เล่าสู่กันฟัง
วันนี้ราวสิบโมงไปแถบพาหุรัดมา ไปวัดของซิกข์(เรียกวัดหรือเปล่า) ไม่นึกเลยว่าในซอยเล็ก ๆ ที่เดินเข้าไป จะได้พบกับความยิ่งใหญ่ของสถานที่และน้ำใจ
ในตอนเช้า บริเวณชั้น2 จะมีอาหารเช้าเลี้ยงทุกเช้าเลย สามารถทานได้หลายร้อยคน ซึ่งไม่เฉพาะคนที่นับถือศาสนาซิกข์เท่านั้น แต่หมายถึงทุกคนที่เข้าไป เงินในการจัดการได้มาจากการบริจาคของศาสนิกชน ซึ่งเชื่อกันว่า "ต้องแบ่งปัน" คือ 10%ของรายได้เขาจะทำบุญกัน ชาวซิกข์จะไม่ดื่มของมึนเมา ไม่สูบบุหรี่
ก้าวแรกที่เดินเข้าไป เรารู้สึกเกร็งไปหมด เพราะความแตกต่างจากขนบที่เราเคยชิน เกรงจะทำในสิ่งที่ไม่ควรทำโดยที่เราไม่รู้ เราต้องเอาผ้ามาโพกหัว คือไม่เหมือนกับของคนที่นับถือศาสนาซิกข์หรอกนะ เป็นผ้าสามเหลี่ยมสีเหลือง
คนที่พาเราเดินดูเป็นคณะกรรมการ แต่ไม่เอ่ยนามก็แล้วกันนะ อายุมากแล้วล่ะ พูดไทยไม่ค่อยชัดหรอกแต่ใจดีจัง แนะนำตลอดเลย ตั้งแต่ชั้นหนึ่งจนถึงชั้นบน (มี 6 หรือ 7 ชั้น..ไม่แน่ใจ) พวกเราบอกว่าอยากดูชุมชนชาวซิกข์ แต่ท่านบอกว่าส่วนใหญ่ไม่ได้อยู่แถบนั้นหรอก คือแรก ๆ อาจจะใช่ แต่ตอนนี้ก็ไว้ค้าขาย ท่านบอกว่าถ้าอยากจะดูก็ให้โทรบอกวันหลัง จะพาไปดู รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ไม่นึกว่าจะได้รับน้ำใจจากคนที่เพิ่งเคยพบกันครั้งแรกมากมายอย่างนี้
อีกคนที่เราไปพูดคุญด้วย (ไม่เอ่ยนามอีกก็แล้วกันนะ) ก็อัธยาศัยดีเหมือนกัน อายุก็มากแล้วล่ะ แต่คงน้อยกว่าคนแรกที่พูดถึง พูดภาษาไทยชัดมาก ค่อยฟังรู้เรื่องหน่อย ก็เล่าให้ฟังถึงวัฒนธรรมที่แตกต่าง คล้ายคลึง และที่กลืนกลายไป ทำให้วันนี้ตาเรากว้างขึ้น ได้รู้ในสิ่งที่ไม่เคยรู้มาก่อน จากที่เคยรู้สึกกลัว ก็มีทัศนคติที่ดีต่อผู้ชายหนวดเครายาวและศีรษะโพกผ้า ศรัทธาคำสอนทางศาสนาที่ไม่เคยรู้มาก่อน รวมถึงวิถีที่พวกเขาปฏิบัติในชีวิตประจำวัน จนกลายเป็นวัฒนธรรมหนึ่งในสังคมเรา
แต่เรารู้สึกไม่ดีอยู่อย่าง ที่เราเรียกชาวพุทธว่า "คนไทย" ทั้ง ๆ ที่คนไทยไม่จำเป็นต้องนับถือศาสนาพุทธเท่านั้น ไม่รู้ว่าเขาจะรู้สึกอย่างไรกับคำพูดที่เราพูดไปโดยไม่ไตร่ตรองให้ดีเสียก่อน...
โดยคุณ :
นิ่มนุ่ม - [15:57:32 28 พ.ย. 2545] |