กระดานความรู้สึก


ครอบครัวอารมณ์ดี ของ 'ภูษิต ไล้ทอง'
"เรามีลูกผิดปกติทั้งสองคน" ภูษิต-ศตภร ไล้ทอง พูดถึงลูกๆ ไม่ใช่ด้วยเสียงเครียด ขรึม ขึงขัง หรือหนักเหนื่อยใจ แม้ ญาณกร หรือ ด.ช.ต้นน้ำ ลูกชายคนเล็กจะต้องอยู่ในความดูแลของคุณหมออย่างใกล้ชิด เพราะเข้าข่าย "ออทิสติก" ก็เถอะ


"ตอนแรกไม่รู้จักออทิสติก ลูก 2 ขวบไม่พูด ตายายบอกเด็กผู้ชายพูดช้า ปากหนัก อ่ะ หนักก็หนัก" คุณแม่เล่าแบบไม่ซีเรียส

"เอ้อ ลูกเราเลี้ยงง่ายเว้ย ไม่ติดใคร พ่อแม่ไปไหนไม่ตาม พอโกรธจะเขกหัวตัวเอง เราก็คอยดึงมือออก" คุณพ่อเสริมด้วยเสียงสนุก

จนคุณแม่เผอิญไปอ่านเจอโบรชัวร์เกี่ยวกับออทิสติกนั่นแหล่ะ

"พูดช้า ไม่สบตาคน ไม่ติดคน เดินเขย่งเท้า ชอบดูของหมุนๆ กินอาหารซ้ำๆ ไม่รับความเปลี่ยนแปลง ร้องกรี๊ดเวลาไม่พอใจ ทำร้ายตัวเองในภาวะที่ตัดสินใจไม่ถูก แก้ปัญหาเฉพาะหน้าไม่ได้ เอ๊ะ ข้อนี้ลูกเราก็ใช่ ข้อนี้ก็ใช่ ตายแล้ว ครบทุกข้อเลย พ่อ.. พาลูกหาหมอเถอะ"

เริ่มเข้าสู่กระบวนการฟื้นฟูดูแลจากคุณหมอ "พ่อแต๋ง" กับ "แม่ติ๊ก" ถึงรู้ว่า ที่ต้นน้ำพูดช้าเพราะพฤติกรรมสไตล์ออทิสติกที่ไม่สนใจใคร ไม่สบตาคน พอไม่ดูก็ไม่รู้ว่าคนอื่นเขาพูดกันยังไง ขยับปากแบบไหนเสียงถึงจะออกมาเป็นคำๆ อย่างที่เขาทำกัน

"พอไปเข้าคอร์ส เริ่มเรียนพูด รู้เลยว่าลูกเราไม่ปกติ เพราะเขาไม่นั่งนิ่งๆ ได้ยินแต่ไม่ยอมดูหน้าคน พอหัดจนพูดได้ก็ยิ่งผิดปกติ อย่างเราถาม 'เอามั้ย?' เขาก็จะ 'เอามั้ยๆ' คือไม่เข้าใจว่าอะไรคือคำถามคำตอบ พอบ๊ายบายๆ เขาจะบ๊ายบายเอาหน้ามือหันเข้าหาตัวเอง โอ้โห เรื่องใหญ่นะโว้ย"

โธ่ พ่อแต๋ง ก็เวลาใครๆ บ๊ายบาย ต้นน้ำก็ต้องมองเห็นหน้ามือของคนๆ นั้นนี่นา พอต้นน้ำจะบ๊ายบายมั่ง ต้นน้ำก็หันหน้ามือเข้าหาตัวเองสิ..แปลกตรงไหน

ใช่จะไม่กังวลกับพฤติกรรมแปลกๆ ของลูกคนนี้ แต่พ่อแต๋ง-แม่ติ๊กก็ขวัญดีมีกำลังใจเพราะเชื่อมั่นว่า "ลูกต้องพัฒนาได้"

"พอรู้วิธีที่ถูกต้อง เขาทำ 2-3 ครั้งก็ทำได้ เอ้อ คงไม่หนักหนา พัฒนาการแต่ละขั้นค่อนข้างเร็ว อีกอย่างได้อยู่กับแม่ กับครอบครัวที่อบอุ่นมากๆ ช่วยได้เยอะ ต้นน้ำอยู่กับแม่ตลอดเวลา ได้กอดแม่กอดพ่อ" คุณหมอคุยกับพ่อแม่ของต้นน้ำว่า ออทิสติกจะพัฒนาได้แค่ไหนอยู่ที่ผู้ปกครองจะยอมรับ เข้าใจ และพร้อมจะร่วมมือร่วมใจกันแก้ไขปัญหา

ตอนนี้ต้นน้ำอายุ 6 ขวบ พฤติกรรมช้ากว่าเกณฑ์ปกติไปสัก 1-2 ปี เตรียมความพร้อมอีกนิดหน่อยก็คงเข้าเรียน ป.1 ได้อย่างเพื่อนๆ

ลูกชายคนโต: ด.ช.ต้นไม้

"ส่วนไอ้คนโตก็เร็วผิดปกติ พูดได้ตอนอายุ 8 เดือน ไม่เคยงอแง มีเหตุผล พูดอะไรเข้าใจไปหมด" พ่อแต๋งพูดถึง ด.ช.ต้นไม้ ชื่อจริงๆ ว่า ฌานดนู ตอนนี้เรียนอยู่ชั้น ม.1 ร.ร.สาธิตจุฬาฯ รักดนตรีเป็นชีวิตจิตใจ ทั้งที่พ่อแม่ไม่ได้บังคับเคี่ยวเข็ญ หรือแม้แต่จะคาดหวัง

ตอนอายุได้ 4 ขวบ พ่อแต๋งแค่เคย (หลวมตัว) พาต้นไม้ขึ้นเวที "เฉลียง" แบบไม่จริงจัง แต่นั่นเป็นเหตุให้ต้นไม้ค้นพบว่า ที่จริงแล้ว ต้นไม้รักดนตรี การแสดง แสงไฟ สายตาคนดู เสียงปรบมือ เป็นชีวิตจิตใจ

"เด็กอายุ 4 ขวบไม่น่าเข้าใจการขึ้นเวทีที่ต้องมีการฝึกซ้อม เอาจริงเอาจัง การแสดงที่ต้องทำท่าเดียวกันซ้ำหลายๆ ครั้ง แต่ต้นไม้ทำได้หมดทุกอย่าง ให้เป่าเพลงสรรเสริญฯ ก็ไปฝึกมาจนสำเร็จ" พ่อแต๋งเล่าถึงวิญญาณนักแสดงในตัวต้นไม้ ซึ่งต่างกันลิบลับกับน้องต้นน้ำที่ไม่ชอบอะไรแบบนี้เอาซะเลย

"เห็นร้องเพลงหงุงหงิงๆ พอบอก เอ้อ ต้นน้ำร้องดังๆ สิลูก เดี๋ยวให้ขึ้นเวทีเท่านั้นแหล่ะ ..ฮือ จากลับบ้าน ต้นน้ำขี้อายเหมือนแม่" พ่อแต๋งเล่าไปหัวเราะไป

ต้นน้ำอยู่ในความดูแลของคุณหมอ อีกทั้งคุณพ่อคุณแม่และโรงเรียนก็ต้องรู้วิธีที่จะทำให้ต้นน้ำมีพัฒนาการที่เหมาะสม แต่ถึงอย่างนั้น ไม่ใช่แค่ต้นน้ำคนเดียวที่ต้องการการเอาใจใส่เป็นพิเศษ

"คุณหมอบอกว่าตอนนี้ต้องดูพี่เยอะๆ เพราะกำลังจะเป็นวัยรุ่น การที่เขารู้ว่าน้องป่วย กับการที่เขาเป็นเด็กที่เข้าใจอะไรได้ดี ทำให้เขาไม่แสดงออกว่าเขาขาด ทั้งที่จริงเขาเองต้องการให้พ่อแม่เอาใจใส่ด้วยเหมือนกัน" พ่อแต๋งว่า

การศึกษาสำหรับครอบครัว

ต้นไม้สอบเข้าสาธิตจุฬาฯ ตอน ป.1 พ่อแต๋ง-แม่ติ๊กให้ลูกเรียนที่นี่หลังจากจบอนุบาลหนูน้อย ถ้าถามถึงแนวคิดในการเลือกโรงเรียนจากคุณพ่อคุณแม่ที่เรียนจบคณะครุศาสตร์มาด้วยกัน พ่อแต๋งเองเป็นนักดนตรีแล้วก็มีงานเป็นอาจารย์พิเศษที่จุฬาฯ อยู่บ้าง ฝ่ายคุณแม่ก็เคยเป็นผู้จัดการโรงเรียนดนตรีมีชื่อเสียง

"คิดเรื่องวัฒนธรรมที่ประเทศชาติต้องมีเป็นของตัวเอง แต่ทุกวันนี้เราถูกกลืนกินโดยวัฒนธรรมตะวันตก เคยคุยกับเพื่อน เพื่อนบอกว่าเราต้านมันไม่ได้หรอก น่าจะเตรียมลูกให้เข้าใจวัฒนธรรมต่างชาติ ส่งไปเรียนต่างประเทศเลยดีกว่า ได้ภาษาด้วย แต่ผมอยากให้ลูกเรียนที่นี่ คิดว่าถ้ามีทัศนคติที่ดีต่อสังคม ต่อโลก ไม่ต้องไปเรียนที่อื่นหรอก อยู่ที่นี่แล้วเสริมในส่วนที่อยากให้ตัวตนของเราชัดเจน ความรู้เป็นเรื่องหาได้ พัฒนาได้" สิ่งที่ภูษิตมองว่าสำคัญกว่าความรู้ คือจริยธรรม

"ที่อนุบาลหนูน้อยใช้แนวพุทธศาสนามาจัดการเรียนการสอน ก็มองว่าในอดีตสังคมเราก็ใช้ศาสนาพุทธเป็นฐาน ทุกอย่างอยู่ในขอบเขตของสมดุล ใช้ปัญญานำความรู้ สอนคนให้มีสติปัญญา ให้คนเป็นคนดีก่อน จากนั้นพอได้ความรู้มาก็จะนำไปใช้ในทิศทางที่ดี"

ส่วนคุณแม่ให้ความสำคัญกับการเรียนแบบมีความสุข เพราะที่อนุบาลหนูน้อยไม่เร่งเรียน

"ตอนต้นไม้สอบเข้าสาธิตฯ ไม่ได้คิดว่าต้องได้ แต่บังเอิญเขาสอบได้ ตอนอยู่อนุบาลให้เรียนพิเศษกับครูที่โรงเรียนตอนเช้าวันเสาร์ แต่เขาใช้วิธีธรรมชาติ ไปเรียนกันที่บ้านครูอยู่กลางทุ่ง ยกจักรยานใส่ท้ายรถไปถึงครูพาต้นไม้ขี่จักรยานไปหาใบไม้ เปลือกไม้ มาเรียนเรื่องความแตกต่าง มานั่งสังเกตความต่างของเส้นใบ" แม่ติ๊กบอกว่าเห็นลูกชายคนโตเรียนที่นี่แล้วได้ความรู้แบบมีความสุขดี พอถึงตาต้นน้ำก็เลยได้เรียนอนุบาลที่เดียวกัน

เรียนรู้เพื่อสร้างนิสัยที่ดี

คุณแม่เล่าถึงต้นไม้ว่า "ตอนนี้ขึ้น ม.1 ต้นไม้ย้ายมาอยู่ฝ่ายมัธยม จะตื่นเต้นกับอิสระ เลือกเรียนได้หลายวิชาขึ้น ซื้อของกินเองได้ เขาก็กลับมาคุยให้ฟัง อาจารย์ให้เลือกเรียนดนตรีเองด้วย"

มาถึงวัยมัธยม การเรียนคงต้องเข้มข้นขึ้น แต่พ่อแต๋ง-แม่ติ๊กเห็นพ้องกันว่า ไม่จำเป็นต้องขู่เข็ญให้ต้นไม้เรียนจนเกรดกระฉูด

"ห่วงอยู่ก็ตรงการเรียนมันวัดผลกันที่การสอบและคะแนน ทำให้เด็กถูกคัดแยกเป็นกลุ่มๆ กลุ่มเรียนเก่งเรียกกันว่าเด็กฉลาด นอกนั้นเป็นกลุ่มโง่ ทั้งที่เด็กสอบได้คะแนนน้อยไม่ได้แปลว่าโง่ แต่เมื่อครู โรงเรียน และสังคมบอกว่าโง่ เด็กก็จะต่อต้าน พอเริ่มถูกดุ ถูกทำโทษ เด็กก็ยิ่งเริ่มแอบ เริ่มโกหก" พ่อแต๋งพูดถึงสิ่งที่เป็นอยู่ในระบบการศึกษาแบบบ้านเรา

เป็นแบบนี้ พ่อแม่จะทำยังไงกันดี ?

แม่ติ๊ก: จะบอกเขาว่า ต้นไม้ไม่จำเป็นต้องเรียนเก่งนะ แต่แม่ขอเรื่องความใส่ใจและความรับผิดชอบ

พ่อแต๋ง: เขาไม่ชอบคณิตศาสตร์ แต่มันเป็นวิชาพื้นฐาน ไม่เรียนไม่ได้ ต้องทำความเข้าใจกับเขาว่า ลูกเรียนไม่เก่งวิชานี้ไม่ได้แปลว่า fail ขอแค่ตั้งใจ การบ้านต้องทำ อย่าหมก ครูสั่งงานต้องส่ง ต้องสอบ ทำไม่ได้ไม่เป็นไร อย่างน้อยเราพยายามแล้ว อย่างน้อยผ่านมือเรา ถ้าตกก็ตกด้วยฝีมือเรา ไม่ใช่เพราะไม่ตั้งใจ ไม่จริงจังกับมัน พอโตไปทุกคนต้องเจอแบบนี้ ชีวิตจริงไม่ทำการบ้านไม่ได้ ลอกเพื่อนไม่ได้

ใครอยากมีพ่อแม่แบบนี้บ้าง ..ยกมือขึ้น


จากหนังสือพิมพ์กรุงเพธุรกิจ
โดย รัชดา ธราภาค
โดยคุณ : พริกขี้หนู - [8:59:14  16 ส.ค. 2545]

ความคิดเห็นที่ 1
อยากเป็นพ่อแม่อย่างนี้
โดยคุณ :เด็กน้อยไม่ยอมเรียน - [18:07:49  16 ส.ค. 2545]

ความคิดเห็นที่ 2
ขอบคุณครับ.. ที่นำมาให้อ่าน...

โดยคุณ :มุมมอง - [18:16:02  16 ส.ค. 2545]

ความคิดเห็นที่ 3
ขอบคุณค่ะ ( ^^ )
โดยคุณ :pitsie~~ - [18:38:44  16 ส.ค. 2545]

ความคิดเห็นที่ 4
น้องต้นไม้ กับน้องต้นน้ำ มีพ่อแม่ที่น่ารักมากค่ะ
โดยคุณ :วีร์ - [0:27:16  17 ส.ค. 2545]

ความคิดเห็นที่ 5
ขอบคุณฮับ
โดยคุณ :จอมยุทธ์น้อย - [20:27:41  17 ส.ค. 2545]

ความคิดเห็นที่ 6
ขอบคุณมากครับสำหรับเรื่องดีๆ
โดยคุณ :กอกิ้ม - [22:12:32  17 ส.ค. 2545]

ความคิดเห็นที่ 7
วันนั้น  หนูได้ตามพี่รัชดาไปสัมภาษณ์พี่แต๋งและครอบครัวด้วยค่ะ
(อิ๊ อิ๊ ไปนั่งเป็นก้อนหิน)  พี่แต๋งน่ารักมากค่ะ  เป็นมิตร  ใจดี  จริงใจ
ก้อนหินก้อนนี้ได้เจอพี่แต๋งแล้วยิ้มไม่หุบไปหลายวันเลยค่ะ
โดยคุณ :หนูหนู - [22:31:14  23 ส.ค. 2545]

ความคิดเห็นที่ 8
              สวัสดีค่ะ  อาคะ หนูอยากทราบว่า  อาเป็นญาติกับหนูหรือเปล่าคะ  เพราะพ่อของหนู นามสกุลเดียวกันกับอาเลยคะ
             เอ่อ!  อารู้จักปู่รถมั้ยคะ  ปู่รถเป็นปู่ของหนู  แกเสียไปแล้วนะค่ะ
แล้วก็มีอีกท่านนึง ท่านชื่อหลวงปู่ยุง แกบวชอยู่ที่วัดดาวดึงศ์  จ.สิงห์บุรี ยังไงก็ขอคุยกับอาแค่นี้ล่ะค่ะ  สวัสดีคะ      032-315921                    
                                                                                                                 
โดยคุณ :ด.ญ.เมธาวี ไล้ทอง - [13:16:54  7 ส.ค. 2549]

ความคิดเห็นที่ 9
สวัสดีค่ะ อาแต๋ง วันนี้ได้มีโอกาสเข้ามาอ่าน ก็เลยเจอประวัติของอาเข้า
น้องต้นไม้กับน้องต้นน้ำ ปิ๊กไม่ได้เจอน้องนานมากแล้ว งานศพปู่ช้วนน้องก็ไม่ได้มา ก็เลยไม่รู้ว่าตอนนี้หน้าตาเป็นอย่างไรจะเหมือนอาแต๋งหรือปล่าวก็ไม่รู้
เราไม่ได้เจอกันนานมาก ๆ จนอาอาจจะจำหลาน ๆ ไม่ได้แน่ หนูปิ๊กหลานของปู้ช้วน ไล้ทอง ลูกพ่อแม้ว ไงค่ะ  ที่เข้ามานี่ก็เพื่อจะบอกอาว่าเพลงของอาเพราะมาก มีสาระดีค่ะ  แล้วโอกาสหน้าค่อยเจอกันที่ สิงห์บุรีนะคะ สวัสดีค่ะ

โดยคุณ :วารินทิพย์ ไล้ทอง(ปิ๊ก) - [15:47:21  19 มิ.ย. 2550]

ความคิดเห็นที่ 10
สวัสดีค่ะอาแต่ง วันนี้มาร้านnetเลยเข้ามาดูประวัติอา ก็ดีค่ะ
จำหนูได้หรือเปล่า ลูกปลาไงคะ หนูอยู่ ม.2แล้วคะ อยู่
ห้องคิงซะด้วยเก่งไหมคะ ล่าสุดที่ได้เจออาก็วันงานศพปู่ช้วนนี่ล่ะคะ
หวังว่าหนูคงจะเจออาแต๋งที่สิงห์บุรีนะคะ
จาก ลูกปลา น้องปิ๊ก วารินทิพย์
โดยคุณ :นรินทร ไล้ทอง - [9:48:17  21 มิ.ย. 2550]

ความคิดเห็นที่ 11
สวัสดีค่ะนรินทร ไล้ทอง วันนี้นั่งเล่นnetอยู่ โฆษณาเฉลียงผ่านมาเลยเข้ามาดู
web เฉลียง จำเราได้รึเปล่า ปลื้มไง เราอยู่ ม.2 แล้ว อยู่ห้องคิงซะด้วย เก่งมะ  ล่าสุดก็ได้เจอปลา ตอนไปทำรายงานที่บ้านตวงนี่แหละ หวังว่าเราจะเจอปลาที่ปาช่องอีกนะ
จาก ปลื้ม
โดยคุณ :ปลื้ม - [11:04:27  21 มิ.ย. 2550]

ความคิดเห็นที่ 12
ขอบคุณที่นำมาให้อ่าน
โดยคุณ :นักเรียน น.พ - [17:19:09  19 ก.พ. 2551]

ความคิดเห็นที่ 13
อาแต๋งค่ะช่วงนี้อาแต๋งไปไหนไม่คอยเห็นหน้าเลย
ทำงานหนักมั๊ย ปิดเทอมนี้หนูว่าหนูจะเรียนดนตรี
อิเล็กโทนน่ะค่ะไม่รู้ว่าจะได้รึเปล่าแต่หนูขอแม่แล้ว
แม่บอกว่าให้เรียน ต้องดูอีกทีว่าจะได้เรียนรึเปล่า
สุดท้ายนี้ ขอให้อามีสุขภาพแข็งแรงนะค่ะ
โดยคุณ :นรินทร ไล้ทอง - [13:56:34  25 ก.พ. 2551]

ความคิดเห็นที่ 14
ดีใจกับน้องต้นไม้และน้องต้นน้ำที่มีอาแต๋งเป็นพ่อและอาติ๊กเป็นแม่
โดยคุณ :ครอบครัวไล้ทอง - [15:51:43  22 ก.ค. 2551]

ความคิดเห็นที่ 15
สวัสดีค่ะสบายดีไหมรักษาสุขภาพด้วยทั่ง  4 คนเลยนะค่ะจากหลานเมืองสิงห์
โดยคุณ :มนัสชนก ไล้ทอง - [11:30:49  30 ก.ค. 2551]

ความคิดเห็นที่ 16
สวัสดีค่ะ  น้องพายเป็นออทิสติกเมื่อก่อนไม่พูด หมอเห็นอาการ
ตอนแรกแล้วบอกว่า พายจะอ่านไม่ได้เขียนไม่ได้และไม่มี
จินตนาการ พ่อกับแม่พาไปฝึกกิจกรรมบำบัดและดูแล
จนตอนนี้น้องพายเข้าเรียนกับเด็กปกติได้แล้วค่ะ และ
ชอบวาดรูปมากๆแม่ก็เลยเอาภาพที่พายวาดไปพิมพ์เป็น
ส.ค.ส.ค่ะ ติดตามได้ที่ www.pie.pichainirand.com
โดยคุณ :แม่น้องเรือพาย - [12:53:18  4 ธ.ค. 2552]

ความคิดเห็นที่ 17
สวัสดีจ้า
โดยคุณ :ako - [9:01:43  6 ธ.ค. 2552]

ความคิดเห็นที่ 18
อ.แต๋ง หนูเคยเป็นลูกศิษย์ อ.แต๋งที่สามเสนวิทยาลัย หนูรู้สึกมานานแล้วว่าอ.เป็นคนที่น่ารักและอบอุ่นมาก แก๊งพวกเรายังพูดถึงอ.ทุกครั้งที่นัดเจอกัน มีเพื่อนคนนึงมันตั้งชื่ออ.ว่าแอนโทนี่ (ตอนที่อ.ฝึกสอนพวกเรา) แต่ตอนนี้เรียกจานแต๋งหมดแล้ว
โดยคุณ :nazupa - [15:06:51  14 มิ.ย. 2554]

ความคิดเห็นที่ 19
พี่ต้นน้ำมีประวัติงี้นี่เอง ^-^
โดยคุณ :ตอง - [20:54:47  4 ก.ค. 2555]

ขอเชิญร่วมเสนอแนะความคิดเห็นครับ
จาก :
email :
icq :
รูปภาพ :

รายละเอียด

อาการ :



กรุณาคลิก "ส่งข้อมูล" เพียงครั้งเดียวครับ....