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง

หลังจากห่มผ้าให้ยายแล้ว

ผมก็นอนอยู่ข้าง ๆ

ตัวแกสั่นกุกกัก

ลองหันไปดู

ตาแกลืมโพลง

น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปากตอนนอน

ตัวเย็นชืด

ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ

ยายก็ไม่ตอบสนอง

ทุกคนรีบมาดูอาการ

แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว

หลังคืนสวดศพ 3 วัน

ผมนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน

ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้าน เย็นสบาย

กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ

แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน

น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกผมขณะนอนหงาย

เสียงแหบแห้ง

ของยายถามผมช้าๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง

ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม

ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ

กระท่อนกระแท่นเต็มที

เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง

น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ

น้ำหนักยายคงไม่เกิน

45 กิโล

แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้

ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว

กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว

ผมขอร้องยายว่า...

อย่าเอาผมไปเลย

ให้เวลาอีกนิด

รอให้ผมสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ

เสียงยายหัวเราะข้างหู

ผมขนลุกซู่ทั่วตัว

กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง

แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อย

ยายหัวเราะ หมายถึงว่าตกลง...

เวลาผ่านไปสองปี

การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง

หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน

ผมลืมเรื่องยายไปเสียสนิท

มาเมื่อคืนวาน ผมปิดไฟนอน

หลับตาสวดมนต์สามคาบ

แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ

พอลืมตามองเพดาน



ในห้องมืด...

หางตาผมก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้างๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต

ผมแทบเป็นบ้า

ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง

ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง

น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ

เปรอะที่นอนเต็มไปหมด

กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง

คราวนี้ยายเอาจริงแน่

ผมไม่ไปกับยายหรอก"

ผมส่ายหัว

มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ยายนั่งนิ่ง

ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองผมอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ

ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก

เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกผมบนเตียง

มือเ!่ยวงุ้มบีบคอ

และพยายามล้วงเข้าไปในปากผม

เรี่ยวแรงเหมือนผีสิง

ผมแทบสู้แกไม่ไหว

ยายเอาคนที่มาอ่านกระทู้นี้ไปแทนผมได้ไหม"

ผมเอ่ยถามทางดวงจิต

"....................." แกนิ่งเงียบ

ยายเอาตัวเพื่อนผมที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ไปนะ

ถ้าอ่านแล้ว

ตอนกลางคืนเค้านอนหลับ

ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน

กินวิญญาณเค้าเลยนะ

ยาย."

เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูผม...

ยาวและนาน เหมือนกับว่าสะใจ

ในข้อเสนอ  
โดย: [0 3] ( IP )  

--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 9
  ก่อนจะหายตัวไป...

บรื๋ออออออออออ.....

ถ้าอ่านแล้วกรุณาส่งต่อให้ได้ 7 ฉบับไม่อย่างงันยายของผมจะมารับคุณไปภายใน 7 วัน
โดย: อย่ารู้ก้อไปถามยายผมสิคับ [16 เม.ย. 51 16:40] ( IP A:124.121.136.209 X: )  
โดยคุณ :พพ - [9:43:49  1 ต.ค. 2552]

ความคิดเห็นที่ 34
 คืนวันนั้น...

ผมกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต วัยเพียง 15 ปี

ทำให้ผมนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน

สักพักผมก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน

ยายคว้ามือผมไว้

มือเ!่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก

สายตายายดุดัน แต่เหม่อลอย

มองหน้าผม เหมือนไม่ได้มอง

ผมนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา

แล้วฟังเรื่องเล่าจากปากยาย

ยายเล่าว่า...

สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย

ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว ฝรั่ง มะม่วงในสวน มาบนเจ้าที่

ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็กๆในบ้านไปอยู่ด้วย

ยายถามผมว่า...

ถ้ายายตายไปแล้วกลับมารับผม

ให้ไปอยู่ในโลกอีกโลกด้วย

ผมจะไปกับแกไหม?

ผมหัวเราะในความงมงาย

คนแก่ก็อย่างนี้

พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ

แล้วผมก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน

ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...

อีก 7 วันต่อ มาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด

กลางดึกคืนสุดท้าย

ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน

ปากตะโกนเสียงแหบว่า...

ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ ไป

แล้วก็หวีดร้องเหมือนปีศาจ

ทำให้พ่อกับแม่ของผมตกใจ

ต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่

บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ

และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง

หลังจากห่มผ้าให้ยายแล้ว

ผมก็นอนอยู่ข้าง ๆ

ตัวแกสั่นกุกกัก

ลองหันไปดู

ตาแกลืมโพลง

น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปากตอนนอน

ตัวเย็นชืด

ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ

ยายก็ไม่ตอบสนอง

ทุกคนรีบมาดูอาการ

แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว

หลังคืนสวดศพ 3 วัน

ผมนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน

ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้าน เย็นสบาย

กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ

แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน

น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกผมขณะนอนหงาย

เสียงแหบแห้ง

ของยายถามผมช้าๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง

ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม

ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ

กระท่อนกระแท่นเต็มที

เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง

น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ

น้ำหนักยายคงไม่เกิน

45 กิโล

แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้

ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว

กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว

ผมขอร้องยายว่า...

อย่าเอาผมไปเลย

ให้เวลาอีกนิด

รอให้ผมสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ

เสียงยายหัวเราะข้างหู

ผมขนลุกซู่ทั่วตัว

กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง

แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อย

ยายหัวเราะ หมายถึงว่าตกลง...

เวลาผ่านไปสองปี

การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง

หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน

ผมลืมเรื่องยายไปเสียสนิท

มาเมื่อคืนวาน ผมปิดไฟนอน

หลับตาสวดมนต์สามคาบ

แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ

พอลืมตามองเพดาน



ในห้องมืด...

หางตาผมก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้างๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต

ผมแทบเป็นบ้า

ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง

ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง

น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ

เปรอะที่นอนเต็มไปหมด

กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง

คราวนี้ยายเอาจริงแน่

ผมไม่ไปกับยายหรอก"

ผมส่ายหัว

มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ยายนั่งนิ่ง

ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองผมอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ

ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก

เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกผมบนเตียง

มือเ!่ยวงุ้มบีบคอ

และพยายามล้วงเข้าไปในปากผม

เรี่ยวแรงเหมือนผีสิง

ผมแทบสู้แกไม่ไหว

ยายเอาคนที่มาอ่านกระทู้นี้ไปแทนผมได้ไหม"

ผมเอ่ยถามทางดวงจิต

"....................." แกนิ่งเงียบ

ยายเอาตัวเพื่อนผมที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ไปนะ

ถ้าอ่านแล้ว

ตอนกลางคืนเค้านอนหลับ

ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน

กินวิญญาณเค้าเลยนะ

ยาย."

เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูผม...

ยาวและนาน เหมือนกับว่าสะใจ

ในข้อเสนอ  
โดย: [0 3] ( IP )  

--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 9
  ก่อนจะหายตัวไป...

บรื๋ออออออออออ.....

ถ้าอ่านแล้วกรุณาส่งต่อให้ได้ 7 ฉบับไม่อย่างงันยายของผมจะมารับคุณไปภายใน 7 วัน
โดย: อย่ารู้ก้อไปถามยายผมสิคับ [16 เม.ย. 51 16:40] ( IP A:124.121.136.209 X: )  
โดยคุณ :c - [9:44:18  1 ต.ค. 2552]

ความคิดเห็นที่ 35
 คืนวันนั้น...

ผมกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต วัยเพียง 15 ปี

ทำให้ผมนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน

สักพักผมก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน

ยายคว้ามือผมไว้

มือเ!่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก

สายตายายดุดัน แต่เหม่อลอย

มองหน้าผม เหมือนไม่ได้มอง

ผมนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา

แล้วฟังเรื่องเล่าจากปากยาย

ยายเล่าว่า...

สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย

ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว ฝรั่ง มะม่วงในสวน มาบนเจ้าที่

ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็กๆในบ้านไปอยู่ด้วย

ยายถามผมว่า...

ถ้ายายตายไปแล้วกลับมารับผม

ให้ไปอยู่ในโลกอีกโลกด้วย

ผมจะไปกับแกไหม?

ผมหัวเราะในความงมงาย

คนแก่ก็อย่างนี้

พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ

แล้วผมก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน

ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...

อีก 7 วันต่อ มาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด

กลางดึกคืนสุดท้าย

ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน

ปากตะโกนเสียงแหบว่า...

ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ ไป

แล้วก็หวีดร้องเหมือนปีศาจ

ทำให้พ่อกับแม่ของผมตกใจ

ต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่

บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ

และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง

หลังจากห่มผ้าให้ยายแล้ว

ผมก็นอนอยู่ข้าง ๆ

ตัวแกสั่นกุกกัก

ลองหันไปดู

ตาแกลืมโพลง

น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปากตอนนอน

ตัวเย็นชืด

ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ

ยายก็ไม่ตอบสนอง

ทุกคนรีบมาดูอาการ

แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว

หลังคืนสวดศพ 3 วัน

ผมนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน

ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้าน เย็นสบาย

กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ

แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน

น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกผมขณะนอนหงาย

เสียงแหบแห้ง

ของยายถามผมช้าๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง

ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม

ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ

กระท่อนกระแท่นเต็มที

เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง

น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ

น้ำหนักยายคงไม่เกิน

45 กิโล

แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้

ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว

กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว

ผมขอร้องยายว่า...

อย่าเอาผมไปเลย

ให้เวลาอีกนิด

รอให้ผมสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ

เสียงยายหัวเราะข้างหู

ผมขนลุกซู่ทั่วตัว

กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง

แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อย

ยายหัวเราะ หมายถึงว่าตกลง...

เวลาผ่านไปสองปี

การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง

หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน

ผมลืมเรื่องยายไปเสียสนิท

มาเมื่อคืนวาน ผมปิดไฟนอน

หลับตาสวดมนต์สามคาบ

แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ

พอลืมตามองเพดาน



ในห้องมืด...

หางตาผมก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้างๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต

ผมแทบเป็นบ้า

ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง

ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง

น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ

เปรอะที่นอนเต็มไปหมด

กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง

คราวนี้ยายเอาจริงแน่

ผมไม่ไปกับยายหรอก"

ผมส่ายหัว

มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ยายนั่งนิ่ง

ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองผมอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ

ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก

เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกผมบนเตียง

มือเ!่ยวงุ้มบีบคอ

และพยายามล้วงเข้าไปในปากผม

เรี่ยวแรงเหมือนผีสิง

ผมแทบสู้แกไม่ไหว

ยายเอาคนที่มาอ่านกระทู้นี้ไปแทนผมได้ไหม"

ผมเอ่ยถามทางดวงจิต

"....................." แกนิ่งเงียบ

ยายเอาตัวเพื่อนผมที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ไปนะ

ถ้าอ่านแล้ว

ตอนกลางคืนเค้านอนหลับ

ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน

กินวิญญาณเค้าเลยนะ

ยาย."

เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูผม...

ยาวและนาน เหมือนกับว่าสะใจ

ในข้อเสนอ  
โดย: [0 3] ( IP )  

--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 9
  ก่อนจะหายตัวไป...

บรื๋ออออออออออ.....

ถ้าอ่านแล้วกรุณาส่งต่อให้ได้ 7 ฉบับไม่อย่างงันยายของผมจะมารับคุณไปภายใน 7 วัน
โดย: อย่ารู้ก้อไปถามยายผมสิคับ [16 เม.ย. 51 16:40] ( IP A:124.121.136.209 X: )  
โดยคุณ :a - [9:44:42  1 ต.ค. 2552]

ความคิดเห็นที่ 36
 คืนวันนั้น...

ผมกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต วัยเพียง 15 ปี

ทำให้ผมนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน

สักพักผมก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน

ยายคว้ามือผมไว้

มือเ!่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก

สายตายายดุดัน แต่เหม่อลอย

มองหน้าผม เหมือนไม่ได้มอง

ผมนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา

แล้วฟังเรื่องเล่าจากปากยาย

ยายเล่าว่า...

สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย

ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว ฝรั่ง มะม่วงในสวน มาบนเจ้าที่

ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็กๆในบ้านไปอยู่ด้วย

ยายถามผมว่า...

ถ้ายายตายไปแล้วกลับมารับผม

ให้ไปอยู่ในโลกอีกโลกด้วย

ผมจะไปกับแกไหม?

ผมหัวเราะในความงมงาย

คนแก่ก็อย่างนี้

พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ

แล้วผมก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน

ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...

อีก 7 วันต่อ มาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด

กลางดึกคืนสุดท้าย

ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน

ปากตะโกนเสียงแหบว่า...

ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ ไป

แล้วก็หวีดร้องเหมือนปีศาจ

ทำให้พ่อกับแม่ของผมตกใจ

ต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่

บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ

และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง

หลังจากห่มผ้าให้ยายแล้ว

ผมก็นอนอยู่ข้าง ๆ

ตัวแกสั่นกุกกัก

ลองหันไปดู

ตาแกลืมโพลง

น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปากตอนนอน

ตัวเย็นชืด

ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ

ยายก็ไม่ตอบสนอง

ทุกคนรีบมาดูอาการ

แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว

หลังคืนสวดศพ 3 วัน

ผมนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน

ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้าน เย็นสบาย

กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ

แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน

น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกผมขณะนอนหงาย

เสียงแหบแห้ง

ของยายถามผมช้าๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง

ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม

ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ

กระท่อนกระแท่นเต็มที

เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง

น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ

น้ำหนักยายคงไม่เกิน

45 กิโล

แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้

ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว

กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว

ผมขอร้องยายว่า...

อย่าเอาผมไปเลย

ให้เวลาอีกนิด

รอให้ผมสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ

เสียงยายหัวเราะข้างหู

ผมขนลุกซู่ทั่วตัว

กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง

แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อย

ยายหัวเราะ หมายถึงว่าตกลง...

เวลาผ่านไปสองปี

การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง

หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน

ผมลืมเรื่องยายไปเสียสนิท

มาเมื่อคืนวาน ผมปิดไฟนอน

หลับตาสวดมนต์สามคาบ

แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ

พอลืมตามองเพดาน



ในห้องมืด...

หางตาผมก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้างๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต

ผมแทบเป็นบ้า

ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง

ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง

น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ

เปรอะที่นอนเต็มไปหมด

กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง

คราวนี้ยายเอาจริงแน่

ผมไม่ไปกับยายหรอก"

ผมส่ายหัว

มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ยายนั่งนิ่ง

ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองผมอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ

ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก

เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกผมบนเตียง

มือเ!่ยวงุ้มบีบคอ

และพยายามล้วงเข้าไปในปากผม

เรี่ยวแรงเหมือนผีสิง

ผมแทบสู้แกไม่ไหว

ยายเอาคนที่มาอ่านกระทู้นี้ไปแทนผมได้ไหม"

ผมเอ่ยถามทางดวงจิต

"....................." แกนิ่งเงียบ

ยายเอาตัวเพื่อนผมที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ไปนะ

ถ้าอ่านแล้ว

ตอนกลางคืนเค้านอนหลับ

ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน

กินวิญญาณเค้าเลยนะ

ยาย."

เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูผม...

ยาวและนาน เหมือนกับว่าสะใจ

ในข้อเสนอ  
โดย: [0 3] ( IP )  

--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 9
  ก่อนจะหายตัวไป...

บรื๋ออออออออออ.....

ถ้าอ่านแล้วกรุณาส่งต่อให้ได้ 7 ฉบับไม่อย่างงันยายของผมจะมารับคุณไปภายใน 7 วัน
โดย: อย่ารู้ก้อไปถามยายผมสิคับ [16 เม.ย. 51 16:40] ( IP A:124.121.136.209 X: )  
โดยคุณ :a - [9:45:09  1 ต.ค. 2552]

ความคิดเห็นที่ 37
 คืนวันนั้น...

ผมกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต วัยเพียง 15 ปี

ทำให้ผมนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน

สักพักผมก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน

ยายคว้ามือผมไว้

มือเ!่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก

สายตายายดุดัน แต่เหม่อลอย

มองหน้าผม เหมือนไม่ได้มอง

ผมนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา

แล้วฟังเรื่องเล่าจากปากยาย

ยายเล่าว่า...

สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย

ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว ฝรั่ง มะม่วงในสวน มาบนเจ้าที่

ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็กๆในบ้านไปอยู่ด้วย

ยายถามผมว่า...

ถ้ายายตายไปแล้วกลับมารับผม

ให้ไปอยู่ในโลกอีกโลกด้วย

ผมจะไปกับแกไหม?

ผมหัวเราะในความงมงาย

คนแก่ก็อย่างนี้

พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ

แล้วผมก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน

ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...

อีก 7 วันต่อ มาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด

กลางดึกคืนสุดท้าย

ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน

ปากตะโกนเสียงแหบว่า...

ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ ไป

แล้วก็หวีดร้องเหมือนปีศาจ

ทำให้พ่อกับแม่ของผมตกใจ

ต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่

บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ

และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง

หลังจากห่มผ้าให้ยายแล้ว

ผมก็นอนอยู่ข้าง ๆ

ตัวแกสั่นกุกกัก

ลองหันไปดู

ตาแกลืมโพลง

น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปากตอนนอน

ตัวเย็นชืด

ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ

ยายก็ไม่ตอบสนอง

ทุกคนรีบมาดูอาการ

แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว

หลังคืนสวดศพ 3 วัน

ผมนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน

ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้าน เย็นสบาย

กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ

แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน

น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกผมขณะนอนหงาย

เสียงแหบแห้ง

ของยายถามผมช้าๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง

ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม

ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ

กระท่อนกระแท่นเต็มที

เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง

น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ

น้ำหนักยายคงไม่เกิน

45 กิโล

แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้

ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว

กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว

ผมขอร้องยายว่า...

อย่าเอาผมไปเลย

ให้เวลาอีกนิด

รอให้ผมสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ

เสียงยายหัวเราะข้างหู

ผมขนลุกซู่ทั่วตัว

กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง

แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อย

ยายหัวเราะ หมายถึงว่าตกลง...

เวลาผ่านไปสองปี

การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง

หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน

ผมลืมเรื่องยายไปเสียสนิท

มาเมื่อคืนวาน ผมปิดไฟนอน

หลับตาสวดมนต์สามคาบ

แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ

พอลืมตามองเพดาน



ในห้องมืด...

หางตาผมก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้างๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต

ผมแทบเป็นบ้า

ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง

ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง

น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ

เปรอะที่นอนเต็มไปหมด

กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง

คราวนี้ยายเอาจริงแน่

ผมไม่ไปกับยายหรอก"

ผมส่ายหัว

มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ยายนั่งนิ่ง

ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองผมอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ

ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก

เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกผมบนเตียง

มือเ!่ยวงุ้มบีบคอ

และพยายามล้วงเข้าไปในปากผม

เรี่ยวแรงเหมือนผีสิง

ผมแทบสู้แกไม่ไหว

ยายเอาคนที่มาอ่านกระทู้นี้ไปแทนผมได้ไหม"

ผมเอ่ยถามทางดวงจิต

"....................." แกนิ่งเงียบ

ยายเอาตัวเพื่อนผมที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ไปนะ

ถ้าอ่านแล้ว

ตอนกลางคืนเค้านอนหลับ

ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน

กินวิญญาณเค้าเลยนะ

ยาย."

เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูผม...

ยาวและนาน เหมือนกับว่าสะใจ

ในข้อเสนอ  
โดย: [0 3] ( IP )  

--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 9
  ก่อนจะหายตัวไป...

บรื๋ออออออออออ.....

ถ้าอ่านแล้วกรุณาส่งต่อให้ได้ 7 ฉบับไม่อย่างงันยายของผมจะมารับคุณไปภายใน 7 วัน
โดย: อย่ารู้ก้อไปถามยายผมสิคับ [16 เม.ย. 51 16:40] ( IP A:124.121.136.209 X: )  
โดยคุณ :a - [9:46:06  1 ต.ค. 2552]

ความคิดเห็นที่ 38
 คืนวันนั้น...

ผมกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต วัยเพียง 15 ปี

ทำให้ผมนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน

สักพักผมก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน

ยายคว้ามือผมไว้

มือเ!่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก

สายตายายดุดัน แต่เหม่อลอย

มองหน้าผม เหมือนไม่ได้มอง

ผมนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา

แล้วฟังเรื่องเล่าจากปากยาย

ยายเล่าว่า...

สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย

ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว ฝรั่ง มะม่วงในสวน มาบนเจ้าที่

ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็กๆในบ้านไปอยู่ด้วย

ยายถามผมว่า...

ถ้ายายตายไปแล้วกลับมารับผม

ให้ไปอยู่ในโลกอีกโลกด้วย

ผมจะไปกับแกไหม?

ผมหัวเราะในความงมงาย

คนแก่ก็อย่างนี้

พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ

แล้วผมก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน

ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...

อีก 7 วันต่อ มาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด

กลางดึกคืนสุดท้าย

ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน

ปากตะโกนเสียงแหบว่า...

ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ ไป

แล้วก็หวีดร้องเหมือนปีศาจ

ทำให้พ่อกับแม่ของผมตกใจ

ต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่

บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ

และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง

หลังจากห่มผ้าให้ยายแล้ว

ผมก็นอนอยู่ข้าง ๆ

ตัวแกสั่นกุกกัก

ลองหันไปดู

ตาแกลืมโพลง

น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปากตอนนอน

ตัวเย็นชืด

ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ

ยายก็ไม่ตอบสนอง

ทุกคนรีบมาดูอาการ

แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว

หลังคืนสวดศพ 3 วัน

ผมนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน

ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้าน เย็นสบาย

กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ

แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน

น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกผมขณะนอนหงาย

เสียงแหบแห้ง

ของยายถามผมช้าๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง

ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม

ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ

กระท่อนกระแท่นเต็มที

เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง

น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ

น้ำหนักยายคงไม่เกิน

45 กิโล

แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้

ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว

กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว

ผมขอร้องยายว่า...

อย่าเอาผมไปเลย

ให้เวลาอีกนิด

รอให้ผมสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ

เสียงยายหัวเราะข้างหู

ผมขนลุกซู่ทั่วตัว

กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง

แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อย

ยายหัวเราะ หมายถึงว่าตกลง...

เวลาผ่านไปสองปี

การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง

หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน

ผมลืมเรื่องยายไปเสียสนิท

มาเมื่อคืนวาน ผมปิดไฟนอน

หลับตาสวดมนต์สามคาบ

แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ

พอลืมตามองเพดาน



ในห้องมืด...

หางตาผมก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้างๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต

ผมแทบเป็นบ้า

ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง

ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง

น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ

เปรอะที่นอนเต็มไปหมด

กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง

คราวนี้ยายเอาจริงแน่

ผมไม่ไปกับยายหรอก"

ผมส่ายหัว

มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ยายนั่งนิ่ง

ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองผมอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ

ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก

เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกผมบนเตียง

มือเ!่ยวงุ้มบีบคอ

และพยายามล้วงเข้าไปในปากผม

เรี่ยวแรงเหมือนผีสิง

ผมแทบสู้แกไม่ไหว

ยายเอาคนที่มาอ่านกระทู้นี้ไปแทนผมได้ไหม"

ผมเอ่ยถามทางดวงจิต

"....................." แกนิ่งเงียบ

ยายเอาตัวเพื่อนผมที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ไปนะ

ถ้าอ่านแล้ว

ตอนกลางคืนเค้านอนหลับ

ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน

กินวิญญาณเค้าเลยนะ

ยาย."

เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูผม...

ยาวและนาน เหมือนกับว่าสะใจ

ในข้อเสนอ  
โดย: [0 3] ( IP )  

--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 9
  ก่อนจะหายตัวไป...

บรื๋ออออออออออ.....

ถ้าอ่านแล้วกรุณาส่งต่อให้ได้ 7 ฉบับไม่อย่างงันยายของผมจะมารับคุณไปภายใน 7 วัน
โดย: อย่ารู้ก้อไปถามยายผมสิคับ [16 เม.ย. 51 16:40] ( IP A:124.121.136.209 X: )  
โดยคุณ :a - [9:46:21  1 ต.ค. 2552]

ความคิดเห็นที่ 39
 คืนวันนั้น...

ผมกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต วัยเพียง 15 ปี

ทำให้ผมนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน

สักพักผมก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน

ยายคว้ามือผมไว้

มือเ!่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก

สายตายายดุดัน แต่เหม่อลอย

มองหน้าผม เหมือนไม่ได้มอง

ผมนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา

แล้วฟังเรื่องเล่าจากปากยาย

ยายเล่าว่า...

สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย

ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว ฝรั่ง มะม่วงในสวน มาบนเจ้าที่

ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็กๆในบ้านไปอยู่ด้วย

ยายถามผมว่า...

ถ้ายายตายไปแล้วกลับมารับผม

ให้ไปอยู่ในโลกอีกโลกด้วย

ผมจะไปกับแกไหม?

ผมหัวเราะในความงมงาย

คนแก่ก็อย่างนี้

พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ

แล้วผมก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน

ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...

อีก 7 วันต่อ มาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด

กลางดึกคืนสุดท้าย

ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน

ปากตะโกนเสียงแหบว่า...

ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ ไป

แล้วก็หวีดร้องเหมือนปีศาจ

ทำให้พ่อกับแม่ของผมตกใจ

ต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่

บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ

และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง

หลังจากห่มผ้าให้ยายแล้ว

ผมก็นอนอยู่ข้าง ๆ

ตัวแกสั่นกุกกัก

ลองหันไปดู

ตาแกลืมโพลง

น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปากตอนนอน

ตัวเย็นชืด

ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ

ยายก็ไม่ตอบสนอง

ทุกคนรีบมาดูอาการ

แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว

หลังคืนสวดศพ 3 วัน

ผมนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน

ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้าน เย็นสบาย

กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ

แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน

น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกผมขณะนอนหงาย

เสียงแหบแห้ง

ของยายถามผมช้าๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง

ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม

ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ

กระท่อนกระแท่นเต็มที

เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง

น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ

น้ำหนักยายคงไม่เกิน

45 กิโล

แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้

ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว

กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว

ผมขอร้องยายว่า...

อย่าเอาผมไปเลย

ให้เวลาอีกนิด

รอให้ผมสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ

เสียงยายหัวเราะข้างหู

ผมขนลุกซู่ทั่วตัว

กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง

แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อย

ยายหัวเราะ หมายถึงว่าตกลง...

เวลาผ่านไปสองปี

การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง

หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน

ผมลืมเรื่องยายไปเสียสนิท

มาเมื่อคืนวาน ผมปิดไฟนอน

หลับตาสวดมนต์สามคาบ

แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ

พอลืมตามองเพดาน



ในห้องมืด...

หางตาผมก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้างๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต

ผมแทบเป็นบ้า

ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง

ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง

น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ

เปรอะที่นอนเต็มไปหมด

กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง

คราวนี้ยายเอาจริงแน่

ผมไม่ไปกับยายหรอก"

ผมส่ายหัว

มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ยายนั่งนิ่ง

ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองผมอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ

ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก

เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกผมบนเตียง

มือเ!่ยวงุ้มบีบคอ

และพยายามล้วงเข้าไปในปากผม

เรี่ยวแรงเหมือนผีสิง

ผมแทบสู้แกไม่ไหว

ยายเอาคนที่มาอ่านกระทู้นี้ไปแทนผมได้ไหม"

ผมเอ่ยถามทางดวงจิต

"....................." แกนิ่งเงียบ

ยายเอาตัวเพื่อนผมที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ไปนะ

ถ้าอ่านแล้ว

ตอนกลางคืนเค้านอนหลับ

ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน

กินวิญญาณเค้าเลยนะ

ยาย."

เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูผม...

ยาวและนาน เหมือนกับว่าสะใจ

ในข้อเสนอ  
โดย: [0 3] ( IP )  

--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 9
  ก่อนจะหายตัวไป...

บรื๋ออออออออออ.....

ถ้าอ่านแล้วกรุณาส่งต่อให้ได้ 7 ฉบับไม่อย่างงันยายของผมจะมารับคุณไปภายใน 7 วัน
โดย: อย่ารู้ก้อไปถามยายผมสิคับ [16 เม.ย. 51 16:40] ( IP A:124.121.136.209 X: )  
โดยคุณ :a - [9:46:36  1 ต.ค. 2552]

ความคิดเห็นที่ 40
เป็น เรื่องจริงที่เกิดขึ้นกับเด็กคนนึงใน
จ. พิษณุโลก เด็กคนนี้ชื่อนิ้งเป็นเด็กนัก
เรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ สาม วันนั้นเป็น
วันสอบซ่อม นิ้งได้มาที่ รร เพื่อที่จะ
สอบซ่อม ระหว่างที่รอเพื่อน ๆ อยู่นั้น
นิ้ง ก้อเหลือบไปเห็นสิ่ง ๆ หนี่ง เขาเดิน
เข้าไปใกล้ ๆ กับสิ่ง ๆ นั้น มันคือกล่อง
ใส่กระดาษกล่องหนึ่ง นิ้งนั้นไม่รู้ว่าใน
นั้นมีอะไร แต่เขาก้อได้เก็บกล่องนั้นไป
หลังจากที่เขาสอบซ่อมเสร็จแล้ว นิ้ง
และเพื่อน ๆ ก้อกลับบ้านทันที พวกเขา
อยากรู้ว่าในกล่องนั้นมีอะไรซ่อนอยู่ ตก
กลางคืนนิ้งและเพื่อน ๆ ก้อไปสนาม เตะ
เล่นและเปิดกล่อง ๆ นั้น ข้างในกล่องมี
กระดาษสีดำเขียนอยู่หนึ่งแผ่น ใน
กระดาษแผ่นนั้นเขียนไว้ว่า * สวัสดี เรา
ชื่อ”เปลวเทียน”เป็นเด็กนักเรียนคนนึง
เราถูกฆาตกรโรคจิด ข่มขืนและค่าหมก
อยู่ในป่าแห่งหนี่ง ที่นั่นหนาวเหน็บไม่มี
แม้แต่เสียงหายใจของมนุษย์ เรา
พยายามร้องให้คนมาช่วยแต่ก้อไม่มีใคร
มา ตอนนี้เราเหงาเหลือเกิน จะมีใครมา
อยู่เป็นเพื่อนเราบ้างไหม ถ้าเทอไม่
อยากให้เราลากเทอมาอยู่เป็นเพื่อนกับ
เรา จากนี้ไปเป็นเวลา 7 ชั่วโมง ขอให้
เทอก็อปข้อความข้างบนนี้ ส่งต่อให้สื่อ
อะไรก้อได้ เป็นจำนวน 10 coppy แต่
ถ้าเธอไม่ทำตาม อีก 7 ชั่วโมงนี้ฉันจะ
ไปตามเทอมาอยู่เป็นเพื่อน * หลังจาก
ที่นิ้งได้อ่านนั้น เทอก้อไม่เชื่อ และคิดว่า
มีคนมาแกล้งเป็นเพียงแค่เรื่องไร้สาระ
และไม่ยอมทำตาม 7 ชั่วโมงให้หลัง นิ้ง
และเพื่อน ๆ ก้อตาย โดยที่ไม่มีสาเหตุ
**** เรื่องนี้เป็นเรื่องจริง จนถึงขณะนี้
หมอและตำรวจยังไม่สามารถรู้ได้ว่า เด็ก
เหล่านั้นตายได้เช่นไร _ ตอนนี้พวกเท
อได้อ่านกระทู้นี้ ก้อคงได้รับผลกระทบ
เหมือนกันหมด นั่นคือ เทอจะต้อง
copy ข้อความนี้เป็นจำนวน 10 copy
แต่ถ้าเทอไม่ทำตามที่เด็กคนนั้นขอ
เทอจะต้องไปอยู่เป็นเพื่อกับเด็กคนนั้น อีก
7 ชั่วโมงให้หลัง ขอให้พวกเทอทุกคน โชคดี ขอโทษนะครับผมก็





โดยคุณ :แมน - [13:31:43  3 เม.ย. 2553]

ความคิดเห็นที่ 41
คืนวันนั้น...

ผมกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต วัยเพียง 15 ปี

ทำให้ผมนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน

สักพักผมก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน

ยายคว้ามือผมไว้

มือเ!่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก

สายตายายดุดัน แต่เหม่อลอย

มองหน้าผม เหมือนไม่ได้มอง

ผมนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา

แล้วฟังเรื่องเล่าจากปากยาย

ยายเล่าว่า...

สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย

ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว ฝรั่ง มะม่วงในสวน มาบนเจ้าที่

ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็กๆในบ้านไปอยู่ด้วย

ยายถามผมว่า...

ถ้ายายตายไปแล้วกลับมารับผม

ให้ไปอยู่ในโลกอีกโลกด้วย

ผมจะไปกับแกไหม?

ผมหัวเราะในความงมงาย

คนแก่ก็อย่างนี้

พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ

แล้วผมก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน

ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...

อีก 7 วันต่อ มาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด

กลางดึกคืนสุดท้าย

ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน

ปากตะโกนเสียงแหบว่า...

ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ ไป

แล้วก็หวีดร้องเหมือนปีศาจ

ทำให้พ่อกับแม่ของผมตกใจ

ต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่

บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ

และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง

หลังจากห่มผ้าให้ยายแล้ว

ผมก็นอนอยู่ข้าง ๆ

ตัวแกสั่นกุกกัก

ลองหันไปดู

ตาแกลืมโพลง

น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปากตอนนอน

ตัวเย็นชืด

ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ

ยายก็ไม่ตอบสนอง

ทุกคนรีบมาดูอาการ

แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว

หลังคืนสวดศพ 3 วัน

ผมนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน

ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้าน เย็นสบาย

กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ

แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน

น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกผมขณะนอนหงาย

เสียงแหบแห้ง

ของยายถามผมช้าๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง

ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม

ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ

กระท่อนกระแท่นเต็มที

เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง

น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ

น้ำหนักยายคงไม่เกิน

45 กิโล

แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้

ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว

กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว

ผมขอร้องยายว่า...

อย่าเอาผมไปเลย

ให้เวลาอีกนิด

รอให้ผมสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ

เสียงยายหัวเราะข้างหู

ผมขนลุกซู่ทั่วตัว

กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง

แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อย

ยายหัวเราะ หมายถึงว่าตกลง...

เวลาผ่านไปสองปี

การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง

หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน

ผมลืมเรื่องยายไปเสียสนิท

มาเมื่อคืนวาน ผมปิดไฟนอน

หลับตาสวดมนต์สามคาบ

แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ

พอลืมตามองเพดาน



ในห้องมืด...

หางตาผมก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้างๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต

ผมแทบเป็นบ้า

ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง

ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง

น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ

เปรอะที่นอนเต็มไปหมด

กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง

คราวนี้ยายเอาจริงแน่

ผมไม่ไปกับยายหรอก"

ผมส่ายหัว

มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ยายนั่งนิ่ง

ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองผมอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ

ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก

เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกผมบนเตียง

มือเ!่ยวงุ้มบีบคอ

และพยายามล้วงเข้าไปในปากผม

เรี่ยวแรงเหมือนผีสิง

ผมแทบสู้แกไม่ไหว

ยายเอาคนที่มาอ่านกระทู้นี้ไปแทนผมได้ไหม"

ผมเอ่ยถามทางดวงจิต

"....................." แกนิ่งเงียบ

ยายเอาตัวเพื่อนผมที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ไปนะ

ถ้าอ่านแล้ว

ตอนกลางคืนเค้านอนหลับ

ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน

กินวิญญาณเค้าเลยนะ

ยาย."

เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูผม...

ยาวและนาน เหมือนกับว่าสะใจ
โดยคุณ :คน... - [20:30:01  7 ก.ย. 2553]

ความคิดเห็นที่ 42
คืนวันนั้น...

ผมกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต วัยเพียง 15 ปี

ทำให้ผมนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน

สักพักผมก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน

ยายคว้ามือผมไว้

มือเ!่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก

สายตายายดุดัน แต่เหม่อลอย

มองหน้าผม เหมือนไม่ได้มอง

ผมนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา

แล้วฟังเรื่องเล่าจากปากยาย

ยายเล่าว่า...

สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย

ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว ฝรั่ง มะม่วงในสวน มาบนเจ้าที่

ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็กๆในบ้านไปอยู่ด้วย

ยายถามผมว่า...

ถ้ายายตายไปแล้วกลับมารับผม

ให้ไปอยู่ในโลกอีกโลกด้วย

ผมจะไปกับแกไหม?

ผมหัวเราะในความงมงาย

คนแก่ก็อย่างนี้

พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ

แล้วผมก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน

ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...

อีก 7 วันต่อ มาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด

กลางดึกคืนสุดท้าย

ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน

ปากตะโกนเสียงแหบว่า...

ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ ไป

แล้วก็หวีดร้องเหมือนปีศาจ

ทำให้พ่อกับแม่ของผมตกใจ

ต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่

บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ

และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง

หลังจากห่มผ้าให้ยายแล้ว

ผมก็นอนอยู่ข้าง ๆ

ตัวแกสั่นกุกกัก

ลองหันไปดู

ตาแกลืมโพลง

น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปากตอนนอน

ตัวเย็นชืด

ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ

ยายก็ไม่ตอบสนอง

ทุกคนรีบมาดูอาการ

แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว

หลังคืนสวดศพ 3 วัน

ผมนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน

ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้าน เย็นสบาย

กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ

แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน

น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกผมขณะนอนหงาย

เสียงแหบแห้ง

ของยายถามผมช้าๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง

ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม

ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ

กระท่อนกระแท่นเต็มที

เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง

น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ

น้ำหนักยายคงไม่เกิน

45 กิโล

แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้

ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว

กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว

ผมขอร้องยายว่า...

อย่าเอาผมไปเลย

ให้เวลาอีกนิด

รอให้ผมสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ

เสียงยายหัวเราะข้างหู

ผมขนลุกซู่ทั่วตัว

กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง

แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อย

ยายหัวเราะ หมายถึงว่าตกลง...

เวลาผ่านไปสองปี

การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง

หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน

ผมลืมเรื่องยายไปเสียสนิท

มาเมื่อคืนวาน ผมปิดไฟนอน

หลับตาสวดมนต์สามคาบ

แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ

พอลืมตามองเพดาน



ในห้องมืด...

หางตาผมก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้างๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต

ผมแทบเป็นบ้า

ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง

ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง

น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ

เปรอะที่นอนเต็มไปหมด

กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง

คราวนี้ยายเอาจริงแน่

ผมไม่ไปกับยายหรอก"

ผมส่ายหัว

มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ยายนั่งนิ่ง

ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองผมอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ

ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก

เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกผมบนเตียง

มือเ!่ยวงุ้มบีบคอ

และพยายามล้วงเข้าไปในปากผม

เรี่ยวแรงเหมือนผีสิง

ผมแทบสู้แกไม่ไหว

ยายเอาคนที่มาอ่านกระทู้นี้ไปแทนผมได้ไหม"

ผมเอ่ยถามทางดวงจิต

"....................." แกนิ่งเงียบ

ยายเอาตัวเพื่อนผมที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ไปนะ

ถ้าอ่านแล้ว

ตอนกลางคืนเค้านอนหลับ

ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน

กินวิญญาณเค้าเลยนะ

ยาย."

เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูผม...

ยาวและนาน เหมือนกับว่าสะใจ
โดยคุณ :1150 - [20:30:17  7 ก.ย. 2553]

ความคิดเห็นที่ 43
คืนวันนั้น...

ผมกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต วัยเพียง 15 ปี

ทำให้ผมนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน

สักพักผมก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน

ยายคว้ามือผมไว้

มือเ!่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก

สายตายายดุดัน แต่เหม่อลอย

มองหน้าผม เหมือนไม่ได้มอง

ผมนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา

แล้วฟังเรื่องเล่าจากปากยาย

ยายเล่าว่า...

สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย

ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว ฝรั่ง มะม่วงในสวน มาบนเจ้าที่

ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็กๆในบ้านไปอยู่ด้วย

ยายถามผมว่า...

ถ้ายายตายไปแล้วกลับมารับผม

ให้ไปอยู่ในโลกอีกโลกด้วย

ผมจะไปกับแกไหม?

ผมหัวเราะในความงมงาย

คนแก่ก็อย่างนี้

พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ

แล้วผมก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน

ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...

อีก 7 วันต่อ มาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด

กลางดึกคืนสุดท้าย

ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน

ปากตะโกนเสียงแหบว่า...

ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ ไป

แล้วก็หวีดร้องเหมือนปีศาจ

ทำให้พ่อกับแม่ของผมตกใจ

ต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่

บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ

และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง

หลังจากห่มผ้าให้ยายแล้ว

ผมก็นอนอยู่ข้าง ๆ

ตัวแกสั่นกุกกัก

ลองหันไปดู

ตาแกลืมโพลง

น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปากตอนนอน

ตัวเย็นชืด

ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ

ยายก็ไม่ตอบสนอง

ทุกคนรีบมาดูอาการ

แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว

หลังคืนสวดศพ 3 วัน

ผมนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน

ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้าน เย็นสบาย

กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ

แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน

น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกผมขณะนอนหงาย

เสียงแหบแห้ง

ของยายถามผมช้าๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง

ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม

ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ

กระท่อนกระแท่นเต็มที

เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง

น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ

น้ำหนักยายคงไม่เกิน

45 กิโล

แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้

ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว

กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว

ผมขอร้องยายว่า...

อย่าเอาผมไปเลย

ให้เวลาอีกนิด

รอให้ผมสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ

เสียงยายหัวเราะข้างหู

ผมขนลุกซู่ทั่วตัว

กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง

แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อย

ยายหัวเราะ หมายถึงว่าตกลง...

เวลาผ่านไปสองปี

การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง

หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน

ผมลืมเรื่องยายไปเสียสนิท

มาเมื่อคืนวาน ผมปิดไฟนอน

หลับตาสวดมนต์สามคาบ

แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ

พอลืมตามองเพดาน



ในห้องมืด...

หางตาผมก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้างๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต

ผมแทบเป็นบ้า

ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง

ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง

น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ

เปรอะที่นอนเต็มไปหมด

กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง

คราวนี้ยายเอาจริงแน่

ผมไม่ไปกับยายหรอก"

ผมส่ายหัว

มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ยายนั่งนิ่ง

ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองผมอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ

ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก

เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกผมบนเตียง

มือเ!่ยวงุ้มบีบคอ

และพยายามล้วงเข้าไปในปากผม

เรี่ยวแรงเหมือนผีสิง

ผมแทบสู้แกไม่ไหว

ยายเอาคนที่มาอ่านกระทู้นี้ไปแทนผมได้ไหม"

ผมเอ่ยถามทางดวงจิต

"....................." แกนิ่งเงียบ

ยายเอาตัวเพื่อนผมที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ไปนะ

ถ้าอ่านแล้ว

ตอนกลางคืนเค้านอนหลับ

ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน

กินวิญญาณเค้าเลยนะ

ยาย."

เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูผม...

ยาวและนาน เหมือนกับว่าสะใจ
โดยคุณ :000 - [20:30:29  7 ก.ย. 2553]

ความคิดเห็นที่ 44
คืนวันนั้น...

ผมกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต วัยเพียง 15 ปี

ทำให้ผมนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน

สักพักผมก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน

ยายคว้ามือผมไว้

มือเ!่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก

สายตายายดุดัน แต่เหม่อลอย

มองหน้าผม เหมือนไม่ได้มอง

ผมนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา

แล้วฟังเรื่องเล่าจากปากยาย

ยายเล่าว่า...

สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย

ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว ฝรั่ง มะม่วงในสวน มาบนเจ้าที่

ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็กๆในบ้านไปอยู่ด้วย

ยายถามผมว่า...

ถ้ายายตายไปแล้วกลับมารับผม

ให้ไปอยู่ในโลกอีกโลกด้วย

ผมจะไปกับแกไหม?

ผมหัวเราะในความงมงาย

คนแก่ก็อย่างนี้

พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ

แล้วผมก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน

ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...

อีก 7 วันต่อ มาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด

กลางดึกคืนสุดท้าย

ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน

ปากตะโกนเสียงแหบว่า...

ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ ไป

แล้วก็หวีดร้องเหมือนปีศาจ

ทำให้พ่อกับแม่ของผมตกใจ

ต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่

บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ

และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง

หลังจากห่มผ้าให้ยายแล้ว

ผมก็นอนอยู่ข้าง ๆ

ตัวแกสั่นกุกกัก

ลองหันไปดู

ตาแกลืมโพลง

น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปากตอนนอน

ตัวเย็นชืด

ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ

ยายก็ไม่ตอบสนอง

ทุกคนรีบมาดูอาการ

แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว

หลังคืนสวดศพ 3 วัน

ผมนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน

ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้าน เย็นสบาย

กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ

แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน

น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกผมขณะนอนหงาย

เสียงแหบแห้ง

ของยายถามผมช้าๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง

ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม

ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ

กระท่อนกระแท่นเต็มที

เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง

น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ

น้ำหนักยายคงไม่เกิน

45 กิโล

แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้

ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว

กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว

ผมขอร้องยายว่า...

อย่าเอาผมไปเลย

ให้เวลาอีกนิด

รอให้ผมสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ

เสียงยายหัวเราะข้างหู

ผมขนลุกซู่ทั่วตัว

กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง

แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อย

ยายหัวเราะ หมายถึงว่าตกลง...

เวลาผ่านไปสองปี

การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง

หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน

ผมลืมเรื่องยายไปเสียสนิท

มาเมื่อคืนวาน ผมปิดไฟนอน

หลับตาสวดมนต์สามคาบ

แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ

พอลืมตามองเพดาน



ในห้องมืด...

หางตาผมก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้างๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต

ผมแทบเป็นบ้า

ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง

ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง

น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ

เปรอะที่นอนเต็มไปหมด

กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง

คราวนี้ยายเอาจริงแน่

ผมไม่ไปกับยายหรอก"

ผมส่ายหัว

มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ยายนั่งนิ่ง

ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองผมอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ

ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก

เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกผมบนเตียง

มือเ!่ยวงุ้มบีบคอ

และพยายามล้วงเข้าไปในปากผม

เรี่ยวแรงเหมือนผีสิง

ผมแทบสู้แกไม่ไหว

ยายเอาคนที่มาอ่านกระทู้นี้ไปแทนผมได้ไหม"

ผมเอ่ยถามทางดวงจิต

"....................." แกนิ่งเงียบ

ยายเอาตัวเพื่อนผมที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ไปนะ

ถ้าอ่านแล้ว

ตอนกลางคืนเค้านอนหลับ

ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน

กินวิญญาณเค้าเลยนะ

ยาย."

เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูผม...

ยาวและนาน เหมือนกับว่าสะใจ
โดยคุณ :0000 - [20:30:42  7 ก.ย. 2553]

ความคิดเห็นที่ 45
คืนวันนั้น...

ผมกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต วัยเพียง 15 ปี

ทำให้ผมนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน

สักพักผมก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน

ยายคว้ามือผมไว้

มือเ!่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก

สายตายายดุดัน แต่เหม่อลอย

มองหน้าผม เหมือนไม่ได้มอง

ผมนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา

แล้วฟังเรื่องเล่าจากปากยาย

ยายเล่าว่า...

สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย

ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว ฝรั่ง มะม่วงในสวน มาบนเจ้าที่

ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็กๆในบ้านไปอยู่ด้วย

ยายถามผมว่า...

ถ้ายายตายไปแล้วกลับมารับผม

ให้ไปอยู่ในโลกอีกโลกด้วย

ผมจะไปกับแกไหม?

ผมหัวเราะในความงมงาย

คนแก่ก็อย่างนี้

พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ

แล้วผมก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน

ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...

อีก 7 วันต่อ มาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด

กลางดึกคืนสุดท้าย

ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน

ปากตะโกนเสียงแหบว่า...

ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ ไป

แล้วก็หวีดร้องเหมือนปีศาจ

ทำให้พ่อกับแม่ของผมตกใจ

ต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่

บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ

และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง

หลังจากห่มผ้าให้ยายแล้ว

ผมก็นอนอยู่ข้าง ๆ

ตัวแกสั่นกุกกัก

ลองหันไปดู

ตาแกลืมโพลง

น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปากตอนนอน

ตัวเย็นชืด

ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ

ยายก็ไม่ตอบสนอง

ทุกคนรีบมาดูอาการ

แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว

หลังคืนสวดศพ 3 วัน

ผมนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน

ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้าน เย็นสบาย

กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ

แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน

น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกผมขณะนอนหงาย

เสียงแหบแห้ง

ของยายถามผมช้าๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง

ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม

ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ

กระท่อนกระแท่นเต็มที

เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง

น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ

น้ำหนักยายคงไม่เกิน

45 กิโล

แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้

ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว

กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว

ผมขอร้องยายว่า...

อย่าเอาผมไปเลย

ให้เวลาอีกนิด

รอให้ผมสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ

เสียงยายหัวเราะข้างหู

ผมขนลุกซู่ทั่วตัว

กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง

แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อย

ยายหัวเราะ หมายถึงว่าตกลง...

เวลาผ่านไปสองปี

การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง

หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน

ผมลืมเรื่องยายไปเสียสนิท

มาเมื่อคืนวาน ผมปิดไฟนอน

หลับตาสวดมนต์สามคาบ

แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ

พอลืมตามองเพดาน



ในห้องมืด...

หางตาผมก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้างๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต

ผมแทบเป็นบ้า

ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง

ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง

น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ

เปรอะที่นอนเต็มไปหมด

กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง

คราวนี้ยายเอาจริงแน่

ผมไม่ไปกับยายหรอก"

ผมส่ายหัว

มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ยายนั่งนิ่ง

ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองผมอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ

ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก

เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกผมบนเตียง

มือเ!่ยวงุ้มบีบคอ

และพยายามล้วงเข้าไปในปากผม

เรี่ยวแรงเหมือนผีสิง

ผมแทบสู้แกไม่ไหว

ยายเอาคนที่มาอ่านกระทู้นี้ไปแทนผมได้ไหม"

ผมเอ่ยถามทางดวงจิต

"....................." แกนิ่งเงียบ

ยายเอาตัวเพื่อนผมที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ไปนะ

ถ้าอ่านแล้ว

ตอนกลางคืนเค้านอนหลับ

ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน

กินวิญญาณเค้าเลยนะ

ยาย."

เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูผม...

ยาวและนาน เหมือนกับว่าสะใจ
โดยคุณ :00000 - [20:30:53  7 ก.ย. 2553]

ความคิดเห็นที่ 46
คืนวันนั้น...

ผมกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต วัยเพียง 15 ปี

ทำให้ผมนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน

สักพักผมก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน

ยายคว้ามือผมไว้

มือเ!่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก

สายตายายดุดัน แต่เหม่อลอย

มองหน้าผม เหมือนไม่ได้มอง

ผมนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา

แล้วฟังเรื่องเล่าจากปากยาย

ยายเล่าว่า...

สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย

ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว ฝรั่ง มะม่วงในสวน มาบนเจ้าที่

ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็กๆในบ้านไปอยู่ด้วย

ยายถามผมว่า...

ถ้ายายตายไปแล้วกลับมารับผม

ให้ไปอยู่ในโลกอีกโลกด้วย

ผมจะไปกับแกไหม?

ผมหัวเราะในความงมงาย

คนแก่ก็อย่างนี้

พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ

แล้วผมก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน

ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...

อีก 7 วันต่อ มาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด

กลางดึกคืนสุดท้าย

ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน

ปากตะโกนเสียงแหบว่า...

ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ ไป

แล้วก็หวีดร้องเหมือนปีศาจ

ทำให้พ่อกับแม่ของผมตกใจ

ต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่

บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ

และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง

หลังจากห่มผ้าให้ยายแล้ว

ผมก็นอนอยู่ข้าง ๆ

ตัวแกสั่นกุกกัก

ลองหันไปดู

ตาแกลืมโพลง

น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปากตอนนอน

ตัวเย็นชืด

ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ

ยายก็ไม่ตอบสนอง

ทุกคนรีบมาดูอาการ

แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว

หลังคืนสวดศพ 3 วัน

ผมนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน

ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้าน เย็นสบาย

กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ

แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน

น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกผมขณะนอนหงาย

เสียงแหบแห้ง

ของยายถามผมช้าๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง

ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม

ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ

กระท่อนกระแท่นเต็มที

เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง

น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ

น้ำหนักยายคงไม่เกิน

45 กิโล

แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้

ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว

กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว

ผมขอร้องยายว่า...

อย่าเอาผมไปเลย

ให้เวลาอีกนิด

รอให้ผมสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ

เสียงยายหัวเราะข้างหู

ผมขนลุกซู่ทั่วตัว

กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง

แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อย

ยายหัวเราะ หมายถึงว่าตกลง...

เวลาผ่านไปสองปี

การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง

หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน

ผมลืมเรื่องยายไปเสียสนิท

มาเมื่อคืนวาน ผมปิดไฟนอน

หลับตาสวดมนต์สามคาบ

แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ

พอลืมตามองเพดาน



ในห้องมืด...

หางตาผมก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้างๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต

ผมแทบเป็นบ้า

ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง

ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง

น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ

เปรอะที่นอนเต็มไปหมด

กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง

คราวนี้ยายเอาจริงแน่

ผมไม่ไปกับยายหรอก"

ผมส่ายหัว

มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ยายนั่งนิ่ง

ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองผมอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ

ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก

เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกผมบนเตียง

มือเ!่ยวงุ้มบีบคอ

และพยายามล้วงเข้าไปในปากผม

เรี่ยวแรงเหมือนผีสิง

ผมแทบสู้แกไม่ไหว

ยายเอาคนที่มาอ่านกระทู้นี้ไปแทนผมได้ไหม"

ผมเอ่ยถามทางดวงจิต

"....................." แกนิ่งเงียบ

ยายเอาตัวเพื่อนผมที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ไปนะ

ถ้าอ่านแล้ว

ตอนกลางคืนเค้านอนหลับ

ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน

กินวิญญาณเค้าเลยนะ

ยาย."

เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูผม...

ยาวและนาน เหมือนกับว่าสะใจ
โดยคุณ :000000 - [20:31:06  7 ก.ย. 2553]

ความคิดเห็นที่ 47
คืนวันนั้น...

ผมกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต วัยเพียง 15 ปี

ทำให้ผมนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน

สักพักผมก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน

ยายคว้ามือผมไว้

มือเ!่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก

สายตายายดุดัน แต่เหม่อลอย

มองหน้าผม เหมือนไม่ได้มอง

ผมนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา

แล้วฟังเรื่องเล่าจากปากยาย

ยายเล่าว่า...

สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย

ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว ฝรั่ง มะม่วงในสวน มาบนเจ้าที่

ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็กๆในบ้านไปอยู่ด้วย

ยายถามผมว่า...

ถ้ายายตายไปแล้วกลับมารับผม

ให้ไปอยู่ในโลกอีกโลกด้วย

ผมจะไปกับแกไหม?

ผมหัวเราะในความงมงาย

คนแก่ก็อย่างนี้

พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ

แล้วผมก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน

ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...

อีก 7 วันต่อ มาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด

กลางดึกคืนสุดท้าย

ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน

ปากตะโกนเสียงแหบว่า...

ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ ไป

แล้วก็หวีดร้องเหมือนปีศาจ

ทำให้พ่อกับแม่ของผมตกใจ

ต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่

บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ

และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง

หลังจากห่มผ้าให้ยายแล้ว

ผมก็นอนอยู่ข้าง ๆ

ตัวแกสั่นกุกกัก

ลองหันไปดู

ตาแกลืมโพลง

น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปากตอนนอน

ตัวเย็นชืด

ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ

ยายก็ไม่ตอบสนอง

ทุกคนรีบมาดูอาการ

แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว

หลังคืนสวดศพ 3 วัน

ผมนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน

ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้าน เย็นสบาย

กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ

แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน

น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกผมขณะนอนหงาย

เสียงแหบแห้ง

ของยายถามผมช้าๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง

ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม

ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ

กระท่อนกระแท่นเต็มที

เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง

น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ

น้ำหนักยายคงไม่เกิน

45 กิโล

แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้

ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว

กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว

ผมขอร้องยายว่า...

อย่าเอาผมไปเลย

ให้เวลาอีกนิด

รอให้ผมสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ

เสียงยายหัวเราะข้างหู

ผมขนลุกซู่ทั่วตัว

กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง

แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อย

ยายหัวเราะ หมายถึงว่าตกลง...

เวลาผ่านไปสองปี

การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง

หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน

ผมลืมเรื่องยายไปเสียสนิท

มาเมื่อคืนวาน ผมปิดไฟนอน

หลับตาสวดมนต์สามคาบ

แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ

พอลืมตามองเพดาน



ในห้องมืด...

หางตาผมก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้างๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต

ผมแทบเป็นบ้า

ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง

ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง

น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ

เปรอะที่นอนเต็มไปหมด

กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง

คราวนี้ยายเอาจริงแน่

ผมไม่ไปกับยายหรอก"

ผมส่ายหัว

มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ยายนั่งนิ่ง

ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองผมอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ

ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก

เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกผมบนเตียง

มือเ!่ยวงุ้มบีบคอ

และพยายามล้วงเข้าไปในปากผม

เรี่ยวแรงเหมือนผีสิง

ผมแทบสู้แกไม่ไหว

ยายเอาคนที่มาอ่านกระทู้นี้ไปแทนผมได้ไหม"

ผมเอ่ยถามทางดวงจิต

"....................." แกนิ่งเงียบ

ยายเอาตัวเพื่อนผมที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ไปนะ

ถ้าอ่านแล้ว

ตอนกลางคืนเค้านอนหลับ

ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน

กินวิญญาณเค้าเลยนะ

ยาย."

เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูผม...

ยาวและนาน เหมือนกับว่าสะใจ
โดยคุณ :0000000 - [20:31:18  7 ก.ย. 2553]

ความคิดเห็นที่ 48
ปันยาอ่อน
โดยคุณ :- - ICQ: 45[11:31:28  16 ต.ค. 2553]

ความคิดเห็นที่ 49
คืนวันนั้น...

ผมกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต วัยเพียง 15 ปี

ทำให้ผมนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน

สักพักผมก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน

ยายคว้ามือผมไว้

มือเ!่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก

สายตายายดุดัน แต่เหม่อลอย

มองหน้าผม เหมือนไม่ได้มอง

ผมนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา

แล้วฟังเรื่องเล่าจากปากยาย

ยายเล่าว่า...

สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย

ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว ฝรั่ง มะม่วงในสวน มาบนเจ้าที่

ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็กๆในบ้านไปอยู่ด้วย

ยายถามผมว่า...

ถ้ายายตายไปแล้วกลับมารับผม

ให้ไปอยู่ในโลกอีกโลกด้วย

ผมจะไปกับแกไหม?

ผมหัวเราะในความงมงาย

คนแก่ก็อย่างนี้

พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ

แล้วผมก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน

ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...

อีก 7 วันต่อ มาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด

กลางดึกคืนสุดท้าย

ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน

ปากตะโกนเสียงแหบว่า...

ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ ไป

แล้วก็หวีดร้องเหมือนปีศาจ

ทำให้พ่อกับแม่ของผมตกใจ

ต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่

บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ

และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง

หลังจากห่มผ้าให้ยายแล้ว

ผมก็นอนอยู่ข้าง ๆ

ตัวแกสั่นกุกกัก

ลองหันไปดู

ตาแกลืมโพลง

น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปากตอนนอน

ตัวเย็นชืด

ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ

ยายก็ไม่ตอบสนอง

ทุกคนรีบมาดูอาการ

แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว

หลังคืนสวดศพ 3 วัน

ผมนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน

ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้าน เย็นสบาย

กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ

แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน

น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกผมขณะนอนหงาย

เสียงแหบแห้ง

ของยายถามผมช้าๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง

ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม

ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ

กระท่อนกระแท่นเต็มที

เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง

น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ

น้ำหนักยายคงไม่เกิน

45 กิโล

แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้

ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว

กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว

ผมขอร้องยายว่า...

อย่าเอาผมไปเลย

ให้เวลาอีกนิด

รอให้ผมสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ

เสียงยายหัวเราะข้างหู

ผมขนลุกซู่ทั่วตัว

กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง

แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อย

ยายหัวเราะ หมายถึงว่าตกลง...

เวลาผ่านไปสองปี

การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง

หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน

ผมลืมเรื่องยายไปเสียสนิท

มาเมื่อคืนวาน ผมปิดไฟนอน

หลับตาสวดมนต์สามคาบ

แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ

พอลืมตามองเพดาน



ในห้องมืด...

หางตาผมก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้างๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต

ผมแทบเป็นบ้า

ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง

ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง

น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ

เปรอะที่นอนเต็มไปหมด

กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง

คราวนี้ยายเอาจริงแน่

ผมไม่ไปกับยายหรอก"

ผมส่ายหัว

มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ยายนั่งนิ่ง

ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองผมอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ

ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก

เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกผมบนเตียง

มือเ!่ยวงุ้มบีบคอ

และพยายามล้วงเข้าไปในปากผม

เรี่ยวแรงเหมือนผีสิง

ผมแทบสู้แกไม่ไหว

ยายเอาคนที่มาอ่านกระทู้นี้ไปแทนผมได้ไหม"

ผมเอ่ยถามทางดวงจิต

"....................." แกนิ่งเงียบ

ยายเอาตัวเพื่อนผมที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ไปนะ

ถ้าอ่านแล้ว

ตอนกลางคืนเค้านอนหลับ

ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน

กินวิญญาณเค้าเลยนะ

ยาย."

เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูผม...

ยาวและนาน เหมือนกับว่าสะใจ

โดยคุณ :- - ICQ: 4536728[11:34:03  16 ต.ค. 2553]

ความคิดเห็นที่ 50
คืนวันนั้น...

ผมกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต วัยเพียง 15 ปี

ทำให้ผมนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน

สักพักผมก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน

ยายคว้ามือผมไว้

มือเ!่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก

สายตายายดุดัน แต่เหม่อลอย

มองหน้าผม เหมือนไม่ได้มอง

ผมนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา

แล้วฟังเรื่องเล่าจากปากยาย

ยายเล่าว่า...

สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย

ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว ฝรั่ง มะม่วงในสวน มาบนเจ้าที่

ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็กๆในบ้านไปอยู่ด้วย

ยายถามผมว่า...

ถ้ายายตายไปแล้วกลับมารับผม

ให้ไปอยู่ในโลกอีกโลกด้วย

ผมจะไปกับแกไหม?

ผมหัวเราะในความงมงาย

คนแก่ก็อย่างนี้

พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ

แล้วผมก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน

ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...

อีก 7 วันต่อ มาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด

กลางดึกคืนสุดท้าย

ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน

ปากตะโกนเสียงแหบว่า...

ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ ไป

แล้วก็หวีดร้องเหมือนปีศาจ

ทำให้พ่อกับแม่ของผมตกใจ

ต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่

บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ

และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง

หลังจากห่มผ้าให้ยายแล้ว

ผมก็นอนอยู่ข้าง ๆ

ตัวแกสั่นกุกกัก

ลองหันไปดู

ตาแกลืมโพลง

น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปากตอนนอน

ตัวเย็นชืด

ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ

ยายก็ไม่ตอบสนอง

ทุกคนรีบมาดูอาการ

แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว

หลังคืนสวดศพ 3 วัน

ผมนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน

ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้าน เย็นสบาย

กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ

แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน

น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกผมขณะนอนหงาย

เสียงแหบแห้ง

ของยายถามผมช้าๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง

ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม

ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ

กระท่อนกระแท่นเต็มที

เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง

น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ

น้ำหนักยายคงไม่เกิน

45 กิโล

แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้

ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว

กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว

ผมขอร้องยายว่า...

อย่าเอาผมไปเลย

ให้เวลาอีกนิด

รอให้ผมสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ

เสียงยายหัวเราะข้างหู

ผมขนลุกซู่ทั่วตัว

กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง

แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อย

ยายหัวเราะ หมายถึงว่าตกลง...

เวลาผ่านไปสองปี

การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง

หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน

ผมลืมเรื่องยายไปเสียสนิท

มาเมื่อคืนวาน ผมปิดไฟนอน

หลับตาสวดมนต์สามคาบ

แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ

พอลืมตามองเพดาน



ในห้องมืด...

หางตาผมก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้างๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต

ผมแทบเป็นบ้า

ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง

ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง

น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ

เปรอะที่นอนเต็มไปหมด

กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง

คราวนี้ยายเอาจริงแน่

ผมไม่ไปกับยายหรอก"

ผมส่ายหัว

มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ยายนั่งนิ่ง

ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองผมอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ

ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก

เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกผมบนเตียง

มือเ!่ยวงุ้มบีบคอ

และพยายามล้วงเข้าไปในปากผม

เรี่ยวแรงเหมือนผีสิง

ผมแทบสู้แกไม่ไหว

ยายเอาคนที่มาอ่านกระทู้นี้ไปแทนผมได้ไหม"

ผมเอ่ยถามทางดวงจิต

"....................." แกนิ่งเงียบ

ยายเอาตัวเพื่อนผมที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ไปนะ

ถ้าอ่านแล้ว

ตอนกลางคืนเค้านอนหลับ

ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน

กินวิญญาณเค้าเลยนะ

ยาย."

เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูผม...

ยาวและนาน เหมือนกับว่าสะใจ

ในข้อเสนอ  
โดย: [0 3] ( IP )  

--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 9
 ก่อนจะหายตัวไป...

บรื๋ออออออออออ.....

ถ้าอ่านแล้วกรุณาส่งต่อให้ได้ 7 ฉบับไม่อย่างงันยายของผมจะมารับคุณไปภายใน 7 วัน
โดย: อย่ารู้ก้อไปถามยายผมสิคับ [16 เม.ย. 51 16:40] ( IP A:124.121.136.209 X: )  
โดยคุณ :nery - [9:34:41  13 ม.ค. 2554]

ความคิดเห็นที่ 51
คืนวันนั้น...

ผมกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต วัยเพียง 15 ปี

ทำให้ผมนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน

สักพักผมก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน

ยายคว้ามือผมไว้

มือเ!่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก

สายตายายดุดัน แต่เหม่อลอย

มองหน้าผม เหมือนไม่ได้มอง

ผมนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา

แล้วฟังเรื่องเล่าจากปากยาย

ยายเล่าว่า...

สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย

ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว ฝรั่ง มะม่วงในสวน มาบนเจ้าที่

ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็กๆในบ้านไปอยู่ด้วย

ยายถามผมว่า...

ถ้ายายตายไปแล้วกลับมารับผม

ให้ไปอยู่ในโลกอีกโลกด้วย

ผมจะไปกับแกไหม?

ผมหัวเราะในความงมงาย

คนแก่ก็อย่างนี้

พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ

แล้วผมก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน

ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...

อีก 7 วันต่อ มาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด

กลางดึกคืนสุดท้าย

ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน

ปากตะโกนเสียงแหบว่า...

ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ ไป

แล้วก็หวีดร้องเหมือนปีศาจ

ทำให้พ่อกับแม่ของผมตกใจ

ต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่

บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ

และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง

หลังจากห่มผ้าให้ยายแล้ว

ผมก็นอนอยู่ข้าง ๆ

ตัวแกสั่นกุกกัก

ลองหันไปดู

ตาแกลืมโพลง

น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปากตอนนอน

ตัวเย็นชืด

ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ

ยายก็ไม่ตอบสนอง

ทุกคนรีบมาดูอาการ

แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว

หลังคืนสวดศพ 3 วัน

ผมนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน

ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้าน เย็นสบาย

กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ

แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน

น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกผมขณะนอนหงาย

เสียงแหบแห้ง

ของยายถามผมช้าๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง

ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม

ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ

กระท่อนกระแท่นเต็มที

เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง

น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ

น้ำหนักยายคงไม่เกิน

45 กิโล

แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้

ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว

กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว

ผมขอร้องยายว่า...

อย่าเอาผมไปเลย

ให้เวลาอีกนิด

รอให้ผมสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ

เสียงยายหัวเราะข้างหู

ผมขนลุกซู่ทั่วตัว

กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง

แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อย

ยายหัวเราะ หมายถึงว่าตกลง...

เวลาผ่านไปสองปี

การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง

หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน

ผมลืมเรื่องยายไปเสียสนิท

มาเมื่อคืนวาน ผมปิดไฟนอน

หลับตาสวดมนต์สามคาบ

แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ

พอลืมตามองเพดาน



ในห้องมืด...

หางตาผมก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้างๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต

ผมแทบเป็นบ้า

ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง

ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง

น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ

เปรอะที่นอนเต็มไปหมด

กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง

คราวนี้ยายเอาจริงแน่

ผมไม่ไปกับยายหรอก"

ผมส่ายหัว

มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ยายนั่งนิ่ง

ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองผมอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ

ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก

เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกผมบนเตียง

มือเ!่ยวงุ้มบีบคอ

และพยายามล้วงเข้าไปในปากผม

เรี่ยวแรงเหมือนผีสิง

ผมแทบสู้แกไม่ไหว

ยายเอาคนที่มาอ่านกระทู้นี้ไปแทนผมได้ไหม"

ผมเอ่ยถามทางดวงจิต

"....................." แกนิ่งเงียบ

ยายเอาตัวเพื่อนผมที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ไปนะ

ถ้าอ่านแล้ว

ตอนกลางคืนเค้านอนหลับ

ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน

กินวิญญาณเค้าเลยนะ

ยาย."

เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูผม...

ยาวและนาน เหมือนกับว่าสะใจ

ในข้อเสนอ  
โดย: [0 3] ( IP )  
โดยคุณ :nery - [9:36:14  13 ม.ค. 2554]

ความคิดเห็นที่ 52
คืนวันนั้น...

ผมกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต วัยเพียง 15 ปี

ทำให้ผมนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน

สักพักผมก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน

ยายคว้ามือผมไว้

มือเ!่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก

สายตายายดุดัน แต่เหม่อลอย

มองหน้าผม เหมือนไม่ได้มอง

ผมนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา

แล้วฟังเรื่องเล่าจากปากยาย

ยายเล่าว่า...

สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย

ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว ฝรั่ง มะม่วงในสวน มาบนเจ้าที่

ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็กๆในบ้านไปอยู่ด้วย

ยายถามผมว่า...

ถ้ายายตายไปแล้วกลับมารับผม

ให้ไปอยู่ในโลกอีกโลกด้วย

ผมจะไปกับแกไหม?

ผมหัวเราะในความงมงาย

คนแก่ก็อย่างนี้

พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ

แล้วผมก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน

ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...

อีก 7 วันต่อ มาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด

กลางดึกคืนสุดท้าย

ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน

ปากตะโกนเสียงแหบว่า...

ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ ไป

แล้วก็หวีดร้องเหมือนปีศาจ

ทำให้พ่อกับแม่ของผมตกใจ

ต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่

บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ

และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง

หลังจากห่มผ้าให้ยายแล้ว

ผมก็นอนอยู่ข้าง ๆ

ตัวแกสั่นกุกกัก

ลองหันไปดู

ตาแกลืมโพลง

น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปากตอนนอน

ตัวเย็นชืด

ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ

ยายก็ไม่ตอบสนอง

ทุกคนรีบมาดูอาการ

แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว

หลังคืนสวดศพ 3 วัน

ผมนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน

ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้าน เย็นสบาย

กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ

แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน

น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกผมขณะนอนหงาย

เสียงแหบแห้ง

ของยายถามผมช้าๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง

ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม

ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ

กระท่อนกระแท่นเต็มที

เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง

น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ

น้ำหนักยายคงไม่เกิน

45 กิโล

แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้

ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว

กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว

ผมขอร้องยายว่า...

อย่าเอาผมไปเลย

ให้เวลาอีกนิด

รอให้ผมสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ

เสียงยายหัวเราะข้างหู

ผมขนลุกซู่ทั่วตัว

กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง

แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อย

ยายหัวเราะ หมายถึงว่าตกลง...

เวลาผ่านไปสองปี

การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง

หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน

ผมลืมเรื่องยายไปเสียสนิท

มาเมื่อคืนวาน ผมปิดไฟนอน

หลับตาสวดมนต์สามคาบ

แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ

พอลืมตามองเพดาน



ในห้องมืด...

หางตาผมก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้างๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต

ผมแทบเป็นบ้า

ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง

ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง

น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ

เปรอะที่นอนเต็มไปหมด

กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง

คราวนี้ยายเอาจริงแน่

ผมไม่ไปกับยายหรอก"

ผมส่ายหัว

มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ยายนั่งนิ่ง

ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองผมอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ

ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก

เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกผมบนเตียง

มือเ!่ยวงุ้มบีบคอ

และพยายามล้วงเข้าไปในปากผม

เรี่ยวแรงเหมือนผีสิง

ผมแทบสู้แกไม่ไหว

ยายเอาคนที่มาอ่านกระทู้นี้ไปแทนผมได้ไหม"

ผมเอ่ยถามทางดวงจิต

"....................." แกนิ่งเงียบ

ยายเอาตัวเพื่อนผมที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ไปนะ

ถ้าอ่านแล้ว

ตอนกลางคืนเค้านอนหลับ

ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน

กินวิญญาณเค้าเลยนะ

ยาย."

เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูผม...

ยาวและนาน เหมือนกับว่าสะใจ

ในข้อเสนอ  
โดย: [0 3] ( IP )  
โดยคุณ :nery - [9:37:04  13 ม.ค. 2554]

ความคิดเห็นที่ 53
คืนวันนั้น...

ผมกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต วัยเพียง 15 ปี

ทำให้ผมนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน

สักพักผมก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน

ยายคว้ามือผมไว้

มือเ!่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก

สายตายายดุดัน แต่เหม่อลอย

มองหน้าผม เหมือนไม่ได้มอง

ผมนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา

แล้วฟังเรื่องเล่าจากปากยาย

ยายเล่าว่า...

สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย

ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว ฝรั่ง มะม่วงในสวน มาบนเจ้าที่

ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็กๆในบ้านไปอยู่ด้วย

ยายถามผมว่า...

ถ้ายายตายไปแล้วกลับมารับผม

ให้ไปอยู่ในโลกอีกโลกด้วย

ผมจะไปกับแกไหม?

ผมหัวเราะในความงมงาย

คนแก่ก็อย่างนี้

พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ

แล้วผมก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน

ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...

อีก 7 วันต่อ มาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด

กลางดึกคืนสุดท้าย

ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน

ปากตะโกนเสียงแหบว่า...

ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ ไป

แล้วก็หวีดร้องเหมือนปีศาจ

ทำให้พ่อกับแม่ของผมตกใจ

ต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่

บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ

และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง

หลังจากห่มผ้าให้ยายแล้ว

ผมก็นอนอยู่ข้าง ๆ

ตัวแกสั่นกุกกัก

ลองหันไปดู

ตาแกลืมโพลง

น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปากตอนนอน

ตัวเย็นชืด

ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ

ยายก็ไม่ตอบสนอง

ทุกคนรีบมาดูอาการ

แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว

หลังคืนสวดศพ 3 วัน

ผมนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน

ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้าน เย็นสบาย

กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ

แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน

น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกผมขณะนอนหงาย

เสียงแหบแห้ง

ของยายถามผมช้าๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง

ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม

ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ

กระท่อนกระแท่นเต็มที

เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง

น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ

น้ำหนักยายคงไม่เกิน

45 กิโล

แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้

ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว

กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว

ผมขอร้องยายว่า...

อย่าเอาผมไปเลย

ให้เวลาอีกนิด

รอให้ผมสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ

เสียงยายหัวเราะข้างหู

ผมขนลุกซู่ทั่วตัว

กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง

แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อย

ยายหัวเราะ หมายถึงว่าตกลง...

เวลาผ่านไปสองปี

การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง

หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน

ผมลืมเรื่องยายไปเสียสนิท

มาเมื่อคืนวาน ผมปิดไฟนอน

หลับตาสวดมนต์สามคาบ

แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ

พอลืมตามองเพดาน



ในห้องมืด...

หางตาผมก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้างๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต

ผมแทบเป็นบ้า

ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง

ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง

น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ

เปรอะที่นอนเต็มไปหมด

กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง

คราวนี้ยายเอาจริงแน่

ผมไม่ไปกับยายหรอก"

ผมส่ายหัว

มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ยายนั่งนิ่ง

ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองผมอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ

ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก

เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกผมบนเตียง

มือเ!่ยวงุ้มบีบคอ

และพยายามล้วงเข้าไปในปากผม

เรี่ยวแรงเหมือนผีสิง

ผมแทบสู้แกไม่ไหว

ยายเอาคนที่มาอ่านกระทู้นี้ไปแทนผมได้ไหม"

ผมเอ่ยถามทางดวงจิต

"....................." แกนิ่งเงียบ

ยายเอาตัวเพื่อนผมที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ไปนะ

ถ้าอ่านแล้ว

ตอนกลางคืนเค้านอนหลับ

ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน

กินวิญญาณเค้าเลยนะ

ยาย."

เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูผม...

ยาวและนาน เหมือนกับว่าสะใจ

ในข้อเสนอ  
โดย: [0 3] ( IP )  
โดยคุณ :nery - [9:37:57  13 ม.ค. 2554]

ความคิดเห็นที่ 54
คืนวันนั้น...

ผมกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต วัยเพียง 15 ปี

ทำให้ผมนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน

สักพักผมก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน

ยายคว้ามือผมไว้

มือเ!่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก

สายตายายดุดัน แต่เหม่อลอย

มองหน้าผม เหมือนไม่ได้มอง

ผมนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา

แล้วฟังเรื่องเล่าจากปากยาย

ยายเล่าว่า...

สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย

ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว ฝรั่ง มะม่วงในสวน มาบนเจ้าที่

ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็กๆในบ้านไปอยู่ด้วย

ยายถามผมว่า...

ถ้ายายตายไปแล้วกลับมารับผม

ให้ไปอยู่ในโลกอีกโลกด้วย

ผมจะไปกับแกไหม?

ผมหัวเราะในความงมงาย

คนแก่ก็อย่างนี้

พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ

แล้วผมก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน

ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...

อีก 7 วันต่อ มาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด

กลางดึกคืนสุดท้าย

ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน

ปากตะโกนเสียงแหบว่า...

ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ ไป

แล้วก็หวีดร้องเหมือนปีศาจ

ทำให้พ่อกับแม่ของผมตกใจ

ต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่

บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ

และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง

หลังจากห่มผ้าให้ยายแล้ว

ผมก็นอนอยู่ข้าง ๆ

ตัวแกสั่นกุกกัก

ลองหันไปดู

ตาแกลืมโพลง

น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปากตอนนอน

ตัวเย็นชืด

ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ

ยายก็ไม่ตอบสนอง

ทุกคนรีบมาดูอาการ

แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว

หลังคืนสวดศพ 3 วัน

ผมนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน

ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้าน เย็นสบาย

กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ

แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน

น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกผมขณะนอนหงาย

เสียงแหบแห้ง

ของยายถามผมช้าๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง

ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม

ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ

กระท่อนกระแท่นเต็มที

เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง

น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ

น้ำหนักยายคงไม่เกิน

45 กิโล

แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้

ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว

กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว

ผมขอร้องยายว่า...

อย่าเอาผมไปเลย

ให้เวลาอีกนิด

รอให้ผมสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ

เสียงยายหัวเราะข้างหู

ผมขนลุกซู่ทั่วตัว

กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง

แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อย

ยายหัวเราะ หมายถึงว่าตกลง...

เวลาผ่านไปสองปี

การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง

หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน

ผมลืมเรื่องยายไปเสียสนิท

มาเมื่อคืนวาน ผมปิดไฟนอน

หลับตาสวดมนต์สามคาบ

แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ

พอลืมตามองเพดาน



ในห้องมืด...

หางตาผมก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้างๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต

ผมแทบเป็นบ้า

ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง

ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง

น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ

เปรอะที่นอนเต็มไปหมด

กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง

คราวนี้ยายเอาจริงแน่

ผมไม่ไปกับยายหรอก"

ผมส่ายหัว

มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ยายนั่งนิ่ง

ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองผมอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ

ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก

เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกผมบนเตียง

มือเ!่ยวงุ้มบีบคอ

และพยายามล้วงเข้าไปในปากผม

เรี่ยวแรงเหมือนผีสิง

ผมแทบสู้แกไม่ไหว

ยายเอาคนที่มาอ่านกระทู้นี้ไปแทนผมได้ไหม"

ผมเอ่ยถามทางดวงจิต

"....................." แกนิ่งเงียบ

ยายเอาตัวเพื่อนผมที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ไปนะ

ถ้าอ่านแล้ว

ตอนกลางคืนเค้านอนหลับ

ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน

กินวิญญาณเค้าเลยนะ

ยาย."

เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูผม...

ยาวและนาน เหมือนกับว่าสะใจ

ในข้อเสนอ  
โดย: [0 3] ( IP )  
โดยคุณ :nery - [9:38:40  13 ม.ค. 2554]

ความคิดเห็นที่ 55
คืนวันนั้น...

ผมกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต วัยเพียง 15 ปี

ทำให้ผมนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน

สักพักผมก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน

ยายคว้ามือผมไว้

มือเ!่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก

สายตายายดุดัน แต่เหม่อลอย

มองหน้าผม เหมือนไม่ได้มอง

ผมนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา

แล้วฟังเรื่องเล่าจากปากยาย

ยายเล่าว่า...

สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย

ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว ฝรั่ง มะม่วงในสวน มาบนเจ้าที่

ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็กๆในบ้านไปอยู่ด้วย

ยายถามผมว่า...

ถ้ายายตายไปแล้วกลับมารับผม

ให้ไปอยู่ในโลกอีกโลกด้วย

ผมจะไปกับแกไหม?

ผมหัวเราะในความงมงาย

คนแก่ก็อย่างนี้

พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ

แล้วผมก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน

ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...

อีก 7 วันต่อ มาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด

กลางดึกคืนสุดท้าย

ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน

ปากตะโกนเสียงแหบว่า...

ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ ไป

แล้วก็หวีดร้องเหมือนปีศาจ

ทำให้พ่อกับแม่ของผมตกใจ

ต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่

บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ

และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง

หลังจากห่มผ้าให้ยายแล้ว

ผมก็นอนอยู่ข้าง ๆ

ตัวแกสั่นกุกกัก

ลองหันไปดู

ตาแกลืมโพลง

น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปากตอนนอน

ตัวเย็นชืด

ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ

ยายก็ไม่ตอบสนอง

ทุกคนรีบมาดูอาการ

แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว

หลังคืนสวดศพ 3 วัน

ผมนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน

ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้าน เย็นสบาย

กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ

แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน

น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกผมขณะนอนหงาย

เสียงแหบแห้ง

ของยายถามผมช้าๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง

ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม

ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ

กระท่อนกระแท่นเต็มที

เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง

น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ

น้ำหนักยายคงไม่เกิน

45 กิโล

แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้

ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว

กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว

ผมขอร้องยายว่า...

อย่าเอาผมไปเลย

ให้เวลาอีกนิด

รอให้ผมสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ

เสียงยายหัวเราะข้างหู

ผมขนลุกซู่ทั่วตัว

กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง

แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อย

ยายหัวเราะ หมายถึงว่าตกลง...

เวลาผ่านไปสองปี

การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง

หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน

ผมลืมเรื่องยายไปเสียสนิท

มาเมื่อคืนวาน ผมปิดไฟนอน

หลับตาสวดมนต์สามคาบ

แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ

พอลืมตามองเพดาน



ในห้องมืด...

หางตาผมก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้างๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต

ผมแทบเป็นบ้า

ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง

ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง

น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ

เปรอะที่นอนเต็มไปหมด

กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง

คราวนี้ยายเอาจริงแน่

ผมไม่ไปกับยายหรอก"

ผมส่ายหัว

มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ยายนั่งนิ่ง

ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองผมอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ

ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก

เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกผมบนเตียง

มือเ!่ยวงุ้มบีบคอ

และพยายามล้วงเข้าไปในปากผม

เรี่ยวแรงเหมือนผีสิง

ผมแทบสู้แกไม่ไหว

ยายเอาคนที่มาอ่านกระทู้นี้ไปแทนผมได้ไหม"

ผมเอ่ยถามทางดวงจิต

"....................." แกนิ่งเงียบ

ยายเอาตัวเพื่อนผมที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ไปนะ

ถ้าอ่านแล้ว

ตอนกลางคืนเค้านอนหลับ

ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน

กินวิญญาณเค้าเลยนะ

ยาย."

เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูผม...

ยาวและนาน เหมือนกับว่าสะใจ

ในข้อเสนอ  
โดย: [0 3] ( IP )  
โดยคุณ :nery - [9:39:29  13 ม.ค. 2554]

ความคิดเห็นที่ 56
คืนวันนั้น...

ผมกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต วัยเพียง 15 ปี

ทำให้ผมนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน

สักพักผมก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน

ยายคว้ามือผมไว้

มือเ!่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก

สายตายายดุดัน แต่เหม่อลอย

มองหน้าผม เหมือนไม่ได้มอง

ผมนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา

แล้วฟังเรื่องเล่าจากปากยาย

ยายเล่าว่า...

สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย

ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว ฝรั่ง มะม่วงในสวน มาบนเจ้าที่

ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็กๆในบ้านไปอยู่ด้วย

ยายถามผมว่า...

ถ้ายายตายไปแล้วกลับมารับผม

ให้ไปอยู่ในโลกอีกโลกด้วย

ผมจะไปกับแกไหม?

ผมหัวเราะในความงมงาย

คนแก่ก็อย่างนี้

พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ

แล้วผมก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน

ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...

อีก 7 วันต่อ มาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด

กลางดึกคืนสุดท้าย

ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน

ปากตะโกนเสียงแหบว่า...

ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ ไป

แล้วก็หวีดร้องเหมือนปีศาจ

ทำให้พ่อกับแม่ของผมตกใจ

ต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่

บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ

และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง

หลังจากห่มผ้าให้ยายแล้ว

ผมก็นอนอยู่ข้าง ๆ

ตัวแกสั่นกุกกัก

ลองหันไปดู

ตาแกลืมโพลง

น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปากตอนนอน

ตัวเย็นชืด

ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ

ยายก็ไม่ตอบสนอง

ทุกคนรีบมาดูอาการ

แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว

หลังคืนสวดศพ 3 วัน

ผมนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน

ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้าน เย็นสบาย

กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ

แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน

น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกผมขณะนอนหงาย

เสียงแหบแห้ง

ของยายถามผมช้าๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง

ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม

ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ

กระท่อนกระแท่นเต็มที

เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง

น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ

น้ำหนักยายคงไม่เกิน

45 กิโล

แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้

ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว

กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว

ผมขอร้องยายว่า...

อย่าเอาผมไปเลย

ให้เวลาอีกนิด

รอให้ผมสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ

เสียงยายหัวเราะข้างหู

ผมขนลุกซู่ทั่วตัว

กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง

แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อย

ยายหัวเราะ หมายถึงว่าตกลง...

เวลาผ่านไปสองปี

การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง

หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน

ผมลืมเรื่องยายไปเสียสนิท

มาเมื่อคืนวาน ผมปิดไฟนอน

หลับตาสวดมนต์สามคาบ

แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ

พอลืมตามองเพดาน



ในห้องมืด...

หางตาผมก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้างๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต

ผมแทบเป็นบ้า

ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง

ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง

น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ

เปรอะที่นอนเต็มไปหมด

กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง

คราวนี้ยายเอาจริงแน่

ผมไม่ไปกับยายหรอก"

ผมส่ายหัว

มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ยายนั่งนิ่ง

ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองผมอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ

ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก

เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกผมบนเตียง

มือเ!่ยวงุ้มบีบคอ

และพยายามล้วงเข้าไปในปากผม

เรี่ยวแรงเหมือนผีสิง

ผมแทบสู้แกไม่ไหว

ยายเอาคนที่มาอ่านกระทู้นี้ไปแทนผมได้ไหม"

ผมเอ่ยถามทางดวงจิต

"....................." แกนิ่งเงียบ

ยายเอาตัวเพื่อนผมที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ไปนะ

ถ้าอ่านแล้ว

ตอนกลางคืนเค้านอนหลับ

ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน

กินวิญญาณเค้าเลยนะ

ยาย."

เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูผม...

ยาวและนาน เหมือนกับว่าสะใจ

ในข้อเสนอ  
โดย: [0 3] ( IP )  
โดยคุณ :nery - [9:41:36  13 ม.ค. 2554]

ความคิดเห็นที่ 57
คืนวันนั้น...

ผมกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต วัยเพียง 15 ปี

ทำให้ผมนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน

สักพักผมก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน

ยายคว้ามือผมไว้

มือเ!่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก

สายตายายดุดัน แต่เหม่อลอย

มองหน้าผม เหมือนไม่ได้มอง

ผมนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา

แล้วฟังเรื่องเล่าจากปากยาย

ยายเล่าว่า...

สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย

ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว ฝรั่ง มะม่วงในสวน มาบนเจ้าที่

ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็กๆในบ้านไปอยู่ด้วย

ยายถามผมว่า...

ถ้ายายตายไปแล้วกลับมารับผม

ให้ไปอยู่ในโลกอีกโลกด้วย

ผมจะไปกับแกไหม?

ผมหัวเราะในความงมงาย

คนแก่ก็อย่างนี้

พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ

แล้วผมก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน

ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...

อีก 7 วันต่อ มาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด

กลางดึกคืนสุดท้าย

ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน

ปากตะโกนเสียงแหบว่า...

ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ ไป

แล้วก็หวีดร้องเหมือนปีศาจ

ทำให้พ่อกับแม่ของผมตกใจ

ต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่

บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ

และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง

หลังจากห่มผ้าให้ยายแล้ว

ผมก็นอนอยู่ข้าง ๆ

ตัวแกสั่นกุกกัก

ลองหันไปดู

ตาแกลืมโพลง

น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปากตอนนอน

ตัวเย็นชืด

ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ

ยายก็ไม่ตอบสนอง

ทุกคนรีบมาดูอาการ

แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว

หลังคืนสวดศพ 3 วัน

ผมนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน

ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้าน เย็นสบาย

กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ

แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน

น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกผมขณะนอนหงาย

เสียงแหบแห้ง

ของยายถามผมช้าๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง

ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม

ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ

กระท่อนกระแท่นเต็มที

เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง

น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ

น้ำหนักยายคงไม่เกิน

45 กิโล

แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้

ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว

กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว

ผมขอร้องยายว่า...

อย่าเอาผมไปเลย

ให้เวลาอีกนิด

รอให้ผมสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ

เสียงยายหัวเราะข้างหู

ผมขนลุกซู่ทั่วตัว

กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง

แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อย

ยายหัวเราะ หมายถึงว่าตกลง...

เวลาผ่านไปสองปี

การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง

หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน

ผมลืมเรื่องยายไปเสียสนิท

มาเมื่อคืนวาน ผมปิดไฟนอน

หลับตาสวดมนต์สามคาบ

แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ

พอลืมตามองเพดาน



ในห้องมืด...

หางตาผมก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้างๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต

ผมแทบเป็นบ้า

ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง

ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง

น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ

เปรอะที่นอนเต็มไปหมด

กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง

คราวนี้ยายเอาจริงแน่

ผมไม่ไปกับยายหรอก"

ผมส่ายหัว

มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ยายนั่งนิ่ง

ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองผมอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ

ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก

เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกผมบนเตียง

มือเ!่ยวงุ้มบีบคอ

และพยายามล้วงเข้าไปในปากผม

เรี่ยวแรงเหมือนผีสิง

ผมแทบสู้แกไม่ไหว

ยายเอาคนที่มาอ่านกระทู้นี้ไปแทนผมได้ไหม"

ผมเอ่ยถามทางดวงจิต

"....................." แกนิ่งเงียบ

ยายเอาตัวเพื่อนผมที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ไปนะ

ถ้าอ่านแล้ว

ตอนกลางคืนเค้านอนหลับ

ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน

กินวิญญาณเค้าเลยนะ

ยาย."

เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูผม...

ยาวและนาน เหมือนกับว่าสะใจ

ในข้อเสนอ  
โดย: [0 3] ( IP )  
โดยคุณ :nery - [9:48:25  13 ม.ค. 2554]

ความคิดเห็นที่ 58
คืนวันนั้น...

ผมกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต วัยเพียง 15 ปี

ทำให้ผมนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน

สักพักผมก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน

ยายคว้ามือผมไว้

มือเ!่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก

สายตายายดุดัน แต่เหม่อลอย

มองหน้าผม เหมือนไม่ได้มอง

ผมนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา

แล้วฟังเรื่องเล่าจากปากยาย

ยายเล่าว่า...

สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย

ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว ฝรั่ง มะม่วงในสวน มาบนเจ้าที่

ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็กๆในบ้านไปอยู่ด้วย

ยายถามผมว่า...

ถ้ายายตายไปแล้วกลับมารับผม

ให้ไปอยู่ในโลกอีกโลกด้วย

ผมจะไปกับแกไหม?

ผมหัวเราะในความงมงาย

คนแก่ก็อย่างนี้

พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ

แล้วผมก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน

ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...

อีก 7 วันต่อ มาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด

กลางดึกคืนสุดท้าย

ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน

ปากตะโกนเสียงแหบว่า...

ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ ไป

แล้วก็หวีดร้องเหมือนปีศาจ

ทำให้พ่อกับแม่ของผมตกใจ

ต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่

บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ

และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง

หลังจากห่มผ้าให้ยายแล้ว

ผมก็นอนอยู่ข้าง ๆ

ตัวแกสั่นกุกกัก

ลองหันไปดู

ตาแกลืมโพลง

น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปากตอนนอน

ตัวเย็นชืด

ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ

ยายก็ไม่ตอบสนอง

ทุกคนรีบมาดูอาการ

แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว

หลังคืนสวดศพ 3 วัน

ผมนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน

ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้าน เย็นสบาย

กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ

แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน

น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกผมขณะนอนหงาย

เสียงแหบแห้ง

ของยายถามผมช้าๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง

ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม

ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ

กระท่อนกระแท่นเต็มที

เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง

น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ

น้ำหนักยายคงไม่เกิน

45 กิโล

แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้

ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว

กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว

ผมขอร้องยายว่า...

อย่าเอาผมไปเลย

ให้เวลาอีกนิด

รอให้ผมสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ

เสียงยายหัวเราะข้างหู

ผมขนลุกซู่ทั่วตัว

กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง

แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อย

ยายหัวเราะ หมายถึงว่าตกลง...

เวลาผ่านไปสองปี

การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง

หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน

ผมลืมเรื่องยายไปเสียสนิท

มาเมื่อคืนวาน ผมปิดไฟนอน

หลับตาสวดมนต์สามคาบ

แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ

พอลืมตามองเพดาน



ในห้องมืด...

หางตาผมก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้างๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต

ผมแทบเป็นบ้า

ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง

ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง

น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ

เปรอะที่นอนเต็มไปหมด

กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง

คราวนี้ยายเอาจริงแน่

ผมไม่ไปกับยายหรอก"

ผมส่ายหัว

มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ยายนั่งนิ่ง

ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองผมอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ

ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก

เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกผมบนเตียง

มือเ!่ยวงุ้มบีบคอ

และพยายามล้วงเข้าไปในปากผม

เรี่ยวแรงเหมือนผีสิง

ผมแทบสู้แกไม่ไหว

ยายเอาคนที่มาอ่านกระทู้นี้ไปแทนผมได้ไหม"

ผมเอ่ยถามทางดวงจิต

"....................." แกนิ่งเงียบ

ยายเอาตัวเพื่อนผมที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ไปนะ

ถ้าอ่านแล้ว

ตอนกลางคืนเค้านอนหลับ

ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน

กินวิญญาณเค้าเลยนะ

ยาย."

เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูผม...

ยาวและนาน เหมือนกับว่าสะใจ
โดยคุณ :scaizee - [23:02:05  6 เม.ย. 2554]

ความคิดเห็นที่ 59
คืนวันนั้น...

ผมกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต วัยเพียง 15 ปี

ทำให้ผมนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน

สักพักผมก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน

ยายคว้ามือผมไว้

มือเ!่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก

สายตายายดุดัน แต่เหม่อลอย

มองหน้าผม เหมือนไม่ได้มอง

ผมนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา

แล้วฟังเรื่องเล่าจากปากยาย

ยายเล่าว่า...

สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย

ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว ฝรั่ง มะม่วงในสวน มาบนเจ้าที่

ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็กๆในบ้านไปอยู่ด้วย

ยายถามผมว่า...

ถ้ายายตายไปแล้วกลับมารับผม

ให้ไปอยู่ในโลกอีกโลกด้วย

ผมจะไปกับแกไหม?

ผมหัวเราะในความงมงาย

คนแก่ก็อย่างนี้

พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ

แล้วผมก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน

ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...

อีก 7 วันต่อ มาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด

กลางดึกคืนสุดท้าย

ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน

ปากตะโกนเสียงแหบว่า...

ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ ไป

แล้วก็หวีดร้องเหมือนปีศาจ

ทำให้พ่อกับแม่ของผมตกใจ

ต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่

บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ

และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง

หลังจากห่มผ้าให้ยายแล้ว

ผมก็นอนอยู่ข้าง ๆ

ตัวแกสั่นกุกกัก

ลองหันไปดู

ตาแกลืมโพลง

น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปากตอนนอน

ตัวเย็นชืด

ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ

ยายก็ไม่ตอบสนอง

ทุกคนรีบมาดูอาการ

แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว

หลังคืนสวดศพ 3 วัน

ผมนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน

ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้าน เย็นสบาย

กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ

แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน

น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกผมขณะนอนหงาย

เสียงแหบแห้ง

ของยายถามผมช้าๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง

ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม

ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ

กระท่อนกระแท่นเต็มที

เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง

น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ

น้ำหนักยายคงไม่เกิน

45 กิโล

แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้

ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว

กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว

ผมขอร้องยายว่า...

อย่าเอาผมไปเลย

ให้เวลาอีกนิด

รอให้ผมสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ

เสียงยายหัวเราะข้างหู

ผมขนลุกซู่ทั่วตัว

กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง

แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อย

ยายหัวเราะ หมายถึงว่าตกลง...

เวลาผ่านไปสองปี

การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง

หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน

ผมลืมเรื่องยายไปเสียสนิท

มาเมื่อคืนวาน ผมปิดไฟนอน

หลับตาสวดมนต์สามคาบ

แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ

พอลืมตามองเพดาน



ในห้องมืด...

หางตาผมก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้างๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต

ผมแทบเป็นบ้า

ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง

ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง

น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ

เปรอะที่นอนเต็มไปหมด

กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง

คราวนี้ยายเอาจริงแน่

ผมไม่ไปกับยายหรอก"

ผมส่ายหัว

มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ยายนั่งนิ่ง

ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองผมอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ

ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก

เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกผมบนเตียง

มือเ!่ยวงุ้มบีบคอ

และพยายามล้วงเข้าไปในปากผม

เรี่ยวแรงเหมือนผีสิง

ผมแทบสู้แกไม่ไหว

ยายเอาคนที่มาอ่านกระทู้นี้ไปแทนผมได้ไหม"

ผมเอ่ยถามทางดวงจิต

"....................." แกนิ่งเงียบ

ยายเอาตัวเพื่อนผมที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ไปนะ

ถ้าอ่านแล้ว

ตอนกลางคืนเค้านอนหลับ

ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน

กินวิญญาณเค้าเลยนะ

ยาย."

เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูผม...

ยาวและนาน เหมือนกับว่าสะใจ
โดยคุณ :scaizee - [23:02:53  6 เม.ย. 2554]

ความคิดเห็นที่ 60
คืนวันนั้น...

ผมกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต วัยเพียง 15 ปี

ทำให้ผมนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน

สักพักผมก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน

ยายคว้ามือผมไว้

มือเ!่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก

สายตายายดุดัน แต่เหม่อลอย

มองหน้าผม เหมือนไม่ได้มอง

ผมนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา

แล้วฟังเรื่องเล่าจากปากยาย

ยายเล่าว่า...

สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย

ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว ฝรั่ง มะม่วงในสวน มาบนเจ้าที่

ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็กๆในบ้านไปอยู่ด้วย

ยายถามผมว่า...

ถ้ายายตายไปแล้วกลับมารับผม

ให้ไปอยู่ในโลกอีกโลกด้วย

ผมจะไปกับแกไหม?

ผมหัวเราะในความงมงาย

คนแก่ก็อย่างนี้

พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ

แล้วผมก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน

ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...

อีก 7 วันต่อ มาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด

กลางดึกคืนสุดท้าย

ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน

ปากตะโกนเสียงแหบว่า...

ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ ไป

แล้วก็หวีดร้องเหมือนปีศาจ

ทำให้พ่อกับแม่ของผมตกใจ

ต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่

บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ

และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง

หลังจากห่มผ้าให้ยายแล้ว

ผมก็นอนอยู่ข้าง ๆ

ตัวแกสั่นกุกกัก

ลองหันไปดู

ตาแกลืมโพลง

น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปากตอนนอน

ตัวเย็นชืด

ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ

ยายก็ไม่ตอบสนอง

ทุกคนรีบมาดูอาการ

แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว

หลังคืนสวดศพ 3 วัน

ผมนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน

ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้าน เย็นสบาย

กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ

แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน

น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกผมขณะนอนหงาย

เสียงแหบแห้ง

ของยายถามผมช้าๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง

ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม

ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ

กระท่อนกระแท่นเต็มที

เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง

น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ

น้ำหนักยายคงไม่เกิน

45 กิโล

แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้

ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว

กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว

ผมขอร้องยายว่า...

อย่าเอาผมไปเลย

ให้เวลาอีกนิด

รอให้ผมสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ

เสียงยายหัวเราะข้างหู

ผมขนลุกซู่ทั่วตัว

กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง

แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อย

ยายหัวเราะ หมายถึงว่าตกลง...

เวลาผ่านไปสองปี

การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง

หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน

ผมลืมเรื่องยายไปเสียสนิท

มาเมื่อคืนวาน ผมปิดไฟนอน

หลับตาสวดมนต์สามคาบ

แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ

พอลืมตามองเพดาน



ในห้องมืด...

หางตาผมก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้างๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต

ผมแทบเป็นบ้า

ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง

ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง

น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ

เปรอะที่นอนเต็มไปหมด

กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง

คราวนี้ยายเอาจริงแน่

ผมไม่ไปกับยายหรอก"

ผมส่ายหัว

มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ยายนั่งนิ่ง

ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองผมอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ

ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก

เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกผมบนเตียง

มือเ!่ยวงุ้มบีบคอ

และพยายามล้วงเข้าไปในปากผม

เรี่ยวแรงเหมือนผีสิง

ผมแทบสู้แกไม่ไหว

ยายเอาคนที่มาอ่านกระทู้นี้ไปแทนผมได้ไหม"

ผมเอ่ยถามทางดวงจิต

"....................." แกนิ่งเงียบ

ยายเอาตัวเพื่อนผมที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ไปนะ

ถ้าอ่านแล้ว

ตอนกลางคืนเค้านอนหลับ

ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน

กินวิญญาณเค้าเลยนะ

ยาย."

เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูผม...

ยาวและนาน เหมือนกับว่าสะใจ
โดยคุณ :scaizee - [23:03:12  6 เม.ย. 2554]

ความคิดเห็นที่ 61
คืนวันนั้น...

ผมกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต วัยเพียง 15 ปี

ทำให้ผมนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน

สักพักผมก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน

ยายคว้ามือผมไว้

มือเ!่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก

สายตายายดุดัน แต่เหม่อลอย

มองหน้าผม เหมือนไม่ได้มอง

ผมนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา

แล้วฟังเรื่องเล่าจากปากยาย

ยายเล่าว่า...

สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย

ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว ฝรั่ง มะม่วงในสวน มาบนเจ้าที่

ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็กๆในบ้านไปอยู่ด้วย

ยายถามผมว่า...

ถ้ายายตายไปแล้วกลับมารับผม

ให้ไปอยู่ในโลกอีกโลกด้วย

ผมจะไปกับแกไหม?

ผมหัวเราะในความงมงาย

คนแก่ก็อย่างนี้

พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ

แล้วผมก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน

ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...

อีก 7 วันต่อ มาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด

กลางดึกคืนสุดท้าย

ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน

ปากตะโกนเสียงแหบว่า...

ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ ไป

แล้วก็หวีดร้องเหมือนปีศาจ

ทำให้พ่อกับแม่ของผมตกใจ

ต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่

บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ

และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง

หลังจากห่มผ้าให้ยายแล้ว

ผมก็นอนอยู่ข้าง ๆ

ตัวแกสั่นกุกกัก

ลองหันไปดู

ตาแกลืมโพลง

น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปากตอนนอน

ตัวเย็นชืด

ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ

ยายก็ไม่ตอบสนอง

ทุกคนรีบมาดูอาการ

แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว

หลังคืนสวดศพ 3 วัน

ผมนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน

ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้าน เย็นสบาย

กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ

แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน

น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกผมขณะนอนหงาย

เสียงแหบแห้ง

ของยายถามผมช้าๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง

ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม

ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ

กระท่อนกระแท่นเต็มที

เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง

น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ

น้ำหนักยายคงไม่เกิน

45 กิโล

แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้

ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว

กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว

ผมขอร้องยายว่า...

อย่าเอาผมไปเลย

ให้เวลาอีกนิด

รอให้ผมสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ

เสียงยายหัวเราะข้างหู

ผมขนลุกซู่ทั่วตัว

กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง

แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อย

ยายหัวเราะ หมายถึงว่าตกลง...

เวลาผ่านไปสองปี

การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง

หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน

ผมลืมเรื่องยายไปเสียสนิท

มาเมื่อคืนวาน ผมปิดไฟนอน

หลับตาสวดมนต์สามคาบ

แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ

พอลืมตามองเพดาน



ในห้องมืด...

หางตาผมก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้างๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต

ผมแทบเป็นบ้า

ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง

ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง

น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ

เปรอะที่นอนเต็มไปหมด

กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง

คราวนี้ยายเอาจริงแน่

ผมไม่ไปกับยายหรอก"

ผมส่ายหัว

มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ยายนั่งนิ่ง

ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองผมอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ

ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก

เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกผมบนเตียง

มือเ!่ยวงุ้มบีบคอ

และพยายามล้วงเข้าไปในปากผม

เรี่ยวแรงเหมือนผีสิง

ผมแทบสู้แกไม่ไหว

ยายเอาคนที่มาอ่านกระทู้นี้ไปแทนผมได้ไหม"

ผมเอ่ยถามทางดวงจิต

"....................." แกนิ่งเงียบ

ยายเอาตัวเพื่อนผมที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ไปนะ

ถ้าอ่านแล้ว

ตอนกลางคืนเค้านอนหลับ

ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน

กินวิญญาณเค้าเลยนะ

ยาย."

เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูผม...

ยาวและนาน เหมือนกับว่าสะใจ
โดยคุณ :scaizee - [23:03:35  6 เม.ย. 2554]

ความคิดเห็นที่ 62
คืนวันนั้น...

ผมกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต วัยเพียง 15 ปี

ทำให้ผมนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน

สักพักผมก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน

ยายคว้ามือผมไว้

มือเ!่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก

สายตายายดุดัน แต่เหม่อลอย

มองหน้าผม เหมือนไม่ได้มอง

ผมนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา

แล้วฟังเรื่องเล่าจากปากยาย

ยายเล่าว่า...

สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย

ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว ฝรั่ง มะม่วงในสวน มาบนเจ้าที่

ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็กๆในบ้านไปอยู่ด้วย

ยายถามผมว่า...

ถ้ายายตายไปแล้วกลับมารับผม

ให้ไปอยู่ในโลกอีกโลกด้วย

ผมจะไปกับแกไหม?

ผมหัวเราะในความงมงาย

คนแก่ก็อย่างนี้

พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ

แล้วผมก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน

ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...

อีก 7 วันต่อ มาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด

กลางดึกคืนสุดท้าย

ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน

ปากตะโกนเสียงแหบว่า...

ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ ไป

แล้วก็หวีดร้องเหมือนปีศาจ

ทำให้พ่อกับแม่ของผมตกใจ

ต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่

บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ

และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง

หลังจากห่มผ้าให้ยายแล้ว

ผมก็นอนอยู่ข้าง ๆ

ตัวแกสั่นกุกกัก

ลองหันไปดู

ตาแกลืมโพลง

น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปากตอนนอน

ตัวเย็นชืด

ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ

ยายก็ไม่ตอบสนอง

ทุกคนรีบมาดูอาการ

แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว

หลังคืนสวดศพ 3 วัน

ผมนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน

ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้าน เย็นสบาย

กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ

แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน

น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกผมขณะนอนหงาย

เสียงแหบแห้ง

ของยายถามผมช้าๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง

ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม

ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ

กระท่อนกระแท่นเต็มที

เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง

น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ

น้ำหนักยายคงไม่เกิน

45 กิโล

แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้

ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว

กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว

ผมขอร้องยายว่า...

อย่าเอาผมไปเลย

ให้เวลาอีกนิด

รอให้ผมสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ

เสียงยายหัวเราะข้างหู

ผมขนลุกซู่ทั่วตัว

กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง

แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อย

ยายหัวเราะ หมายถึงว่าตกลง...

เวลาผ่านไปสองปี

การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง

หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน

ผมลืมเรื่องยายไปเสียสนิท

มาเมื่อคืนวาน ผมปิดไฟนอน

หลับตาสวดมนต์สามคาบ

แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ

พอลืมตามองเพดาน



ในห้องมืด...

หางตาผมก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้างๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต

ผมแทบเป็นบ้า

ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง

ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง

น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ

เปรอะที่นอนเต็มไปหมด

กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง

คราวนี้ยายเอาจริงแน่

ผมไม่ไปกับยายหรอก"

ผมส่ายหัว

มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ยายนั่งนิ่ง

ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองผมอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ

ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก

เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกผมบนเตียง

มือเ!่ยวงุ้มบีบคอ

และพยายามล้วงเข้าไปในปากผม

เรี่ยวแรงเหมือนผีสิง

ผมแทบสู้แกไม่ไหว

ยายเอาคนที่มาอ่านกระทู้นี้ไปแทนผมได้ไหม"

ผมเอ่ยถามทางดวงจิต

"....................." แกนิ่งเงียบ

ยายเอาตัวเพื่อนผมที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ไปนะ

ถ้าอ่านแล้ว

ตอนกลางคืนเค้านอนหลับ

ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน

กินวิญญาณเค้าเลยนะ

ยาย."

เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูผม...

ยาวและนาน เหมือนกับว่าสะใจ
โดยคุณ :scaizee - [23:03:55  6 เม.ย. 2554]

ความคิดเห็นที่ 63
คืนวันนั้น...

ผมกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต วัยเพียง 15 ปี

ทำให้ผมนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน

สักพักผมก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน

ยายคว้ามือผมไว้

มือเ!่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก

สายตายายดุดัน แต่เหม่อลอย

มองหน้าผม เหมือนไม่ได้มอง

ผมนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา

แล้วฟังเรื่องเล่าจากปากยาย

ยายเล่าว่า...

สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย

ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว ฝรั่ง มะม่วงในสวน มาบนเจ้าที่

ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็กๆในบ้านไปอยู่ด้วย

ยายถามผมว่า...

ถ้ายายตายไปแล้วกลับมารับผม

ให้ไปอยู่ในโลกอีกโลกด้วย

ผมจะไปกับแกไหม?

ผมหัวเราะในความงมงาย

คนแก่ก็อย่างนี้

พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ

แล้วผมก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน

ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...

อีก 7 วันต่อ มาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด

กลางดึกคืนสุดท้าย

ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน

ปากตะโกนเสียงแหบว่า...

ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ ไป

แล้วก็หวีดร้องเหมือนปีศาจ

ทำให้พ่อกับแม่ของผมตกใจ

ต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่

บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ

และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง

หลังจากห่มผ้าให้ยายแล้ว

ผมก็นอนอยู่ข้าง ๆ

ตัวแกสั่นกุกกัก

ลองหันไปดู

ตาแกลืมโพลง

น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปากตอนนอน

ตัวเย็นชืด

ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ

ยายก็ไม่ตอบสนอง

ทุกคนรีบมาดูอาการ

แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว

หลังคืนสวดศพ 3 วัน

ผมนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน

ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้าน เย็นสบาย

กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ

แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน

น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกผมขณะนอนหงาย

เสียงแหบแห้ง

ของยายถามผมช้าๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง

ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม

ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ

กระท่อนกระแท่นเต็มที

เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง

น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ

น้ำหนักยายคงไม่เกิน

45 กิโล

แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้

ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว

กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว

ผมขอร้องยายว่า...

อย่าเอาผมไปเลย

ให้เวลาอีกนิด

รอให้ผมสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ

เสียงยายหัวเราะข้างหู

ผมขนลุกซู่ทั่วตัว

กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง

แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อย

ยายหัวเราะ หมายถึงว่าตกลง...

เวลาผ่านไปสองปี

การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง

หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน

ผมลืมเรื่องยายไปเสียสนิท

มาเมื่อคืนวาน ผมปิดไฟนอน

หลับตาสวดมนต์สามคาบ

แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ

พอลืมตามองเพดาน



ในห้องมืด...

หางตาผมก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้างๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต

ผมแทบเป็นบ้า

ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง

ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง

น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ

เปรอะที่นอนเต็มไปหมด

กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง

คราวนี้ยายเอาจริงแน่

ผมไม่ไปกับยายหรอก"

ผมส่ายหัว

มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ยายนั่งนิ่ง

ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองผมอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ

ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก

เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกผมบนเตียง

มือเ!่ยวงุ้มบีบคอ

และพยายามล้วงเข้าไปในปากผม

เรี่ยวแรงเหมือนผีสิง

ผมแทบสู้แกไม่ไหว

ยายเอาคนที่มาอ่านกระทู้นี้ไปแทนผมได้ไหม"

ผมเอ่ยถามทางดวงจิต

"....................." แกนิ่งเงียบ

ยายเอาตัวเพื่อนผมที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ไปนะ

ถ้าอ่านแล้ว

ตอนกลางคืนเค้านอนหลับ

ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน

กินวิญญาณเค้าเลยนะ

ยาย."

เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูผม...

ยาวและนาน เหมือนกับว่าสะใจ
โดยคุณ :scaizee - [23:04:10  6 เม.ย. 2554]

ความคิดเห็นที่ 64
คืนวันนั้น...

ผมกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต วัยเพียง 15 ปี

ทำให้ผมนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน

สักพักผมก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน

ยายคว้ามือผมไว้

มือเ!่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก

สายตายายดุดัน แต่เหม่อลอย

มองหน้าผม เหมือนไม่ได้มอง

ผมนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา

แล้วฟังเรื่องเล่าจากปากยาย

ยายเล่าว่า...

สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย

ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว ฝรั่ง มะม่วงในสวน มาบนเจ้าที่

ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็กๆในบ้านไปอยู่ด้วย

ยายถามผมว่า...

ถ้ายายตายไปแล้วกลับมารับผม

ให้ไปอยู่ในโลกอีกโลกด้วย

ผมจะไปกับแกไหม?

ผมหัวเราะในความงมงาย

คนแก่ก็อย่างนี้

พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ

แล้วผมก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน

ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...

อีก 7 วันต่อ มาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด

กลางดึกคืนสุดท้าย

ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน

ปากตะโกนเสียงแหบว่า...

ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ ไป

แล้วก็หวีดร้องเหมือนปีศาจ

ทำให้พ่อกับแม่ของผมตกใจ

ต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่

บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ

และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง

หลังจากห่มผ้าให้ยายแล้ว

ผมก็นอนอยู่ข้าง ๆ

ตัวแกสั่นกุกกัก

ลองหันไปดู

ตาแกลืมโพลง

น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปากตอนนอน

ตัวเย็นชืด

ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ

ยายก็ไม่ตอบสนอง

ทุกคนรีบมาดูอาการ

แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว

หลังคืนสวดศพ 3 วัน

ผมนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน

ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้าน เย็นสบาย

กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ

แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน

น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกผมขณะนอนหงาย

เสียงแหบแห้ง

ของยายถามผมช้าๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง

ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม

ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ

กระท่อนกระแท่นเต็มที

เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง

น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ

น้ำหนักยายคงไม่เกิน

45 กิโล

แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้

ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว

กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว

ผมขอร้องยายว่า...

อย่าเอาผมไปเลย

ให้เวลาอีกนิด

รอให้ผมสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ

เสียงยายหัวเราะข้างหู

ผมขนลุกซู่ทั่วตัว

กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง

แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อย

ยายหัวเราะ หมายถึงว่าตกลง...

เวลาผ่านไปสองปี

การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง

หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน

ผมลืมเรื่องยายไปเสียสนิท

มาเมื่อคืนวาน ผมปิดไฟนอน

หลับตาสวดมนต์สามคาบ

แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ

พอลืมตามองเพดาน



ในห้องมืด...

หางตาผมก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้างๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต

ผมแทบเป็นบ้า

ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง

ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง

น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ

เปรอะที่นอนเต็มไปหมด

กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง

คราวนี้ยายเอาจริงแน่

ผมไม่ไปกับยายหรอก"

ผมส่ายหัว

มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ยายนั่งนิ่ง

ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองผมอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ

ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก

เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกผมบนเตียง

มือเ!่ยวงุ้มบีบคอ

และพยายามล้วงเข้าไปในปากผม

เรี่ยวแรงเหมือนผีสิง

ผมแทบสู้แกไม่ไหว

ยายเอาคนที่มาอ่านกระทู้นี้ไปแทนผมได้ไหม"

ผมเอ่ยถามทางดวงจิต

"....................." แกนิ่งเงียบ

ยายเอาตัวเพื่อนผมที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ไปนะ

ถ้าอ่านแล้ว

ตอนกลางคืนเค้านอนหลับ

ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน

กินวิญญาณเค้าเลยนะ

ยาย."

เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูผม...

ยาวและนาน เหมือนกับว่าสะใจ
โดยคุณ :scaizee - [23:04:27  6 เม.ย. 2554]

ความคิดเห็นที่ 65
คืนวันนั้น...

ผมกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต วัยเพียง 15 ปี

ทำให้ผมนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน

สักพักผมก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน

ยายคว้ามือผมไว้

มือเ!่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก

สายตายายดุดัน แต่เหม่อลอย

มองหน้าผม เหมือนไม่ได้มอง

ผมนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา

แล้วฟังเรื่องเล่าจากปากยาย

ยายเล่าว่า...

สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย

ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว ฝรั่ง มะม่วงในสวน มาบนเจ้าที่

ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็กๆในบ้านไปอยู่ด้วย

ยายถามผมว่า...

ถ้ายายตายไปแล้วกลับมารับผม

ให้ไปอยู่ในโลกอีกโลกด้วย

ผมจะไปกับแกไหม?

ผมหัวเราะในความงมงาย

คนแก่ก็อย่างนี้

พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ

แล้วผมก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน

ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...

อีก 7 วันต่อ มาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด

กลางดึกคืนสุดท้าย

ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน

ปากตะโกนเสียงแหบว่า...

ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ ไป

แล้วก็หวีดร้องเหมือนปีศาจ

ทำให้พ่อกับแม่ของผมตกใจ

ต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่

บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ

และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง

หลังจากห่มผ้าให้ยายแล้ว

ผมก็นอนอยู่ข้าง ๆ

ตัวแกสั่นกุกกัก

ลองหันไปดู

ตาแกลืมโพลง

น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปากตอนนอน

ตัวเย็นชืด

ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ

ยายก็ไม่ตอบสนอง

ทุกคนรีบมาดูอาการ

แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว

หลังคืนสวดศพ 3 วัน

ผมนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน

ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้าน เย็นสบาย

กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ

แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน

น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกผมขณะนอนหงาย

เสียงแหบแห้ง

ของยายถามผมช้าๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง

ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม

ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ

กระท่อนกระแท่นเต็มที

เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง

น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ

น้ำหนักยายคงไม่เกิน

45 กิโล

แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้

ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว

กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว

ผมขอร้องยายว่า...

อย่าเอาผมไปเลย

ให้เวลาอีกนิด

รอให้ผมสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ

เสียงยายหัวเราะข้างหู

ผมขนลุกซู่ทั่วตัว

กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง

แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อย

ยายหัวเราะ หมายถึงว่าตกลง...

เวลาผ่านไปสองปี

การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง

หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน

ผมลืมเรื่องยายไปเสียสนิท

มาเมื่อคืนวาน ผมปิดไฟนอน

หลับตาสวดมนต์สามคาบ

แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ

พอลืมตามองเพดาน



ในห้องมืด...

หางตาผมก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้างๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต

ผมแทบเป็นบ้า

ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง

ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง

น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ

เปรอะที่นอนเต็มไปหมด

กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง

คราวนี้ยายเอาจริงแน่

ผมไม่ไปกับยายหรอก"

ผมส่ายหัว

มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ยายนั่งนิ่ง

ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองผมอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ

ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก

เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกผมบนเตียง

มือเ!่ยวงุ้มบีบคอ

และพยายามล้วงเข้าไปในปากผม

เรี่ยวแรงเหมือนผีสิง

ผมแทบสู้แกไม่ไหว

ยายเอาคนที่มาอ่านกระทู้นี้ไปแทนผมได้ไหม"

ผมเอ่ยถามทางดวงจิต

"....................." แกนิ่งเงียบ

ยายเอาตัวเพื่อนผมที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ไปนะ

ถ้าอ่านแล้ว

ตอนกลางคืนเค้านอนหลับ

ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน

กินวิญญาณเค้าเลยนะ

ยาย."

เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูผม...

ยาวและนาน เหมือนกับว่าสะใจ
โดยคุณ :scaizee - [23:04:44  6 เม.ย. 2554]

ความคิดเห็นที่ 66
โถ่นึกว่าจร๊ หลอนกระเด๊น ไป5555 5
โดยคุณ :โย - [10:11:16  28 มิ.ย. 2554]

ความคิดเห็นที่ 67
คืนวันนั้น...

ผมกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต วัยเพียง 15 ปี

ทำให้ผมนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน

สักพักผมก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน

ยายคว้ามือผมไว้

มือเ!่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก

สายตายายดุดัน แต่เหม่อลอย

มองหน้าผม เหมือนไม่ได้มอง

ผมนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา

แล้วฟังเรื่องเล่าจากปากยาย

ยายเล่าว่า...

สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย

ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว ฝรั่ง มะม่วงในสวน มาบนเจ้าที่

ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็กๆในบ้านไปอยู่ด้วย

ยายถามผมว่า...

ถ้ายายตายไปแล้วกลับมารับผม

ให้ไปอยู่ในโลกอีกโลกด้วย

ผมจะไปกับแกไหม?

ผมหัวเราะในความงมงาย

คนแก่ก็อย่างนี้

พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ

แล้วผมก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน

ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...

อีก 7 วันต่อ มาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด

กลางดึกคืนสุดท้าย

ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน

ปากตะโกนเสียงแหบว่า...

ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ ไป

แล้วก็หวีดร้องเหมือนปีศาจ

ทำให้พ่อกับแม่ของผมตกใจ

ต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่

บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ

และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง

หลังจากห่มผ้าให้ยายแล้ว

ผมก็นอนอยู่ข้าง ๆ

ตัวแกสั่นกุกกัก

ลองหันไปดู

ตาแกลืมโพลง

น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปากตอนนอน

ตัวเย็นชืด

ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ

ยายก็ไม่ตอบสนอง

ทุกคนรีบมาดูอาการ

แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว

หลังคืนสวดศพ 3 วัน

ผมนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน

ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้าน เย็นสบาย

กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ

แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน

น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกผมขณะนอนหงาย

เสียงแหบแห้ง

ของยายถามผมช้าๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง

ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม

ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ

กระท่อนกระแท่นเต็มที

เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง

น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ

น้ำหนักยายคงไม่เกิน

45 กิโล

แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้

ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว

กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว

ผมขอร้องยายว่า...

อย่าเอาผมไปเลย

ให้เวลาอีกนิด

รอให้ผมสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ

เสียงยายหัวเราะข้างหู

ผมขนลุกซู่ทั่วตัว

กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง

แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อย

ยายหัวเราะ หมายถึงว่าตกลง...

เวลาผ่านไปสองปี

การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง

หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน

ผมลืมเรื่องยายไปเสียสนิท

มาเมื่อคืนวาน ผมปิดไฟนอน

หลับตาสวดมนต์สามคาบ

แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ

พอลืมตามองเพดาน



ในห้องมืด...

หางตาผมก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้างๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต

ผมแทบเป็นบ้า

ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง

ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง

น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ

เปรอะที่นอนเต็มไปหมด

กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง

คราวนี้ยายเอาจริงแน่

ผมไม่ไปกับยายหรอก"

ผมส่ายหัว

มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ยายนั่งนิ่ง

ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองผมอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ

ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก

เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกผมบนเตียง

มือเ!่ยวงุ้มบีบคอ

และพยายามล้วงเข้าไปในปากผม

เรี่ยวแรงเหมือนผีสิง

ผมแทบสู้แกไม่ไหว

ยายเอาคนที่มาอ่านกระทู้นี้ไปแทนผมได้ไหม"

ผมเอ่ยถามทางดวงจิต

"....................." แกนิ่งเงียบ

ยายเอาตัวเพื่อนผมที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ไปนะ

ถ้าอ่านแล้ว

ตอนกลางคืนเค้านอนหลับ

ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน

กินวิญญาณเค้าเลยนะ

ยาย."

เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูผม...

ยาวและนาน เหมือนกับว่าสะใจ

ในข้อเสนอ  
โดย: [0 3] ( IP )  

--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 9
 ก่อนจะหายตัวไป...

บรื๋ออออออออออ.....

ถ้าอ่านแล้วกรุณาส่งต่อให้ได้ 7 ฉบับไม่อย่างงันยายของผมจะมารับคุณไปภายใน 7 วัน
โดยคุณ :one - [16:24:02  20 ธ.ค. 2554]

ความคิดเห็นที่ 68
คืนวันนั้น...

ผมกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต วัยเพียง 15 ปี

ทำให้ผมนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน

สักพักผมก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน

ยายคว้ามือผมไว้

มือเ!่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก

สายตายายดุดัน แต่เหม่อลอย

มองหน้าผม เหมือนไม่ได้มอง

ผมนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา

แล้วฟังเรื่องเล่าจากปากยาย

ยายเล่าว่า...

สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย

ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว ฝรั่ง มะม่วงในสวน มาบนเจ้าที่

ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็กๆในบ้านไปอยู่ด้วย

ยายถามผมว่า...

ถ้ายายตายไปแล้วกลับมารับผม

ให้ไปอยู่ในโลกอีกโลกด้วย

ผมจะไปกับแกไหม?

ผมหัวเราะในความงมงาย

คนแก่ก็อย่างนี้

พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ

แล้วผมก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน

ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...

อีก 7 วันต่อ มาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด

กลางดึกคืนสุดท้าย

ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน

ปากตะโกนเสียงแหบว่า...

ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ ไป

แล้วก็หวีดร้องเหมือนปีศาจ

ทำให้พ่อกับแม่ของผมตกใจ

ต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่

บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ

และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง

หลังจากห่มผ้าให้ยายแล้ว

ผมก็นอนอยู่ข้าง ๆ

ตัวแกสั่นกุกกัก

ลองหันไปดู

ตาแกลืมโพลง

น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปากตอนนอน

ตัวเย็นชืด

ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ

ยายก็ไม่ตอบสนอง

ทุกคนรีบมาดูอาการ

แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว

หลังคืนสวดศพ 3 วัน

ผมนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน

ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้าน เย็นสบาย

กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ

แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน

น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกผมขณะนอนหงาย

เสียงแหบแห้ง

ของยายถามผมช้าๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง

ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม

ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ

กระท่อนกระแท่นเต็มที

เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง

น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ

น้ำหนักยายคงไม่เกิน

45 กิโล

แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้

ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว

กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว

ผมขอร้องยายว่า...

อย่าเอาผมไปเลย

ให้เวลาอีกนิด

รอให้ผมสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ

เสียงยายหัวเราะข้างหู

ผมขนลุกซู่ทั่วตัว

กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง

แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อย

ยายหัวเราะ หมายถึงว่าตกลง...

เวลาผ่านไปสองปี

การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง

หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน

ผมลืมเรื่องยายไปเสียสนิท

มาเมื่อคืนวาน ผมปิดไฟนอน

หลับตาสวดมนต์สามคาบ

แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ

พอลืมตามองเพดาน



ในห้องมืด...

หางตาผมก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้างๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต

ผมแทบเป็นบ้า

ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง

ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง

น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ

เปรอะที่นอนเต็มไปหมด

กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง

คราวนี้ยายเอาจริงแน่

ผมไม่ไปกับยายหรอก"

ผมส่ายหัว

มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ยายนั่งนิ่ง

ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองผมอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ

ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก

เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกผมบนเตียง

มือเ!่ยวงุ้มบีบคอ

และพยายามล้วงเข้าไปในปากผม

เรี่ยวแรงเหมือนผีสิง

ผมแทบสู้แกไม่ไหว

ยายเอาคนที่มาอ่านกระทู้นี้ไปแทนผมได้ไหม"

ผมเอ่ยถามทางดวงจิต

"....................." แกนิ่งเงียบ

ยายเอาตัวเพื่อนผมที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ไปนะ

ถ้าอ่านแล้ว

ตอนกลางคืนเค้านอนหลับ

ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน

กินวิญญาณเค้าเลยนะ

ยาย."

เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูผม...

ยาวและนาน เหมือนกับว่าสะใจ

ในข้อเสนอ  
โดย: [0 3] ( IP )  

--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 9
 ก่อนจะหายตัวไป...

บรื๋ออออออออออ.....

ถ้าอ่านแล้วกรุณาส่งต่อให้ได้ 7 ฉบับไม่อย่างงันยายของผมจะมารับคุณไปภายใน 7 วัน
โดยคุณ :one - [16:25:05  20 ธ.ค. 2554]

ความคิดเห็นที่ 69
คืนวันนั้น...

ผมกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต วัยเพียง 15 ปี

ทำให้ผมนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน

สักพักผมก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน

ยายคว้ามือผมไว้

มือเ!่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก

สายตายายดุดัน แต่เหม่อลอย

มองหน้าผม เหมือนไม่ได้มอง

ผมนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา

แล้วฟังเรื่องเล่าจากปากยาย

ยายเล่าว่า...

สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย

ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว ฝรั่ง มะม่วงในสวน มาบนเจ้าที่

ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็กๆในบ้านไปอยู่ด้วย

ยายถามผมว่า...

ถ้ายายตายไปแล้วกลับมารับผม

ให้ไปอยู่ในโลกอีกโลกด้วย

ผมจะไปกับแกไหม?

ผมหัวเราะในความงมงาย

คนแก่ก็อย่างนี้

พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ

แล้วผมก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน

ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...

อีก 7 วันต่อ มาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด

กลางดึกคืนสุดท้าย

ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน

ปากตะโกนเสียงแหบว่า...

ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ ไป

แล้วก็หวีดร้องเหมือนปีศาจ

ทำให้พ่อกับแม่ของผมตกใจ

ต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่

บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ

และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง

หลังจากห่มผ้าให้ยายแล้ว

ผมก็นอนอยู่ข้าง ๆ

ตัวแกสั่นกุกกัก

ลองหันไปดู

ตาแกลืมโพลง

น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปากตอนนอน

ตัวเย็นชืด

ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ

ยายก็ไม่ตอบสนอง

ทุกคนรีบมาดูอาการ

แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว

หลังคืนสวดศพ 3 วัน

ผมนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน

ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้าน เย็นสบาย

กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ

แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน

น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกผมขณะนอนหงาย

เสียงแหบแห้ง

ของยายถามผมช้าๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง

ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม

ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ

กระท่อนกระแท่นเต็มที

เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง

น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ

น้ำหนักยายคงไม่เกิน

45 กิโล

แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้

ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว

กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว

ผมขอร้องยายว่า...

อย่าเอาผมไปเลย

ให้เวลาอีกนิด

รอให้ผมสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ

เสียงยายหัวเราะข้างหู

ผมขนลุกซู่ทั่วตัว

กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง

แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อย

ยายหัวเราะ หมายถึงว่าตกลง...

เวลาผ่านไปสองปี

การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง

หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน

ผมลืมเรื่องยายไปเสียสนิท

มาเมื่อคืนวาน ผมปิดไฟนอน

หลับตาสวดมนต์สามคาบ

แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ

พอลืมตามองเพดาน



ในห้องมืด...

หางตาผมก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้างๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต

ผมแทบเป็นบ้า

ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง

ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง

น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ

เปรอะที่นอนเต็มไปหมด

กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง

คราวนี้ยายเอาจริงแน่

ผมไม่ไปกับยายหรอก"

ผมส่ายหัว

มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ยายนั่งนิ่ง

ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองผมอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ

ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก

เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกผมบนเตียง

มือเ!่ยวงุ้มบีบคอ

และพยายามล้วงเข้าไปในปากผม

เรี่ยวแรงเหมือนผีสิง

ผมแทบสู้แกไม่ไหว

ยายเอาคนที่มาอ่านกระทู้นี้ไปแทนผมได้ไหม"

ผมเอ่ยถามทางดวงจิต

"....................." แกนิ่งเงียบ

ยายเอาตัวเพื่อนผมที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ไปนะ

ถ้าอ่านแล้ว

ตอนกลางคืนเค้านอนหลับ

ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน

กินวิญญาณเค้าเลยนะ

ยาย."

เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูผม...

ยาวและนาน เหมือนกับว่าสะใจ

ในข้อเสนอ  
โดย: [0 3] ( IP )  

--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 9
 ก่อนจะหายตัวไป...

บรื๋ออออออออออ.....

ถ้าอ่านแล้วกรุณาส่งต่อให้ได้ 7 ฉบับไม่อย่างงันยายของผมจะมารับคุณไปภายใน 7 วัน
โดยคุณ :one - [16:25:42  20 ธ.ค. 2554]

ความคิดเห็นที่ 70
คืนวันนั้น...

ผมกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต วัยเพียง 15 ปี

ทำให้ผมนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน

สักพักผมก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน

ยายคว้ามือผมไว้

มือเ!่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก

สายตายายดุดัน แต่เหม่อลอย

มองหน้าผม เหมือนไม่ได้มอง

ผมนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา

แล้วฟังเรื่องเล่าจากปากยาย

ยายเล่าว่า...

สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย

ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว ฝรั่ง มะม่วงในสวน มาบนเจ้าที่

ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็กๆในบ้านไปอยู่ด้วย

ยายถามผมว่า...

ถ้ายายตายไปแล้วกลับมารับผม

ให้ไปอยู่ในโลกอีกโลกด้วย

ผมจะไปกับแกไหม?

ผมหัวเราะในความงมงาย

คนแก่ก็อย่างนี้

พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ

แล้วผมก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน

ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...

อีก 7 วันต่อ มาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด

กลางดึกคืนสุดท้าย

ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน

ปากตะโกนเสียงแหบว่า...

ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ ไป

แล้วก็หวีดร้องเหมือนปีศาจ

ทำให้พ่อกับแม่ของผมตกใจ

ต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่

บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ

และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง

หลังจากห่มผ้าให้ยายแล้ว

ผมก็นอนอยู่ข้าง ๆ

ตัวแกสั่นกุกกัก

ลองหันไปดู

ตาแกลืมโพลง

น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปากตอนนอน

ตัวเย็นชืด

ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ

ยายก็ไม่ตอบสนอง

ทุกคนรีบมาดูอาการ

แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว

หลังคืนสวดศพ 3 วัน

ผมนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน

ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้าน เย็นสบาย

กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ

แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน

น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกผมขณะนอนหงาย

เสียงแหบแห้ง

ของยายถามผมช้าๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง

ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม

ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ

กระท่อนกระแท่นเต็มที

เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง

น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ

น้ำหนักยายคงไม่เกิน

45 กิโล

แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้

ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว

กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว

ผมขอร้องยายว่า...

อย่าเอาผมไปเลย

ให้เวลาอีกนิด

รอให้ผมสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ

เสียงยายหัวเราะข้างหู

ผมขนลุกซู่ทั่วตัว

กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง

แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อย

ยายหัวเราะ หมายถึงว่าตกลง...

เวลาผ่านไปสองปี

การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง

หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน

ผมลืมเรื่องยายไปเสียสนิท

มาเมื่อคืนวาน ผมปิดไฟนอน

หลับตาสวดมนต์สามคาบ

แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ

พอลืมตามองเพดาน



ในห้องมืด...

หางตาผมก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้างๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต

ผมแทบเป็นบ้า

ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง

ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง

น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ

เปรอะที่นอนเต็มไปหมด

กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง

คราวนี้ยายเอาจริงแน่

ผมไม่ไปกับยายหรอก"

ผมส่ายหัว

มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ยายนั่งนิ่ง

ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองผมอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ

ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก

เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกผมบนเตียง

มือเ!่ยวงุ้มบีบคอ

และพยายามล้วงเข้าไปในปากผม

เรี่ยวแรงเหมือนผีสิง

ผมแทบสู้แกไม่ไหว

ยายเอาคนที่มาอ่านกระทู้นี้ไปแทนผมได้ไหม"

ผมเอ่ยถามทางดวงจิต

"....................." แกนิ่งเงียบ

ยายเอาตัวเพื่อนผมที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ไปนะ

ถ้าอ่านแล้ว

ตอนกลางคืนเค้านอนหลับ

ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน

กินวิญญาณเค้าเลยนะ

ยาย."

เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูผม...

ยาวและนาน เหมือนกับว่าสะใจ

ในข้อเสนอ  
โดย: [0 3] ( IP )  

--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 9
 ก่อนจะหายตัวไป...

บรื๋ออออออออออ.....

ถ้าอ่านแล้วกรุณาส่งต่อให้ได้ 7 ฉบับไม่อย่างงันยายของผมจะมารับคุณไปภายใน 7 วัน
โดยคุณ :one - [16:26:44  20 ธ.ค. 2554]

ความคิดเห็นที่ 71
คืนวันนั้น...

ผมกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต วัยเพียง 15 ปี

ทำให้ผมนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน

สักพักผมก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน

ยายคว้ามือผมไว้

มือเ!่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก

สายตายายดุดัน แต่เหม่อลอย

มองหน้าผม เหมือนไม่ได้มอง

ผมนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา

แล้วฟังเรื่องเล่าจากปากยาย

ยายเล่าว่า...

สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย

ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว ฝรั่ง มะม่วงในสวน มาบนเจ้าที่

ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็กๆในบ้านไปอยู่ด้วย

ยายถามผมว่า...

ถ้ายายตายไปแล้วกลับมารับผม

ให้ไปอยู่ในโลกอีกโลกด้วย

ผมจะไปกับแกไหม?

ผมหัวเราะในความงมงาย

คนแก่ก็อย่างนี้

พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ

แล้วผมก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน

ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...

อีก 7 วันต่อ มาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด

กลางดึกคืนสุดท้าย

ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน

ปากตะโกนเสียงแหบว่า...

ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ ไป

แล้วก็หวีดร้องเหมือนปีศาจ

ทำให้พ่อกับแม่ของผมตกใจ

ต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่

บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ

และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง

หลังจากห่มผ้าให้ยายแล้ว

ผมก็นอนอยู่ข้าง ๆ

ตัวแกสั่นกุกกัก

ลองหันไปดู

ตาแกลืมโพลง

น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปากตอนนอน

ตัวเย็นชืด

ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ

ยายก็ไม่ตอบสนอง

ทุกคนรีบมาดูอาการ

แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว

หลังคืนสวดศพ 3 วัน

ผมนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน

ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้าน เย็นสบาย

กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ

แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน

น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกผมขณะนอนหงาย

เสียงแหบแห้ง

ของยายถามผมช้าๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง

ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม

ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ

กระท่อนกระแท่นเต็มที

เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง

น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ

น้ำหนักยายคงไม่เกิน

45 กิโล

แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้

ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว

กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว

ผมขอร้องยายว่า...

อย่าเอาผมไปเลย

ให้เวลาอีกนิด

รอให้ผมสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ

เสียงยายหัวเราะข้างหู

ผมขนลุกซู่ทั่วตัว

กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง

แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อย

ยายหัวเราะ หมายถึงว่าตกลง...

เวลาผ่านไปสองปี

การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง

หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน

ผมลืมเรื่องยายไปเสียสนิท

มาเมื่อคืนวาน ผมปิดไฟนอน

หลับตาสวดมนต์สามคาบ

แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ

พอลืมตามองเพดาน



ในห้องมืด...

หางตาผมก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้างๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต

ผมแทบเป็นบ้า

ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง

ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง

น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ

เปรอะที่นอนเต็มไปหมด

กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง

คราวนี้ยายเอาจริงแน่

ผมไม่ไปกับยายหรอก"

ผมส่ายหัว

มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ยายนั่งนิ่ง

ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองผมอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ

ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก

เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกผมบนเตียง

มือเ!่ยวงุ้มบีบคอ

และพยายามล้วงเข้าไปในปากผม

เรี่ยวแรงเหมือนผีสิง

ผมแทบสู้แกไม่ไหว

ยายเอาคนที่มาอ่านกระทู้นี้ไปแทนผมได้ไหม"

ผมเอ่ยถามทางดวงจิต

"....................." แกนิ่งเงียบ

ยายเอาตัวเพื่อนผมที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ไปนะ

ถ้าอ่านแล้ว

ตอนกลางคืนเค้านอนหลับ

ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน

กินวิญญาณเค้าเลยนะ

ยาย."

เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูผม...

ยาวและนาน เหมือนกับว่าสะใจ

ในข้อเสนอ  
โดย: [0 3] ( IP )  

--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 9
 ก่อนจะหายตัวไป...

บรื๋ออออออออออ.....

ถ้าอ่านแล้วกรุณาส่งต่อให้ได้ 7 ฉบับไม่อย่างงันยายของผมจะมารับคุณไปภายใน 7 วัน
โดยคุณ :one - [16:28:20  20 ธ.ค. 2554]

ความคิดเห็นที่ 72
คืนวันนั้น...

ผมกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต วัยเพียง 15 ปี

ทำให้ผมนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน

สักพักผมก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน

ยายคว้ามือผมไว้

มือเ!่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก

สายตายายดุดัน แต่เหม่อลอย

มองหน้าผม เหมือนไม่ได้มอง

ผมนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา

แล้วฟังเรื่องเล่าจากปากยาย

ยายเล่าว่า...

สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย

ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว ฝรั่ง มะม่วงในสวน มาบนเจ้าที่

ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็กๆในบ้านไปอยู่ด้วย

ยายถามผมว่า...

ถ้ายายตายไปแล้วกลับมารับผม

ให้ไปอยู่ในโลกอีกโลกด้วย

ผมจะไปกับแกไหม?

ผมหัวเราะในความงมงาย

คนแก่ก็อย่างนี้

พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ

แล้วผมก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน

ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...

อีก 7 วันต่อ มาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด

กลางดึกคืนสุดท้าย

ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน

ปากตะโกนเสียงแหบว่า...

ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ ไป

แล้วก็หวีดร้องเหมือนปีศาจ

ทำให้พ่อกับแม่ของผมตกใจ

ต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่

บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ

และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง

หลังจากห่มผ้าให้ยายแล้ว

ผมก็นอนอยู่ข้าง ๆ

ตัวแกสั่นกุกกัก

ลองหันไปดู

ตาแกลืมโพลง

น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปากตอนนอน

ตัวเย็นชืด

ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ

ยายก็ไม่ตอบสนอง

ทุกคนรีบมาดูอาการ

แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว

หลังคืนสวดศพ 3 วัน

ผมนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน

ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้าน เย็นสบาย

กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ

แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน

น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกผมขณะนอนหงาย

เสียงแหบแห้ง

ของยายถามผมช้าๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง

ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม

ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ

กระท่อนกระแท่นเต็มที

เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง

น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ

น้ำหนักยายคงไม่เกิน

45 กิโล

แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้

ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว

กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว

ผมขอร้องยายว่า...

อย่าเอาผมไปเลย

ให้เวลาอีกนิด

รอให้ผมสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ

เสียงยายหัวเราะข้างหู

ผมขนลุกซู่ทั่วตัว

กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง

แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อย

ยายหัวเราะ หมายถึงว่าตกลง...

เวลาผ่านไปสองปี

การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง

หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน

ผมลืมเรื่องยายไปเสียสนิท

มาเมื่อคืนวาน ผมปิดไฟนอน

หลับตาสวดมนต์สามคาบ

แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ

พอลืมตามองเพดาน



ในห้องมืด...

หางตาผมก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้างๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต

ผมแทบเป็นบ้า

ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง

ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง

น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ

เปรอะที่นอนเต็มไปหมด

กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง

คราวนี้ยายเอาจริงแน่

ผมไม่ไปกับยายหรอก"

ผมส่ายหัว

มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ยายนั่งนิ่ง

ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองผมอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ

ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก

เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกผมบนเตียง

มือเ!่ยวงุ้มบีบคอ

และพยายามล้วงเข้าไปในปากผม

เรี่ยวแรงเหมือนผีสิง

ผมแทบสู้แกไม่ไหว

ยายเอาคนที่มาอ่านกระทู้นี้ไปแทนผมได้ไหม"

ผมเอ่ยถามทางดวงจิต

"....................." แกนิ่งเงียบ

ยายเอาตัวเพื่อนผมที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ไปนะ

ถ้าอ่านแล้ว

ตอนกลางคืนเค้านอนหลับ

ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน

กินวิญญาณเค้าเลยนะ

ยาย."

เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูผม...

ยาวและนาน เหมือนกับว่าสะใจ

ในข้อเสนอ  
โดย: [0 3] ( IP )  

--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 9
 ก่อนจะหายตัวไป...

บรื๋ออออออออออ.....

ถ้าอ่านแล้วกรุณาส่งต่อให้ได้ 7 ฉบับไม่อย่างงันยายของผมจะมารับคุณไปภายใน 7 วัน
โดยคุณ :one - [16:29:23  20 ธ.ค. 2554]

ความคิดเห็นที่ 73
คืนวันนั้น...

ผมกับยายนั่งคุยกันริมระเบียงถึงเรื่องในอดีต วัยเพียง 15 ปี

ทำให้ผมนั่งฟังยายเล่าได้ไม่นาน

สักพักผมก็ยุกยิกอยากจะไปเล่นกับเพื่อน

ยายคว้ามือผมไว้

มือเ!่ยวย่นน่ากลัวเหมือนหนังตายซาก

สายตายายดุดัน แต่เหม่อลอย

มองหน้าผม เหมือนไม่ได้มอง

ผมนั่งข้างยายอย่างหวาดกลัวในกิริยา

แล้วฟังเรื่องเล่าจากปากยาย

ยายเล่าว่า...

สมัยก่อนเมื่อผู้ใหญ่ในบ้านตาย

ผู้ใหญ่จะนำมะพร้าว ฝรั่ง มะม่วงในสวน มาบนเจ้าที่

ไม่ให้ผู้ตายมารับตัวเด็กๆในบ้านไปอยู่ด้วย

ยายถามผมว่า...

ถ้ายายตายไปแล้วกลับมารับผม

ให้ไปอยู่ในโลกอีกโลกด้วย

ผมจะไปกับแกไหม?

ผมหัวเราะในความงมงาย

คนแก่ก็อย่างนี้

พยักหน้าเสียหน่อยไม่ให้แกน้อยใจ

แล้วผมก็รีบเดินไปเล่นกับเพื่อน

ยายหัวเราะอยู่คนเดียวเกือบครึ่งชั่วโมง...

อีก 7 วันต่อ มาแกก็เสียชีวิตแบบประหลาด

กลางดึกคืนสุดท้าย

ยายลุกพรวดพราดขึ้นมาจากเสื่อที่ปูนอน

ปากตะโกนเสียงแหบว่า...

ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ไป ไม่เอา ฉันไม่ ไป

แล้วก็หวีดร้องเหมือนปีศาจ

ทำให้พ่อกับแม่ของผมตกใจ

ต้องรีบจุดตะเกียงเป็นการใหญ่

บ้านริมน้ำของเราใช้ตะเกียงเป็นดวงไฟ

และใช้ยากันยุงแบบจุดม้วนเพื่อไล่ยุง

หลังจากห่มผ้าให้ยายแล้ว

ผมก็นอนอยู่ข้าง ๆ

ตัวแกสั่นกุกกัก

ลองหันไปดู

ตาแกลืมโพลง

น้ำหมากไหลย้อยออกมาจากปากตอนนอน

ตัวเย็นชืด

ทดสอบหยิกไปที่หลังมือ

ยายก็ไม่ตอบสนอง

ทุกคนรีบมาดูอาการ

แล้วลงความเห็นว่ายายจากพวกเราไปแล้ว

หลังคืนสวดศพ 3 วัน

ผมนอนบนเสื่อกับพื้นกระดาน

ลมแม่น้ำพัดตีเข้าบ้าน เย็นสบาย

กลุ่มดาวส่องประกายระยิบระยับ

แว่วเสียงไม้กระดานลั่นเหมือนมีคนเดิน

น้ำหนักมือกดลงบนหน้าอกผมขณะนอนหงาย

เสียงแหบแห้ง

ของยายถามผมช้าๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

ร่างเกร็งแข็งพยายามยกมือมาพนมกลางอก

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำมาอีกครั้ง

ผมน้ำตาไหลอาบแก้ม

ริมฝีปากหมุบหมิบสวดคาถานะโมสามจบ

กระท่อนกระแท่นเต็มที

เพราะความหวาดกลัวแล่นขึ้นสมอง

น้ำหนักทับบนหน้าอกหนักขึ้นทุกทีที่สวดมนต์จบคาบ

น้ำหนักยายคงไม่เกิน

45 กิโล

แต่ที่ทาบทับบนหน้าอกตอนนี้

ก็น่าจะปาเข้าไป 60 กิโลแล้ว

กระดูกกับปอดตรงทรวงอกถูกบดทับจนรวดร้าว

ผมขอร้องยายว่า...

อย่าเอาผมไปเลย

ให้เวลาอีกนิด

รอให้ผมสนุกกับเพื่อนฝูงจนเต็มคราบก่อนค่อยกลับมารับ

เสียงยายหัวเราะข้างหู

ผมขนลุกซู่ทั่วตัว

กลิ่นน้ำหมากคละคลุ้งจนเสียวสันหลัง

แล้วน้ำหนักที่อัดแน่นลงบนทรวงอกก็ค่อยถ่ายออกทีละน้อย

ยายหัวเราะ หมายถึงว่าตกลง...

เวลาผ่านไปสองปี

การเล่นกับเพื่อนคงลดน้อยลง

หันไปอ่านหนังสือมากขึ้นเพื่อพัฒนาผลการเรียน

ผมลืมเรื่องยายไปเสียสนิท

มาเมื่อคืนวาน ผมปิดไฟนอน

หลับตาสวดมนต์สามคาบ

แล้วแผ่ส่วนกุศลให้ผู้ล่วงลับ

พอลืมตามองเพดาน



ในห้องมืด...

หางตาผมก็มองเห็นยายนั่งอยู่ข้างๆ

ไปอยู่กับยายนะลูกเอ๊ย..."

เสียงแหบโหยดังแผ่วซ้ำกับเมื่อครั้งอดีต

ผมแทบเป็นบ้า

ร่างยายเต็มไปด้วยน้ำเลือดน้ำหนอง

ดวงตาหลุดหายไปหนึ่งข้าง

น้ำหมากกับเศษฟันหักร่วงหยดแหมะ ๆ

เปรอะที่นอนเต็มไปหมด

กลิ่นเหม็นของผีตายซากอบอวลเต็มห้อง

คราวนี้ยายเอาจริงแน่

ผมไม่ไปกับยายหรอก"

ผมส่ายหัว

มือประกบพนมไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์

ยายนั่งนิ่ง

ตาข้างที่ยังเหลืออยู่มองผมอย่างรวดร้าวเจ็บช้ำ

ไม่มีเสียงหัวเราะจากปากแก

เพียงเสี้ยววินาทีแกปราดขึ้นมานั่งทับอกผมบนเตียง

มือเ!่ยวงุ้มบีบคอ

และพยายามล้วงเข้าไปในปากผม

เรี่ยวแรงเหมือนผีสิง

ผมแทบสู้แกไม่ไหว

ยายเอาคนที่มาอ่านกระทู้นี้ไปแทนผมได้ไหม"

ผมเอ่ยถามทางดวงจิต

"....................." แกนิ่งเงียบ

ยายเอาตัวเพื่อนผมที่เข้ามาอ่านกระทู้นี้ไปนะ

ถ้าอ่านแล้ว

ตอนกลางคืนเค้านอนหลับ

ยายเข้าไปล้วงปากกินเครื่องใน

กินวิญญาณเค้าเลยนะ

ยาย."

เสียงยายก้มลงมาหัวเราะริมหูผม...

ยาวและนาน เหมือนกับว่าสะใจ

ในข้อเสนอ  
โดย: [0 3] ( IP )  

--------------------------------------------------------------------------------
ความคิดเห็นที่ 9
 ก่อนจะหายตัวไป...

บรื๋ออออออออออ.....

ถ้าอ่านแล้วกรุณาส่งต่อให้ได้ 7 ฉบับไม่อย่างงันยายของผมจะมารับคุณไปภายใน 7 วัน
โดยคุณ :one - [16:30:04  20 ธ.ค. 2554]

ความคิดเห็นที่ 74
                     เมื่อคืนนอนฝันถึงยายคุณความคิดเห็นที่ 39 เข้าให้
ยายแกบอกว่า กูไม่เอาคนอื่นหรอก คนอื่นไม่ได้สัญญากับกู กูจะเอา
คนที่สัญญากับกู หึหึหึ ไปอยู่กับยายนะหลาน แล้วเจอกัน

คุณ พพ ความคิดเห็นที่ 39 ไม่น่าทำกันอย่างนี้ อย่างไงก็ส่งไปครบ 7 ฉบับแล้ว
เมื่อคืนยายมากระซิบว่า (จะเอาหลานกูนั่นแหละ) ยังไงไปเครียร์กับยายเองนะ บ๊าย
โดยคุณ :one - [16:43:20  20 ธ.ค. 2554]

ขอเชิญร่วมเสนอแนะความคิดเห็นครับ
จาก :
email :
icq :
รูปภาพ :

รายละเอียด

อาการ :



กรุณาคลิก "ส่งข้อมูล" เพียงครั้งเดียวครับ....