แล้วเราก็เจอกัน
.........................................
"ลัน ลัน ลา ลา ลัน ลัน"
ฉันฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีตั้งแต่เช้า ร้อนถึงเพื่อนบ้านถัดไปประมาณแปดเก้าหลังคาเรือน อดรนทนไม่ไหวตะโกนอะไรก็ไม่รู้ออกมาทันท่วงที
ตอนแรกฉันคิดไปว่าเขาคงจะขอเพลงเสียอีก เหมือนrequest เพลงตามรายการวิทยุ แต่พอจับน้ำเสียงได้ ฉันก็เริ่มคิดถึงสวัสดิภาพส่วนตัว เลยเริ่มเบาเสียงของฉันมั่ง
ไม่อยากมีเรื่องตอนเช้าย่ะ... ฉันตวัดหางตา ค้อนไปสามวงใหญ่ ในใจก็เริ่มหวั่นเกรงนิดนิด กลัวเหมือนกัน...แต่ไม่มาก...
...อารมณ์ดี เพราะวันนี้ฉันมีนัด...
นัดนี้ถ้าเป็นฟุตบอลเขาคงเรียกนัดกระชับมิตร ด้วยคนที่จะมาเจอกันนั้น ต่างก็เป็นเพื่อนที่ฉันรู้จัก แต่เราไม่มีโอกาสได้เจอกันเท่านั้นเอง
"เพื่อนสมัยไหนเหรอพริ้ง..." ช่อมาลีอุตส่าห์โทรทางไกลมาถามจากบางขุนนนท์
"สุโขทัย อยุธยา รัตนโกสินทร์ หรือบ้านเชียง"
ช่อมาลียังคงถามต่อไม่ลดละ
ฉันค้อนขวับ ในมือเปิดหนังสือประวัติศาสตร์ผ่าน ๆ
สมัยลพบุรีตอนปลายย่ะ
.
..........................................
เรานัดเจอกันประมาณแปดคน มีน้องซัน ปุ้ยวัน ปุ้ยสอง น้องแชร์ น้องทริป พี่มาลัย บัณฑิต และคุณคิม ณ ใจกลางเมือง ที่ลือเลื่องว่า เซ็นเตอร์พอยท์
โชคดีที่ฉันเตรียมตัวศึกษาข้อมูลมาแต่เนิ่นเนิ่นว่าแหล่งนี้มักเป็นที่ชุมนุมของเด็กวัยรุ่นที่ยังไม่บรรลุนิติภาวะ
...ฉันเลยพยายามทำตัวกลมกลืนสุดฤทธิ์...
ผ้าถุงปกติที่เคยนุ่งก็เปลี่ยนแบบใหม่ จากลายดอกมงดอกไม้ ฉันก็ลงทุนเปลี่ยนเป็นลายโปเกมอน พิคคาจูแทน แต่ด้วยตื่นเต้นหรือก็ไม่แน่ใจ สิวเม็ดเล็ก ๆ ที่ไม่เคยมาเยี่ยมกรายใบหน้าอันกลมเป็นวง ก็มีอันต้องมาปรากฎอย่างไม่น่าเป็นไปได้ แต่ฉันพยายามคิดว่ามันคงเป็นสิวเยาวเรศรุ่นนั่นแล
ทันทีที่ไปถึงสถานที่นัด ต่างฝ่ายต่างระงับสติไม่ค่อยจะอยู่ ฝ่ายฉัน (ซึ่งมีฉันเพียงคนเดียว) ก็ร่ำร่ำจะกลับบ้านท่าเดียวทันทีที่เห็นอีกฝ่าย (เจ็ดคน) ทำท่าเหมือนเห็นสิ่งน่าสะพรึงกลัวปานนั้น...
..พริ้งเองทุกคน... ฉันพยายามเรียกขวัญและกำลังใจของทุกคนให้กลับคืนมา ในใจคิดว่าถ้าไม่ได้ผลจะท่องมนต์แทน
แต่โชคดีที่อีกฝ่ายตั้งสติสัมปชัญญะ ทุกข์ สมุทัย นิโรธ มรรคได้ชะงัดนัก
เอา นั่ง นั่ง... พอเริ่มเข้าที ทุกคนก็เริ่มชินกับสิ่งที่เห็น ก่อนจะเข้าสู่วงสนทนาอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง
ทุกคนพูดเก่งมาก... ฉันได้แต่นั่งตาปริบปริบ พยายามจะขอเวลานอกครั้งแล้วครั้งเล่า แต่ไม่มีใครสนใจ พอฉันยกมือจะพูด พนักงานเสริ์ฟก็ปราดเข้ามาถามทันควัน ว่าฉันจะรับอะไรเพิ่ม
ผ้าเย็นก็แล้วกันค่ะ...
ฉันรีบตัดบทและกลับมาสู่วงสนทนาอย่างรวดเร็ว แต่บรรดาคนเหล่านั้น ก็ยังไม่มีทีท่าจะหยุดพูด
...เรื่องแล้วเรื่องเล่า ...
ต่างคนต่างบุคลิค แต่เรื่องพูดนี่ไม่มีใครเป็นรองใคร...
ปุ้ยวัน...นี่ฉันยกให้เป็นที่สุดของกลุ่มเลยละกัน เธอพูดได้น้ำไหลไฟดับมาก ปุ้ยสองคนบ้านไกลก็ใช่ย่อย ในขณะที่..น้องแชร์...เป็นคนที่ฉันอยากจะพูดอะไรกับเธอตั้งมากมาย แต่ฉันก็ได้แต่ส่งยิ้มไปได้เท่านั้น
ส่วนน้องทริป น้องเล็กคนสุดท้องฉันรู้สึกเอ็นดูเธอเป็นพิเศษ แต่กลัวอีกฝ่ายจะจับได้ เลยมีการวางมาดให้น่าเกรงขามเล็กน้อย (ไม่มาก)
ส่วนหนุ่ม (เหลือ) น้อยที่เหลือ แรกเริ่มก็ดูมาดสุขุมกันดี แต่หลัง ๆ จะด้วยฤทธิ์ต้มยำชามนั้นหรือเปล่าก็ไม่แน่ใจ....พลิกบทบาทชนิดคาดไม่ถึงเลยทีเดียวเชียว
ฉันพยายามเรียกร้องความสนใจด้วยการเตะหน้าแข้งคนที่อยู่ด้านหน้า สงสัยจะเป็นนักฟุตบอลหรืออย่างไรก็ไม่ทราบได้ ไม่มีสะเทือน ฉันเลยเปลี่ยนแผนหันไปทำร้ายร่างกายคนข้าง ๆ แทน ทั้งหยิก กัด ยกหัวไหล่ขึ้นมางัด
...แต่ไม่ได้ผล....
ทุกคนยังคงพูดและพูด ฉันเลยเปลี่ยนใจมากินทุกอย่างที่อยู่ตรงข้างหน้าแทน แต่หูก็ยังคงเงี่ยฟัง อันไหนที่เกี่ยวกับฉัน ฉันก็รีบชิงตอบทันที
หรือคงจะเป็นการพบกันครั้งแรกกระมัง... ที่ทำให้ฉันรู้สึกแปลกแปลกไปบ้างในบางขณะ แต่ก็ไม่ทำให้ฉันรู้สึกอึดอัดมากนัก
ด้วยเรื่องที่เล่าบางเรื่องก็คุ้นเคยดีอยู่ บางเรื่องก็ทำให้ฉันยิ้มและหัวเราะได้อยู่เช่นกัน
ในระหว่างที่เราคุยกัน...ก็เลยมาถึงเรื่อง ที่มาของการนัดเจอในวันนี้ เนื่องจากจะมีการส่งมอบของลับ ซึ่งจริง ๆ ก็คือภาพของคนคนหนึ่งเท่านั้นเอง...
ตอนที่น้องปุ้ยวัน ยื่นซองสีน้ำตาลเหมือนซองเอกสารมาให้ ฉันถึงกับยิ้มชอบใจ เพราะรู้
ว่าในซองนั้นคืออะไร
มันคือภาพถ่ายของคนคนหนึ่ง แต่อยากบอกว่ามันมีความหมายกับฉันมาก ฉันค่อย ๆ เก็บภาพใส่ซองอย่างทะนุถนอม ก่อนบอกขอบคุณคนที่ให้ด้วยใจจริง
ตอนกลับบ้าน ฉันนั่งรถกลับมาก่ะน้องซัน ที่ฉันลงความเห็นว่าน่าจะเป็นสาวห้าวที่สุดในกลุ่ม เรานั่งคุยกันไปเรื่อย ๆ จนถึงคำถามหนึ่งที่ฉันไม่รู้จะตอบอย่างไร ....
เขาถามว่า..ทำไมฉันถึงรู้สึกดีกับคนในภาพนั้น ๆ...
ฉันเงียบ...ในใจนึกหาเหตุผลร้อยพันประการ แต่สุดท้าย บทสรุปที่ฉันให้ไปคือ บางทีฉันก็ไม่มีคำตอบให้กับตัวเองเหมือนกัน และไม่ทันที่ฉันจะได้บอกอะไรไปมากกว่านี้ เสียงเพลงในวิทยุก็กำลังเล่นเพลงของเขาคนนั้นอยู่
เราหันมาสบตากัน น้องเขาคงรู้ว่าฉันรู้สึกยังไง เลยจอดรถและให้ฉันนั่งฟังเพลงนั้นอย่างเงียบเงียบ
....................................
ทันทีที่ถึงบ้าน ฉันค่อย ๆ หยิบภาพขึ้นมาดูช้า ๆ เหมือนมันมีเรื่องเล่าอยู่ในภาพเหล่านั้น ตอนหนึ่งของเรื่องที่เราคุยกัน น้องทริป สาวน้อยจอมแก่น ให้ฉันดูสมุดเล็ก ๆ ที่ทำเองกับมือ สมุดที่จะใช้บันทึกเรื่องราวดี ๆ ของคนในภาพนั้น
ตอนที่เธอยื่นสมุดมาให้และส่งยิ้มมา ฉันมองเห็นความตั้งใจ ความคุ้นเคย อยู่ในดวงตาคู่นั้น มันทำให้ฉันรู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก แม้มันจะเป็นแค่เรื่องของความรู้สึกของคนแค่หนึ่งคน แต่มีอีกหลายคนร่วมรับรู้ และบรรจงถ่ายทอดมันออกมา...
ฉันอาจไม่ได้พูดอะไรออกไปเท่าที่ใจอยากจะบอก
ฉันอาจไม่ได้ทำอะไรออกไปเหมือนที่ใจอยากจะให้มันเป็น
...แต่อยากให้รู้ว่า ...
ฉันอยากขอบคุณ...
ที่ทำให้ฉันได้เห็นมิตรภาพอันสวยงามล่องลอยอยู่บนโลกกลม ๆ ใบนี้
และอยากขอบคุณ....
ที่ทำให้ฉันรู้สึกดี
.กับสิ่งที่เกิดขึ้นในวันนี้เช่นกัน...
21 กรกฏาคม 2544
.......................................
โดยคุณ :
ป้าพริ้ง - [21:59:22 21 ก.ค. 2544] |