มัน.....คาใจ
เรื่องมันก็มีอยู่ว่า
เมื่อวันเสาร์ที่ผ่านมา (15 ก.ย.) เหล่าสมาชิกชมรมคนสนิทชิดเฉลียงตัวเล็กบ้าง ใหญ่บ้าง ได้ทำตัวติดกัน จูงมือไปตามรอย..นิทานหิ่งห้อย ไกลถึงสมุทรสงครามนู่น
แม้การเดินทางจะเจออุปสรรคไปบ้าง แต่ไม่เป็นไร คิดเสียว่า หนทางที่เดินไม่ได้โรยไปด้วยกลีบกุหลาบ (มันเกี่ยวกันไหมเนี่ย)
แต่จนแล้วจนรอด ณ เวลา 18.00 น. โดยประมาณ พลพรรคก็ถึงยังบ้านชมเดือน เรือนคุ้งน้ำ อันเป็นสถานที่ที่ใช้ตามสะกดรอย (อย่าปล่อยให้หิ่งห้อยลอยนวล..555)
แต่ก่อนที่จะไปยลโฉมหิ่งห้อยนั้น เคยรู้มาว่า "กองทัพต้องเดินด้วยท้อง" เพราะอย่างนั้นจึงไม่รอช้า เติมเชื้อแบตเตอรี่ของตัวเอง และของคนอื่นกันอย่างพร้อมหน้า พร้อมตา พร้อมไส้ เอิ๊ก ๆ ๆ
กินไป คุยไป กัดกันไป (ตัวใครตัวมันก็แล้วกันงานนี้..ชะแว๊บ) ช่างสรวลเสเฮฮา ได้รสชาติของชีวิต จริง..จริ๊ง
เผลอไปแป๊บเดียวมองนาฬิกาของคนอื่นก็สองทุ่มเกือบจะครึ่งแล้ว เห็นทีคงได้ฤกษ์เบิกชัียกระทำภาระกิจที่ตั้งใจไว้ให้เสร็จสิ้นสมใจเสียที
เกณฑ์พลพรรคลงเรือ เรือลำน้อยพาแล่นออกไปสู่จุดหมาย ณ ริมแม่น้ำแม่กลองที่นั่นช่างมีอาถรรพ์ยิ่งนัก หิ่งห้อยน้อยกลอยใจสมัครสมานสามัคคีต้อนรับแขกผู้มาเยือนอย่างเรา ๆ ได้ไม่จักเหน็ดเหนื่อย
คืนนั้นบรรยากาศรอบข้างช่างเป็นใจ สายลมพัดแผ่วพริ้วกระทบ เย็นทั้งใจและเย็นทั้งกาย แม้ท้องฟ้าจะมีเมฆค่อนข้างมาก แต่ก็ยังได้เห็นหมู่ดาวเป็นช่วง ๆ และมันทำให้เป็นอีกหนึ่งคืนให้น่าจดจำ มันเต็มตื้นไปทั้งภาพที่เห็นข้างหน้า และมิตรภาพของคนที่อยู่ในเรือ
แต่....ยังมีบางอย่างที่มันคาใจมาจนถึง ณ วันนี้ ว่า
"ทำไมหิ่งห้อยถึงเกาะอยู่แต่ที่ต้นลำพู ไม่ไปเกาะที่ต้นอื่นบ้าง"
ใครรู้ช่วยวานบอก ไม่อยากให้มันคาที่ใจนาน ๆ โดยคุณ :
เนฌา - [9:46:47 21 ก.ย. 2544] |