กระดานความรู้สึก


สำหรับเช้าของวันทำงานวันแรก
กาละแมร์-พัชรศรี เบญจมาศ

[/b]สุขา...ปรัชญาของชีวิต [b]

ฉันเชื่อว่าคนที่มีงานทำ คนที่กำลังทำงาน ต้องมีบางช่วง บางตอนของชีวิตที่เกิดอาการเบื่องานขึ้นมา แล้วเผลอร้องออกมาดังๆ หรือจะร้องก้องอยู่ในใจก็ตามแต่ ไม่ว่างานนั้นจะเป็นงานที่รักมากขนาดไหน ชอบเหลือเกิน ถนัดจริงๆ แต่วันๆ นั้นก็จะมาถึง

ฉันเป็นคนหนึ่งที่เกิดอาการเหล่านั้นขึ้นมาตงิดๆ เมื่อถึงวันอาทิตย์ตอนเย็นๆ คิดว่าตัวเองคงเป็นประสาทอะไรซักอย่าง เกลียดช่วงโพล้เพล้ของวันอาทิตย์จริงๆ เป็นตั้งแต่สมัยเด็กๆ เห็นท้องฟ้าช่วงนั้นแล้วใจมันหวิวๆ กระอักกระอ่วนบอกไม่ถูก เมื่อรู้ว่าพรุ่งนี้ต้องไปเรียนอีกแล้ว ต้องไปทำงานอีกแล้ว ความสุข สนุกสนานของวันพักผ่อนช่างสั้นเหลือเกิน บางครั้งรู้สึกเหมือนว่าตัวเองยังไม่ได้หยุดเลย ต้องไปทำงานอีกแล้วเหรอเนี่ย

ทุกเย็นวันอาทิตย์อาการมักกำเริบเสมอๆ และพาลจะเป็น โรค I hate Monday ไปเหมือนกัน ทุกวันนี้ฉันทำงาน 6 วัน หยุดได้ 1 วัน อาทิตย์ไหนไม่มีคิวทำงานก็อาจจะโมเมไปว่าได้หยุด 2 วัน กำไรนิดๆ หน่อยๆ ก็ยังดี แต่ไม่ว่าจะได้หยุดกี่วัน พอถึงวันอาทิตย์อาการก็กำเริบตามเคย มีเพื่อนคนหนึ่งตั้งกฎให้กับตัวเองว่าถ้าบริษัทไหนให้ทำงานเกิน 5 วันจะไม่ทำและห้ามเลิกงานเกิน 5 โมงเย็นเพราะตอนต้องพาแม่ไปเต้นแอโรบิค ทุกวันนี้ก็ยังไม่มีงานทำและพาแม่ไปแอโรบิคได้ตั้งแต่ 8 โมงเช้ายัน 5 โมงเย็น (สะใจมั้ยล่ะแก)

ฉันเคยพยายามหาทางรักษาอาการนี้ด้วยการทำอะไรเพลินๆ ในช่วงเวลานั้น กินข้าวดูหนัง เม้าท์แตกเม้าท์แตนกับเพื่อนฝูง พอเงยหน้ามาเห็นท้องฟ้าก็มืดแล้ว ซึ่งก็ได้ผลบ้างเป็นครั้งคราว แต่พอคิดวินิจฉัยด้วยตัวเองแล้ว คาดว่ามาจากการทำอะไรที่ซ้ำซากจำเจ อะไรก็ตามที่เริ่มทำเป็นกิจวัตรและความเคยชิน เลยเกิดอาการเบื่อหน่าย ไม่มีอะไรให้ตื่นเต้นเร้าใจ ถึงแม้ว่าจะเป็นสิ่งที่เรารักเราชอบขนาดไหนก็ตาม (อาการคล้ายผู้ชายพอจีบผู้หญิงได้แล้วอาการนี้จะเกิดขึ้น- -คิดว่าน่าจะคล้ายกันนะ)

เรื่องรักในงานที่ทำไม่ต้องพูดถึง ไม่รักไม่ทำหรอกของอย่างนี้ แต่ก็พยายามหาลูกเล่น หาเกมส์ต่างๆ ใส่ไปงานที่ทำ ประมาณว่าใช้หลักของหนังสือ 'Fish' ที่คุณจิระนันท์ พิตรปรีชา แปล ทำให้มันสนุกสนานเข้าว่า พยายามหางานแปลกๆ ใหม่ๆ ที่เราไม่เคยทำ ก็สนุกเป็นพักๆ คิดในใจว่า "แล้วอย่างนี้ ฉันไม่ต้องเปลี่ยนงานไปตลอดชีวิตเลยเหรอ"

เพื่อนบางคนหาทางออกด้วยการเปลี่ยนงานใหม่ไปเรื่อยๆ บ้างก็ไปเรียนต่อ บ้างก็ไปแต่งงาน (เอ้อ อันนี้เข้าท่า สงสัยหายเบื่อไปนานเลย) ส่วนฉันผู้ที่ไม่คิดเลือกทางไหนทั้งนั้น ก็เพราะที่ที่ทำงานอยู่ก็มีความสุขดี เพียงแต่ บางทีมันเบื่อๆ อยากๆ เท่านั้น และได้พยายามหาทางออกให้กับอาการของตัวเองเสมอมา

และแล้วประตูทางออกของความเบื่อก็เปิดขึ้นในคืนหนึ่ง ในร้านอาหารกึ่งผับย่านเลียบทางด่วนรามอินทรา ถ้าจะให้ลงลึกไปกว่านั้นประตูที่ว่านั้นเป็น ประตูส้วม!!!

ฉันเริ่มรู้สึกตงิดๆ นิดๆ ตั้งแต่เปิดประตูห้องสุขาแล้วเกิดแสงสว่างวาบเข้ามาในลูกตา สีขาวสว่าง สะอาด แวววาวของเครื่องสุขภัณฑ์และพื้นห้องที่ถูกขัดถูจนเรี่ยม คิดในใจแว่บหนึ่งว่า ชั้นต้องถอดรองเท้าเข้าส้วมที่นี่มั้ยเนี่ย พื้นเหมือนใหม่ซิงๆ ไม่เคยโดนใครเหยียบย่ำให้ช้ำใจ กระจกเงาปลาบ ส่องแล้วเห็นตีนกาที่ขมับซ้าย และขี้แมลงวันที่ติ่งหูขวา คม ชัด ลึกเกินไป รับไม่ค่อยได้

หลังจากค่อยๆ ย่อง และพยายามเดินแบบจิกปลายเท้า ไม่ให้พื้นเค้าเลอะเพื่อเข้าไปปลดทุกข์ ก็ค้นพบว่าภายใน ห้องปลดทุกข์นั้นงามหรู สะอาดเอี่ยมดังห้องน้ำโรงแรมห้าดาว แทบจะพับเพียบปัสสาวะ เกรงว่าจะกระเด็นกระดอนให้ห้องน้ำเค้าเสื่อมเสียได้ นี่ถ้าใครท้องเสียมาแล้วกะปล่อยเต็มๆ คงหดกลับบ้านไปตามๆ กัน เสร็จกิจแล้ว ขอสารภาพว่ายังเช็ดทำความสะอาดให้เค้าเหมือนใหม่ดังเข้ามาครั้งแรก เห็นแล้วมันเกรงใจ ละอายเล็กๆ ที่มาทำของเค้าเปื้อน คิดในใจไม่น่าปวดฉี่เลยเรา

ออกมาจะล้างมือที่อ่าง ก็ต้องแสบตากับความเงาแวบของก๊อกน้ำและอ่างล้างมือ ก็บรรจงเปิดน้ำให้ไหลประหนึ่ง ปัสสาวะมด ก็เกรงว่าจะกระเด็นไปนอกอ่างน่ะสิ ปิดก๊อกปุ๊บมือของต้นตอของเรื่องก็ยื่นมาถึงตัวพร้อมกระดาษทิชชู่ปั๊บ ฉันกระโดดหลบเล็กน้อย ด้วยความตกใจและเกรงภัยจะมาถึงตัว

"กระดาษทิชชู่มั้ยคะ" คุณป้าหน้าตาธรรมดาๆ พูดยิ้มๆ พลางยื่นกระดาษให้ฉัน ฉันรับมันพร้อมกล่าวขอบคุณ ป้าเดินกลับไปยืนประจำที่ของแกเหมือนเดิม คือข้างๆ อ่างอ้วก! (เป็นอ่างที่ใหญ่กว่าอ่างล้างมือธรรมดาๆ มักมีรูปทรงสี่เหลี่ยม สามารถก้มหัวลงไปอ้วกพร้อมกันได้)

ทำไมฉันไม่สังเกตเห็นคุณป้าคนนี้ตอนเดินเข้ามานะ แกดูกลืนกับอ่างอ้วกนั้นจริงๆ คุณป้ากลับไปนั่งพับกระดาษทิชชู่เพื่อคอยยืนส่งให้คนเข้าห้องน้ำ ไม่รู้ว่าทำไมถึงคิดจะคุยกับป้าเค้า แต่ก็ถามไปว่า "ป้าอยู่ในนี้ตลอดเลยเหรอคะ มีคนเปลี่ยนมั้ย หรือทำงานเป็นกะ" ป้าบอก "ไม่มี อยู่ในนี้ตลอด อยู่มาปีนึงแล้ว ทำงานเจ็ดวัน ไม่มีวันหยุด"

ถามต่อว่า ป้าอยากออกไปทำข้างนอกบ้างมั้ย ป้าตอบว่า "ไม่ อยู่ในนี้ดีแล้ว ไม่มีใครมายุ่ง หัวหน้าก็ให้อิสระดี ปล่อยให้ทำงาน เค้าไม่เข้ามายุ่งกับเรา เราก็ไม่ออกไปยุ่งกับเค้า สบายใจดี" หน้าคุณป้าเค้าก็ยิ้มๆ นะเวลาพูด แต่ยังทำหน้าที่ไม่บกพร่อง มีคนเข้ามา มือก็ยื่นทิชชู่ให้

ดูเหมือนว่า 'คำขอบคุณ' ที่ให้คุณป้ามันน้อยไปมั้ย เค้าจะเบื่อไหมนะที่ทั้งคืนต้องนั่งอยู่ข้างๆ อ่างอ้วก อยู่ในที่ๆ ใครก็รังเกียจ เจอคนเมาซ้ำๆ ซากๆ อ้วกเข้าไป แล้วก็มานั่งทำความสะอาด แต่ดูคุณป้ารักงานของเค้าดีนะ มีความรับผิดชอบเอาใจใส่ ใช้ปัญญาไตร่ตรองในงานของตัวเอง รู้ว่าต้องทำยังไงลูกค้าถึงประทับใจ มิน่าห้องน้ำถึงดูดีขนาดนี้ การทำงานของคุณป้าเข้าหลัก อิทธิบาทสี่เลยนะ 'ฉันทะ วิริยะ จิตตะ วิมังสา'

เดินออกมาจากห้องน้ำ เหมือนบรรลุอะไรบางอย่าง ห้องสี่เหลี่ยมห้องนั้น พร้อมคุณป้าหนึ่งคน ให้ปรัชญาในการทำงานกับฉัน วันอาทิตย์นั้นรีบขับรถกลับบ้านนอนด้วยความครึ้มใจ ใจจดใจจ่อรอว่า เมื่อไหร่จะถึงเช้าวันจันทร์เสียที
โดยคุณ : akejung - [9:06:36  9 ก.ย. 2545]

ความคิดเห็นที่ 1
^^!> ... มีผิดพลาดแต่เช้าเลยแฮะ เหอๆๆ
โดยคุณ :akejung - [9:08:44  9 ก.ย. 2545]

ความคิดเห็นที่ 2
หวัดดีเช้าวันจันทร์ที่ยังไม่ได้นอน
แล้วอยู่ที่ทำงาน ทำงานๆๆๆ ตนสว่างคาตา
โดยคุณ :picmee - [9:56:35  9 ก.ย. 2545]

ความคิดเห็นที่ 3
หวัดดีพี่ปิ๊ก =_=
โดยคุณ :ทีฯ - [10:14:27  9 ก.ย. 2545]

ความคิดเห็นที่ 4
:)
โดยคุณ :ว่าน - [18:01:12  10 ก.ย. 2545]

ความคิดเห็นที่ 5
ขอเป็นกำลังใจให้พี่ๆที่ทำงานเป็นผู้ประกาศทุกคนนะค่ะ
เพราะพี่ๆไมได้พักผ่อนหรืก็ไม่ก็ได้พักผ่อนน้อย
เพราะต้องตื่นแต่เช้าประมาณ 05.30นเพื่อมานั่งแต่งหน้า ทำผม
เตรียมสคิป แปลสคิป เพื่อนำเข้ามาสู่ประชาชนอย่างถูกต้อง
และต้องกลับบ้านดึก บ้างคนแทบจะไม่ได้กลับเพราะต้อง
จัดรายการสดอีกในตอนตี1บ้าง เที่ยงคืนบ้าง
เช้าก็ต้องทำรายการสดอีก อย่างพี่ หมวย อภิสรา
และขอเป็นกำลังใจให้ผู้สื่อข่าวทุกคนนะค่ะ
โดยคุณ :คนรักนักข่าวช่อง3 - [19:07:27  25 เม.ย. 2550]

ขอเชิญร่วมเสนอแนะความคิดเห็นครับ
จาก :
email :
icq :
รูปภาพ :

รายละเอียด

อาการ :



กรุณาคลิก "ส่งข้อมูล" เพียงครั้งเดียวครับ....