กระดานความรู้สึก


มีเรื่องน่ารักๆเก็บมาฝาก
ตอนที่ผมเดินชนหนูน้อยคนนั้น ผมกำลังเดินใจลอยดูของอยู่ในซุปเปอร์มาร์เก็ตกลางเมือง พระเอกตัวน้อยของผมเล่นซ่อนหากับน้องชาย โดยวิ่งหลบและโผล่หน้ามาหลอกกันระหว่างแถวของชั้นวางสินค้าที่สูงลิบ สำหรับพวกเขาแล้ว นี่คงเป็นโลกการผจญภัยที่สนุกที่สุดของวัน ในขณะที่แม่ของพวกเขาก้ม ๆ เงย ๆ ดูราคาสินค้าเทียบกับรายการในมือ เจ้าหนูทั้งสองคนก็วิ่งหลบไปมา จนมาชนกับตัวละครนอกจินตนาการอย่างผม

ผมยิ้มให้ เขาคงอาย กลัว หรือเขินก็ไม่อาจรู้ได้ เพราะเล่นวิ่งหายไปกับแถวสินค้าช่องถัดไป ... พวกเขาทั้งสองทำให้ผมฉุกคิด ในขณะที่ตัวเองกำลังเลือกซื้อของใช้ พร้อมกับบวกลบคูณหารเลขราคากับเงินในกระเป๋า กังวลเรื่องงาน และอีกสารพัดร้อยแปดเรื่องราว ที่ทำให้การซื้อของเป็นเพียงการเปลี่ยนอารมณ์ เด็กน้อยทั้งสองกลับสนุกสนานไปกับทุกสิ่งรอบตัว ... เป็นเด็กนี่สุขง่ายดีหนอ....ผมคิด

จริงสินะ ตอนเด็ก ๆ ผมก็สนุกไปกับทุกอย่างได้

อย่างเดินไปตามฟุตบาท เจอเส้นกั้นของปูน ผมก็เล่นกับขาตัวเอง ... ก้าวเท้าให้เท่า ๆ กันทุกก้าว แล้วดูว่าจะเหยียบโดนเส้นหรือเปล่า หากโดนก็บาดเจ็บหนึ่งหน เดินไปจนสุดเส้นทางที่กำหนดเองในใจ หากไม่บาดเจ็บเกินสิบแผล ก็ถือว่าชนะ ... ตั้งกติกาเอง เล่นเอง ... ยิ่งไปเจอเส้นบนถนน อย่างทางม้าลาย หรือเส้นห้ามหยุด       ที่พันตัดกันไปหมด...ยิ่งดูท้าทาย

ผมว่าตัวเองเก็บ “ก้อนเด็ก” ไว้ในตัวได้ดีระดับหนึ่ง เวลาไปงานเลี้ยงอะไรที่แสนน่าเบื่อ ผมจะมองหาเด็ก ๆ เล่นด้วย จนกลายเป็นหัวหน้าแก๊งค์ไปเสียเกือบทุกงาน หยิบเหรียญห้าบาทมาพลิกไปพลิกมาแล้วหายวับ มาโผล่ที่หลังใบหู เด็กดูแล้วก็หัวเราะ ... พอมีเสียงหัวเราะ ทุกอย่างก็เริ่มง่าย จะให้กินข้าว นั่งนิ่ง ๆ หรือไปห้องน้ำก็บอกกันได้หมด ญาติ ๆ จึงมักให้ลูก ๆ เค้ามาอยู่กับผู้ใหญ่หัวใจเด็กคนนี้เวลาที่เขาจะสุราพาทีกันเสมอ

ผมว่าเด็ก ๆ เป็นวัยที่มหัศจรรย์ เขาจะมีโลกและมุมมองต่อโลกใบนี้อย่างน่าเอ็นดูเหลือเกิน ลูกสาวของพี่ของเพื่อนคนหนึ่งที่ผมรู้จักชื่อ “น้องแป้ง” วัยกำลังซน ทุกอย่างล้วนเป็นสิ่งแปลกใหม่และพร้อมให้เธอเรียนรู้ คุณแม่ของน้องแป้งอยากให้ลูกสาวเก่งภาษาอังกฤษจึงสอนให้น้องแป้งรู้จัก เอ บี ซี ตั้งแต่ยังไม่ถึงวัยอนุบาล วันหนึ่งเพื่อนผมซึ่งเป็นน้าของน้องแป้งพาเธอไปนั่งรถเล่น ระหว่างทางก็ชี้ร้านรวงต่าง ๆ ให้ดู พร้อมกับบอกชื่อ นัยว่าหากพลัดหลงกันวันหลัง น้องแป้งจะมารอเจอคุณน้าได้ถูกที่ ... นั่นแมคโดนัลด์นะคะ ... นั่นเคเอฟซี เห็นผู้พันแก่ ๆ ใส่แว่นมั๊ยน้องแป้ง ... เพื่อนผมว่าไปเรื่อย คงคุยเอาสนุกมากกว่าจะให้เด็กน้อยจำได้จริง ๆ จนมาถึง ... นั่นเซเว่น อีเลฟเว่น นะคะ ... น้องแป้งที่นั่งนิ่ง ๆ มาตลอด สวนกลับทันทีว่า ... “ม่ายช่าย... เซเว่น เอธ นาย เท็น....”

น่าเสียดาย ที่ผู้ใหญ่สมัยนี้หลายคนไม่ได้เก็บหัวใจเด็กไว้กับตัวดีพอ หนำซ้ำบางคนที่มีลูก กลับพยายามดึงก้อนเด็กออกจากตัวลูก ๆ ก่อนวัยอันควรเสียอีก ด้วยการพยายามให้เด็ก ๆ แก่เกินวัย เป็นผู้ใหญ่ก่อนใจจะพร้อม ... นานาสารพัดการประกวดที่พยายามดันลูกหลานตัวเองเข้าไปแข่งขัน ... ไม่ใช่ว่าการประกวดไม่ดี หลาย ๆ กิจกรรมก็ช่วยสนับสนุนให้เด็กกล้าแสดงออก รู้จักโลกทัศน์ใหม่ ๆ แต่ก็มีอีกไม่น้อยที่เป็นกิจกรรมเพื่อตอบสนองความต้องการของคนเป็นพ่อแม่เท่านั้น ว่าลูกของฉันเก่ง ลูกของฉันเด่น ... แถมยังปลูกฝังความคิดว่าคนเราต้องเก่ง ต้องเด่น แทนที่จะเป็นคนเราต้องตั้งต้นด้วยการเป็นคนดี รู้จักแบ่งปัน รู้จักการให้ และที่สำคัญ ต้องรู้จัก “รับผิดชอบ”

แม่ผมเคยบอกไว้ เด็ก ๆ นั้นจะเติบโตด้านร่างกายและสมองตั้งแต่อยู่ในครรภ์จนถึงขวบปีแรก เพราะฉะนั้นคนเป็นแม่ต้องบำรุงให้ดี ทำจิตใจให้แจ่มใส เพราะทุกอย่างส่งผ่านไปถึงลูก แต่พอขวบนึงไปแล้วจนถึงสามขวบ นี่เป็นช่วงรับรู้ของเด็ก สมองและจิตใจที่ได้รับการบำรุงมาอย่างดีจะเปิดรับต่อโลกอย่างเต็มที่ ดังนั้นนี่เป็นช่วงที่พ่อแม่ต้องอบรม เติมคุณธรรม จริยธรรมให้กับเด็ก จะบอกสอนปลูกฝั่งสิ่งใด ช่วงนี้แหล่ะเป็นช่วงสำคัญ เด็กจะสังเกต เรียนรู้และซึมซับทุกอย่างที่อยู่รอบตัว พ้นจากช่วงนี้ไปจะเป็นช่วงที่เขาเรียนรู้เรื่องทางสังคมมากขึ้น ... ก็คงพอดีวัยที่เขาจะเข้าโรงเรียน มีเพื่อน มีอีกสังคมหนึ่ง นอกจากบ้าน

ที่เขาแซวกันว่า คนขี้เล่นนั้น เด็ก ๆ คงเล่นขี้มาก่อน ผมได้ยินก็ขำแต่เมื่อได้คุยกับแม่วันหนึ่งถึงรู้ว่านี่เรื่องจริง

“เรานั่นแหล่ะเล่นขี้ตอนเด็ก ๆ เล่นซะเละเลย” ... แม่ผมว่า แถมไม่พูดเปล่า ไปค้นรูปมาให้ดูเป็นหลักฐาน ในรูปถ่ายสีซีด ๆ ใบนั้น เป็นเด็กตุ้ยนุ้ยคนนึง กำลังคลานชี้มือไปที่ชั้นวางของ หน้าตาทำไม่รู้ไม่ชี้ แต่ตามตัวนั้นเปรอะไปด้วย “ช็อคโกแล็ตทำเอง” ล้วนๆ

... เห็นหลักฐาน เลยปฏิเสธไม่ออก ได้แต่ยิงมุขกลับไปให้สมกับเป็นคนเล่นขี้ เอ๊ย..ขี้เล่น “ม๊า... เด็กในรูปนี้ใครน่ะ หน้าเหมือนโตนะ (น้องชายผม)” ... ปึก! โดนค้อนวงใหญ่จากสายตาแม่เข้าให้ ...

วัยเด็กของแต่ละคนมีเรื่องราวที่ไม่เหมือนกัน อาจจะสนุก สุข เศร้าต่างกันไป แต่เชื่อว่าเด็กทุกคนมีมุมมองต่อโลกใบนี้ สดใสเหมือน ๆ กัน ... วันเวลาวิ่งผ่านเราไปจนแทบหายใจไล่ไม่ทัน แม้อาจจะไม่ได้มีก้อนเด็กติดตัวอยู่เท่าเดิม หากเพียงหยิบแว่นสายตาของเด็กมาใส่มองปัญหาในชีวิตบ้าง บางทีก็อาจมีวิธีใหม่ ๆ ในการเดินหมากชีวิต ... แต่คงไม่ต้องถึงกับลงทุนไปเล่นขี้ เพื่อให้ชีวิตขี้เล่นมากขึ้นหรอกนะครับ ...

เดี๋ยวจะกลายเป็น เด็กตุ..ตุ
โดยคุณ : engineer man - [22:09:30  16 พ.ค. 2546]

ความคิดเห็นที่ 1
ไอ้เจ้า"ก้อนเด็ก"เนี่ย  หาได้แถวไหนคะ
อยากได้บ้างอ่ะ ตอนนี้รู้สึกแก๊แก่
โดยคุณ :เจ้าขา - [22:53:21  16 พ.ค. 2546]

ความคิดเห็นที่ 2
อ่านแล้วนึกถึงวอลเท่อร์ ดิสนีย์
โดยคุณ :ชายตาบอด -_- - [7:52:55  17 พ.ค. 2546]

ความคิดเห็นที่ 3
ค้นดูดีดีซิ คุณจะเจอก้อนเด็กในตัวคุณเอง
โดยคุณ :ตารา - [16:17:36  17 พ.ค. 2546]

ความคิดเห็นที่ 4
I am lost
(ฉันงง)
โดยคุณ :คีตาญชลี - [16:41:57  17 พ.ค. 2546]

ความคิดเห็นที่ 5
ยิ้มหวาน หนึ่งที....
โดยคุณ :เด็กน้อยไม่ยอมเรียน - [8:55:50  19 พ.ค. 2546]

ขอเชิญร่วมเสนอแนะความคิดเห็นครับ
จาก :
email :
icq :
รูปภาพ :

รายละเอียด

อาการ :



กรุณาคลิก "ส่งข้อมูล" เพียงครั้งเดียวครับ....