วันนี้ของหมีสมองฯ เรื่องรูปถ่าย
ฉันกลับมานั่งมองภาพถ่ายสามภาพอีกครั้งในยามสติสมบูรณ์
ภาพของพี่จิกที่ช่วงชิงมาจากกลุ่มว้าแดง ๒๔๙ บาทไทย
ภาพที่แม้แต่ผู้ถือภาพโชว์ ยังบอกดัง ๆ ว่า "จะเอาไปทำไมเนี่ย ภาพคนหันหลังเนี่ย..."
สถานการณ์หลายต่อหลายงาน มันเหมือนกับจะบอกใครต่อใครว่า ฉันกำลังคลั่งไคล้ "ประภาส ชลศรานนท์"
ฉันบอกกับตัวเองว่า "ไม่นะ" ฉันรักพี่ ๆ เฉลียง พอ ๆ กันนั่นแหละ
และทุกครั้งที่ทำอะไรลงไปนั่น มันก็เป็นความคิดบันดาล ณ ปัจจุบันนั้น แบบไม่ตั้งตัว
ได้พบได้เจอพี่จิกกลางทางด้วยความบังเอิญ ก็ยืนดีใจอยู่ห่าง ๆ ไม่ได้กรี้ดถลาเข้าหาแต่อย่างใด
มาเรื่องรูปถ่าย (เดี๋ยวใช้ "ภาพ" เดี๋ยวก็ใช้ "รูป" เนอะ)
ที่ฉันอดใจไม่ได้ ต้องยกมือประชันกะใครเขา อีกส่วนคงมาจากความงามแปลก ๆ ของรูปนั่นด้วยแหละ
มันไม่ใช่ภาพที่สมบูรณ์ หากจะถ่ายรูปใครสักคนให้รู้ว่าใคร
ลองเอาภาพพี่จิกไปให้คนที่ไม่รู้จักดู แล้วบอกว่า
"ช่วยหาคนในรูปนี่ทีสิ อยากเจอ"... ชาตินี้คงจะได้เจอกันยาก
ภาพพี่จิกในมุมแปลก ๆ คงเป็นแรงขับให้ฉันได้รูปมาแปะสมุดบันทึกวันนั้นที่ร้านต้นโพธิ์ ฉันว่าเป็นอย่างนั้น
ฉันไม่ชอบโดนถ่ายรูปมาตั้งแต่เด็กเล็ก มีหลักฐานเป็นภาพเด็กนั่งขมวดคิ้วอยู่อย่างชัดเจน
แม่บอกว่าถ่ายรูปทีไร หงายหลังตึงทุกที จนโตมาก็ยังเป็นอย่างนั้น ทำอะไรไม่ถูกเวลาเป็นดาราหน้ากล้อง มันเขิน มันกลัวกล้องกินฉัน!!
ขนาดทำงานกับร้านถ่ายรูป ก็อย่าหวังว่าจะมาเก็บภาพกันง่าย ๆ
ฉันหลบเป็นลิงลม หลบกระสุนนายพราน หรือไม่ก็ทำให้ภาพที่ออกมาบั่นทอนความมั่นใจในอาชีพกันไปเลย...
แต่ในความเป็นจริงที่สุดแล้ว ฉันอยากมีรูปถ่ายของตัวเองนะ แต่เป็นฉันอยากถ่ายรูปตัวเองได้
เป็นความฝันของฉันเลยเชียว ภาวนาให้มีเทคโนโลยีมหัศจรรย์นั้นเกิดมาก่อนฉันไม่มีสังขารมาโพสต์ท่า
เมื่อก่อนชอบมากเลยถ่ายรูปสติ๊กเกอร์ มองกระจกแล้วกดแชะ!! แต่น่าเสียดายแฮะ ที่ไม่สามารถแบกมันไปถ่ายกับทะเล ภูเขา หรือหามุมแปลก ๆ เท่าที่อยากได้
อยากมีรูปของตัวเองแบบ โดยที่อยากเป็นคนมองผ่านกล้องเองก็อย่างนี้แหละ
พอเห็นรูปพี่จิกเป็นอย่างที่นั้นของเลยขึ้น เท่าไหร่เท่ากันแล้ววันนั้น
เขียนลงสมุด..."พี่จิกหลบกล้อง เหมือนฉันเลย"
โดยคุณ :
หมีสมองฯ - [15:38:37 18 ธ.ค. 2544] |