เรื่องนี้...ไม่มีชื่อ...
..................
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่เตี่ยของดิฉันออกอาการขุ่นเคือง
หน้าแดงและแข้งขาสั่น
"อาหมวย ถ้าลื้อเอาน้ำปลามาซ่อนไว้ที่ชั้นล่างอีกที
คราวนี้ ฮึ คราวนี้" เตี่ยขู่ทิ้งท้าย
หมวย คือชื่อเล่นของดิฉัน ซึ่งจริงๆ แล้วดิฉันเปลี่ยนชื่อเป็นหลีฮัวมาตั้งนานแล้ว แต่เตี่ยยังคง
เรียกชื่อเดิมของดิฉันอยู่
บ้านของดิฉันเป็นร้านโชว์ห่วยเล็ก ๆ ประมาณแปดคูหา พื้นที่ด้านล่าง เตี่ยเก็บไว้สำหรับวางของกระจุกกระจิก ประเภทมอเตอร์ไซค์ ตู้คอนเทนเนอร์ ส่วนชั้นบนสุด เตี่ยเพิ่งต่อเติม สำหรับวางของใช้ประจำวันที่ขายได้บ่อย ๆ อาทิ กะปิ น้ำมัน ข้าวสาร ผักดองกระป๋อง และผ้าตัดเสื้อ
ดิฉันเคยท้วงเตี่ยไปหลายหนแล้วว่า ทำไมต้องเอาของเหล่านี้ขึ้นไปเก็บชั้นบนสุดขนาดนั้น เพราะบางทีลูกค้ามาซื้อเต้าหู้ยี้ขวดหนึ่ง ดิฉันต้องใช้เวลากว่าครึ่งวันกว่าจะขึ้นลิฟท์ไปเอาลงมาได้
แต่เตี่ยไม่เคยฟัง...เตี่ยยังคงเชื่อในความคิดของตนเองว่าถูกเสมอ และครั้งนี้ก็เช่นกัน...
เตี่ยจับได้ว่าดิฉันแอบขนถ่ายน้ำปลาบางส่วน (ราวราวสิบสี่ลัง) มาซ่อนไว้หลังตู้คอนเทนเนอร์ ด้วยสาเหตุใดนั่นหรือ...
ดิฉันล่ะไม่อยากจะเล่า.....
เรื่องมีอยู่ว่า...
เฮียหัวเป็นชายหนุ่มข้างบ้านที่มาติดพันดิฉันอยู่หลายสัปดาห์ ดิฉันเดาเอาเช่นนั้น เนื่องจากแถวละแวกใกล้เคียง มีร้านที่ขายของเดียวกับดิฉันอยู่หลายร้าน แต่เฮียหัวก็ไม่เคยไปซื้อที่ร้านไหน นอกจากร้านของดิฉัน...เพียงร้านเดียว
และทุกครั้งเฮียหัวก็มักจะซื้อน้ำปลาครั้งละขวดเสมอ...
เคยแอบถามว่าชอบกินเค็มเหรอเฮีย...
เขาไม่ตอบ...แต่ส่งสายตาที่หวานจนน้ำตาลเรียกพี่มาให้
เห็นไหม...ดิฉันไม่ได้เข้าข้างตัวเองเลยแม้แต่นิดเดียว
และการที่ดิฉันแอบเอาน้ำปลามาซ่อน ก็เพราะรู้ว่า หากดิฉันต้องใช้เวลาในการขึ้นลงไปเอาสินค้า ซึ่งกินเวลานาน ดิฉันก็จะไม่มีเวลาคุย สู้ดิฉันเอาน้ำปลามาซ่อนไว้ เวลาที่เฮียหัวมาซื้อ ดิฉันก็หยิบให้ทันควัน ไม่เสียเวลา แถมยังเหลือเฟือพอที่เราจะถามถึงสารทุกข์สุขดิบกันได้ต่างหาก
...แต่ความลับไม่เคยมีในโลก....
เตี่ยจับได้วันหนึ่ง ขณะที่ดิฉันกำลังแบกน้ำปลาลังที่สิบสี่ลงมาพอดี!!!
...................
ตั้งแต่วันนั้น ดิฉันโดนทำโทษด้วยการแบกลังน้ำปลาขึ้นไปเก็บ ขึ้น-ลง ขึ้น-ลง อยู่วันละหลายเที่ยว ระหว่างนั้นเอง ดิฉันได้แต่ชะแง้แลหา ว่าเฮียหัวผู้รักการกินเค็มเป็นชีวิตจิตใจ จะผ่านมาบ้างไหม
สามวันผ่านไป....
เฮียหัวกลับมาซื้อน้ำปลาตามปกติ แต่คราวนี้เตี่ยเป็นคนขายเองก่ะมือ ช่วงที่เตี่ยหายไปราวครึ่งค่อนวันเพื่อไปเอาขวดน้ำปลานั้น ดิฉันก็ปรากฎ กายด้วยชุดเก่ง คือกางเกงยีนส์ขาสั้น เสื้อเชิตลายสก็อตพับแขน ผูกชายเสื้อดูทะมัดทะแมง มือหนึ่งถือหนังกะติ๊ก ดูก๋ากั่นน่ารัก
"หายไปนานเลยนะเฮีย" ฉันทักเสียงดัง ทำตัวสนิทสนม
"ผ่านมาแต่ไม่เห็นหมวย เลยไม่ซื้อ" เฮียตอบเสียงดังกว่า คนข้างร้านค้อนขวับ
"ก็งานมันเยอะนี่" ดิฉันตอบพลาง มือก็หมุนผมเปียในมือเล่น ๆ
ระหว่างที่ดิฉันกำลังพูดคุยหนุงหนิงจุ๋งจิ๋ง เตี่ยของดิฉันก็ลงมาพอดี เสียงขวดน้ำปลาดังกระทบกันกุ๋งกิ๋ง
"อะไรนะ หัวเทียนจุดไม่ติด ไหนไหน เฮียใช้ไม้ขีดไฟยี่ห้ออะไรล่ะ" ดิฉันรีบเปลี่ยนเรื่องทันทีที่เตี่ยใกล้จะเดินลงมาถึง พูดพลางทำทีว่ากำลังคุยกับลูกค้าเรื่องซ่อมมอเตอร์ไซค์
"อือม์ เอ่อ อ่า" เฮียหัวเสียงตะกุกตะกัก ทำท่าเงอะงะ เหมือนคนรับมุขไม่ทัน ดิฉันพยายามหลิ่วตา กระตุกคิ้วเป็นจังหวะจังหวะ คล้ายคล้ายประสาทในร่างกายทำงานไม่พร้อมกัน
"ไหน ไหน อะไรกัน" เสียงเตี่ยมาก่อนที่ตัวจะมาถึงเสียอีก
และก่อนที่เหตุการณ์จะบานปลายไปมากกว่านี้ ด้วยความเร็วปานกามนิตหนุ่ม เหตุการณ์ที่ดิฉันไม่คาดคิดมาก่อนก็เกิดขึ้น!!!
เฮียหัวส่งกระดาษอะไรไม่รู้ใส่เข้ามาในมือดิฉัน แถมหลอกจับมืออีกสองที เขินชะมัดเลย...
"อ่านซะนะหมวย เฮียเขียนจากใจ" นั่นคือเสียงกระซิบสุดท้าย ก่อนที่เฮียหัวจะรีบผลุนผลันออกจากร้าน โดยลืมน้ำปลาที่ตั้งใจจะมาซื้อแต่แรกไปเสียสนิท...
โชคดีของดิฉันที่เตี่ยไม่ได้เห็นเหตุการณ์อันน่าระทึกขวัญนี้
ดิฉันรีบคลี่กระดาษแผ่นนั้นออก หมายมั่นปั้นมือว่า มันคงเป็นจดหมายรัก หรืออะไรสักอย่าง ที่เคยอ่านเจอในนิยาย ดิฉันจำได้
กระดาษแผ่นนั้นสีขาวสนิท มีตัวหนังสือสีแดงตัวใหญ่เท่าหม้อแกง อ่านใจความได้เป็นแปดคำจำให้มั่น
..ซินเจี่ยอยู่อี่ ซินนี้ฮวดใช้..
พร้อมกับอ่านจบ ดิฉันได้ยินเสียงคณะเชิดสิงโต พร้อมเสียงประทัดที่ดังสนั่นหวั่นไหว ไกลออกไป..ไกลออกไป....
................................
ขอให้สุขสวัสดีบังเกิดแก่เพื่อน-น้อง-พี่
ที่เฉลียงนี้ ทุกคน...ทุกคน
...สวัสดีตรุษจีน...
......................
โดยคุณ :
ชมพูพันธุ์ทิพย์ - [20:44:36 24 ม.ค. 2544] |