ความคิดเห็นที่ 3
เราก็ไปช้านิดหน่อยอ่ะนะ ได้ฟังท้ายๆ แล้ว
เนื่องจากติดภารกิจ อ่ะค่ะ
งานที่ไปเค้าชื่อ "งานกวีอ่านบนลานหญ้า"
ไปถึงก็เจอพี่จุ้ยที่ ลานสี่เสา(ถูกหรือเปล่าก็ไม่รู้ อิอิ) แถวๆ คณะอักษรค่ะ งานนี้พี่จุ้ย ฉายเดี่ยว
เป็นกวี คนเดียวที่นั่งคุยบนเวที มีผู้ฟังประมาณ 30 คนส่วนใหญ่ก็เป็นเด็กจุฬาฯ ค่ะ เห็นจดๆ กันใหญ่ท่าทางจะต้องส่งรายงาน
พี่จุ้ยนั่งประกบกับ พิธีกรสองคน นั่งสบายๆ ค่ะเห็นแล้ว รู้สึกสบายๆ ไปด้วย
เค้าก็ถามไปเรื่อยๆ นะคะ มีอยู่คำถามนึงที่เราชอบ คือถามว่า การเดินทางครั้งไหนที่พี่จุ้ยประทับใจมากที่สุด
พี่จุ้ยเล่าว่า เมื่อตอนเรียนที่ นิเทศฯ ตอนนั้นอกหัก เลยเดินจากคณะไปสยาม แล้วเดินอ้อมกลับมาที่ถนนอังรีดูนังต์ไปที่สภากาชาด ซึ่งก็ไม่รู้ว่าจะทำอะไรได้นึกว่าจะไปรีดพิษงู เลยเดินเข้าไปถามเค้า เค้าบอกว่าไม่มี มีแต่บริจาคอวัยวะ กับดวงตา พี่จุ้ยก็เลยเลือกบริจาคดวงตา เมื่อบริจาคเสร็จแล้ว พี่จุ้ยก็เลยเลือกที่จะเดินหลับตาคลำทางมาตลอดเหมือนคนตาบอด จนถึงจุฬาฯ แล้วค่อยลืมตา พี่เค้าบอกว่าพอลืมตาแล้วรู้สึกว่าเหมือนคนตาบอดที่มองเห็นโลกใหม่ มันดูสดใสและน่าอยู่มาก(ทำให้หายอกหักไปเลย) ฮ่าๆ
หลังจากนั้น พี่จุ้ยก็ดีดกีต้าร์ ร้องเพลงให้ฟัง เพลงแรกพี่เค้าแต่งเอง เค้าบอกว่าเพิ่งเล่นที่นี่เป็นครั้งแรก อีกเพลงเป็นบทกวี ของรุ่นน้องพี่เค้าก็ร้องให้ฟัง เพลงหลังนี่ เพราะจับใจทีเดียว แต่เราก็จำเนื้อร้องไม่ได้หรอกนะ
หลังจากนั้นก็มีการแจกรางวัล เรื่องบทความต่างๆ ที่ชนะเลิศการประกวดค่ะ
และพิธีกรได้กล่าวปิดงาน เราก็เลยวิ่งจู๊ดไปหาพี่จุ้ย ขอลายเซ็นต์ค่ะ มีหลายคนเอาหนังสือเรื่องราว ฯ มาให้พี่จุ้ยเซ็น ด้วย แต่ที่เด็ดกว่านั้นเพื่อนเราเอา หนังสือคุยกับประภาส ไปให้พี่จุ้ยเซ็น พี่เค้ามี เซ็นต์ให้ ว่า คุยกับจุ้ยด้วย น่ารักจริงๆ
เสียดายเมื่อวันนั้นลืมเอากล้องถ่ายรูปไป จะหาโอกาสใกล้ชิดแบบนี้ยากจังแฮะ
แล้วเดี๋ยวจะเอาลายเซ็นต์ไป สแกนนะคะแล้วจะแวะมาแปะให้ดู อิอิ
ปล.ใครไปก่อนหน้าเราช่วยๆ เข้ามาเล่าเน้อ อ้อ อีกอย่าง ถ้าอยากดูรูปลองแวะไป
www.katikala.com น้าค้า
เพราะเราเห็นพี่จุ้ย ถือกล้องดิจิตอล ด้วยล่ะ(ทันสมัยจริงๆ) ท่าทางน่าจะเอาไป upload ลงที่ web นะคะ ไปครั้งนี้ถึงช้าไปหน่อย ก็ยังคงความประทับใจ อันอบอุ่นไม่หาย ถึงแม้ไม่ใช่วงใน ได้แค่ลายเซ็นต์พี่จุ้ยเอามาอวดเพื่อน ก็ดีใจจะตายแล้วค่ะ ฮ่าๆๆ ^_^
โดยคุณ
:มีนา - [10:16:48 29 ม.ค. 2544] |