อิ่มอก อิ่มใจ อยากบอกให้ใครๆได้รับรู้
ช่วงนี้หัวใจพองโตเป็นพิเศษค่ะ
แม้สายตาจะล้าเต็มที
เหตุจากห่างหายหน้าจอไปหลายวัน
กลับมาครั้งนี้ ตะลุยอ่านจนล้า
คงต้องโทษกาแฟหอมกรุ่นที่แพร่เป็นเหตุ
ทำเอาตาค้างตลอดการเดินทางไม่ได้หลับไม่ได้นอน
ยังโชคดีที่พระจันทร์เป็นใจ
ลอยเด่นอยู่เป็นเพื่อนตลอดทั้งคืน
ก่อนนั่งรถกลับบ้านอีกซีกของแผนที่ประเทศไทย
อดใจไม่ไหวมาแวะเล่าเรื่องดีดีให้เพื่อน พี่ น้องเฉลียงฟังกันก่อน
พล่ามมาก็นาน เอ้า! เข้าเรื่องดีกว่า
ช่วงสัปดาห์นี้หยุดกีฬามหาวิทยาลัยค่ะ
ไม่ทราบว่าที่อื่นหยุดกันมั้ย แต่จุฬาฯ หยุดให้
เหมียวก็ถือว่าเป็นการหยุดชดเชยที่สมน้ำสมเนื้อกันดี
เพราะช่วงปีใหม่โปรเจ็คทำเอาหมดสนุก
ไม่ได้ไปไหน นอกจากอู้งานมาขี่จักรยานรอบจุฬาฯ
ในช่วงเวลาเริ่มต้นของปี44
ปกติทุกปิดเทอมที่คณะจะมีการออกค่ายอาสาพัฒนาชนบท
ปิดเทอมตุลาที่ผ่านมาก็เช่นกันค่ะ
เราไปที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งในภาคเหนือ
กิจกรรมหลักของค่ายเราก็คือ
การไปสร้างอาคารที่หมู่บ้านนั้นจะได้ใช้ประโยชน์ (ตามความรู้ที่เราได้ร่ำเรียนมา )
หลังจากปิดค่ายไปแล้ว
ถ้ามีโอกาสเราก็หาช่วงเวลากลับไปเยี่ยมหมู่บ้าน กลับไปดูผลงานที่ไปสร้างเอาไว้
ค่ายนี้เราไปสร้างห้องสมุดให้ค่ะ
สำนักพิมพ์ต่างๆใจดีให้หนังสือไปมากมาย
หยุดช่วงนี้โอกาสดีนัก
เหมียวและเพื่อนอีก 2 รุ่นพี่อีก 5
ทิ้งภาระรับผิดชอบด้านการเรียนไว้ข้างหลัง(อย่างไม่สนใจไยดีไปชั่วขณะ)
ตั้งใจออกเดินทางตั้งแต่วันศุกร์
แต่ทิ้งความรับผิดชอบอย่างหนึ่งไปไม่ได้
เราจึงมุ่งหน้าออกเดินทางในคืนวันเสาร์
ได้ไปใช้สิทธิ์เลือกผู้แทนกันก่อน
ปลายทางของพวกเราอยู่ที่โรงเรียนบ้านห้วยนาย
ต.นาทะนุง อ.นาหมื่น จ.น่าน
เป็นโรงเรียนประถมขนาดเล็กประจำหมู่บ้านสันป่าสักและหมู่บ้านห้วยนาย ( แอบให้ข้อมูลเพิ่มเติมค่ะ หมู่บ้านนี้คือหมู่บ้านผีตองเหลืองนั่นเอง มีอายุ100 กว่าปีแล้ว)
เด็กๆที่นี่น่ารักมากๆ ในโรงเรียนมีนักเรียน 44 คนค่ะ ป.1 5คน ป.2 6คน ป.3 9 คน ป. 4 15คน ป.5 9 คน มีครู 5 คน ชั้นป. 6 มีปีเว้นปีค่ะ
เหมียวว่าน้อยคนนักที่จะรู้ว่าในหมู่บ้านที่ห่างไกลในสิ่งที่หลายคนคิดว่ามันคือความเจริญ ห่างไกลจากเทคโนโลยี จะมีเด็กน้อยน่ารักที่ได้รับการปลูกฝังมารยาทไว้อย่างดี พูดจาไพเราะ
เมื่อแรกที่เด็กๆเห็นว่าเรากลับไปเยี่ยมเค้าดีใจกระโดดโลดเต้นกันใหญ่
ไปถึงวันอาทิตย์เด็กๆหยุดเรียนค่ะ
พ่อๆแม่ๆที่นั่นให้การต้อนรับเราอย่างดีเหมือนเป็นลูกเป็นหลาน (เราใช้คำเรียกชาวบ้านรุ่นพ่อรุ่นแม่ว่าพ่อกับแม่ค่ะ ) แค่นี้พวกเราก็หัวใจพองโตแล้ว
แต่ไม่ใช่แค่นั้นน่ะสิคะ
ไปครั้งนี้เราสะดวกสบายกว่าเมื่อครั้งไปออกค่าย
ครูใหญ่ ขอเอ่ยนาม... คุณครูณรงค์ อินทรัตน์ ออกไปรับเราที่เวียงสา พาเรามาขึ้นหมู่บ้านสบายนัก คุณครูพาแวะดื่มน้ำที่บ้าน เราเลยได้รู้ผลการเลือกตั้ง...
ตอนกลางคืนเรานอนกันที่โรงเรียน
เป็นห้องน้องป.1 กับน้องป.2
ด้วยความอ่อนเพลียในการเดินทางบวกกับอาหารในท้องที่ทานเข้าไปมากเกินพอดี ( พ่อๆแม่ๆเลี้ยงจนเราทานกันไม่ไหว )
ที่ตั้งใจว่าจะตื่นตั้งแต่เช้ามาเดินหมู่บ้าน
เป็นอันล้มเหลว เพราะอากาศหนาวจับใจจนอยากขดตัวอยู่แต่ในถุงนอนตลอดเวลา
รู้ตัวอีกทีน้องๆมาเคาะประตู 8 โมงแล้ว
พี่ๆล็อคห้อง หลับอุตุ น้องไม่มีห้องเรียน (เช้าวันจันทร์)
โดนน้องล้อว่านอนตื่นสาย ....อายค่ะ
ตลอดเวลา2วัน2คืนที่อยู่ที่นั่นมีความสุขจนไม่อยากกลับ
อยู่ที่นั่นรู้สึกว่าตัวเองมีค่า เด็กๆรักเรามาก
ตาเด็กๆใสเหลือเกิน หลงรักรอยยิ้มของน้องๆ
แต่ถ้าขืนอยู่ต่อน้องๆก็จะไม่ได้เรียนหนังสือ ( คุณครูบอกว่าให้เรียนกับพี่ๆ นานๆพี่ๆจะมาเยี่ยม )
แล้วเสบียงอาจจะหมดหมู่บ้านได้
ไปกัน 8 คน อาหารเท่ากับคนทั้งค่ายเป็นร้อยคนทาน
แล้วเราเองวันหยุดอย่างนี้น่าจะมีเวลาอยู่กับบ้านบ้าง
( เพราะปกติบ้านเราคือคณะค่ะ )
เรา 8 คนก็ต้องจำใจลาน้องๆ พ่อๆ แม่ๆ กลับกรุงเทพ ฯ
เช้าวันก่อนกลับกิจกรรมหน้าเสาธงจะมีช่วงภาษาอังกฤษวันละคำ ดำเนินรายการโดยน้อง ป.5
น้องเสนอศัพท์ คำว่า CRY แปลว่าร้องไห้ ให้น้องๆชั้นอื่นออกเสียงตาม
เหมียวแทบกลั้นน้ำตาไว้ไม่อยู่
จบกิจกรรมน้องให้พี่ๆออกไปกล่าวคำลา
เพื่อนเหมียวห้ามน้องเอาไว้ว่า ห้ามร้องไห้นะ ถ้ามีใครร้องไห้พี่จะไม่กลับมานะ
ก็ตอนตุลาที่ผ่านมาน้องๆผู้ชาย ผู้หญิงร้องไห้กันทั้งโรงเรียน ทำเอาพี่เศร้า ร้องไห้กันหมด
พอถึงเวลาเที่ยงของวันอังคารได้เวลากลับ
คุณครูสฤษดิ์จะขับรถไปส่งแล้วกลับมาประชุมตอนบ่าย เราจึงไม่มีเวลาอิดออดกันนานนัก
น้องๆตาแดงกลั้นร้องไห้กันเต็มที่
กลัวพี่ๆจะไม่กลับไปหา
เรา8 คนอยู่บนรถปิคอัพ น้องๆโบกมือจนเราต่างมองไม่เห็นกัน......
น้องๆไม่รู้หรอกว่า พี่เหมียวของน้องๆแอบนั่งร้องไห้อยู่บนตอนหน้าของรถตั้งแต่รถยังไม่ติดเครื่องด้วยซ้ำ
ให้น้องรู้ได้ยังไงคะ ...อายน้องแย่เลย
อยากเล่าอะไรอีกมากมาย
ถ้ามีใครอยากฟังจะแวะมาเล่าอีก...นะคะ
คงต้องแค่นี้ก่อน ตอนนี้หน้าจอเป็นอะไรไม่รู้...
ภาพเบลอจัง
โดยคุณ :
เหมียว - [13:44:13 10 ม.ค. 2544] |