พรุ่งนี้...ก็ฮาโลวีน
......................................................
...คุณ ๆ เคยถูกหลอกกันไหมครับ....
ตั้งแต่จำความได้ ผมก็รู้ว่าผมเติบโตมากับการถูกหลอก จนเป็นเรื่องชินชาซะแล้ว
ตอนผมยังเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ แม่ผมเคยบอกผมว่า ถ้าผมกินข้าวเยอะ ๆ ผมจะฉลาด แข็งแรง โตขึ้นจะหล่อเหมือนดารา !
..แต่ทุกวันนี้ ผมไม่ค่อยจะแน่ใจในความเฉลียวฉลาดของผมซักเท่าไหร่..
ออกจะซึม ๆ เซื่อง ๆ แถมน้ำหนักตัวก็มากขึ้นเรื่อย ๆ
ไอ้เรื่องความหล่อไม่ต้องพูดถึง (ผมพูดเองดีกว่า)
..ผมว่าแม่บอกผม ก็แค่อยากให้ผมกินข้าว...เท่านั้นเอง...
หรือตอนที่ผมเรียนอยู่อนุบาลสอง เพื่อนคนหนึ่งของผมมาบอกผมว่า...
หลังโรงเรียน จะมียานอวกาศมาจอดรอรับเด็กนักเรียนกลับบ้าน
ถ้าใครอยากไปด้วย ให้ไปยืนรออยู่ตรงนั้น แต่มีข้อแม้ว่า ต้องยืนอยู่ตรงนั้นนิ่งๆ แล้วให้แหงนหน้ามองฟ้า พูดว่า
"มารับผมด้วยครับ...มารับผมด้วยครับ"
ผมกระหยิ่มยิ้มย่อง
ด้วยเบื่อจะกลับรถโรงเรียนเต็มทีละ ผมเลยไม่รีรอที่จะรีบวิ่งไปหลังโรงเรียน ทันทีที่เสียงออดหมดเวลาดังขึ้น
บริเวณหลังโรงเรียน เป็นพื้นที่กว้าง มีต้นไม้เต็มไปหมด บรรยากาศเงียบสงัด ไม่พลุกพล่าน ก็ดี ผมจะได้นั่งคนเดียว ไม่ต้องเบียดกับใคร
ผมมองซ้ายมองขวา ด้วยเห็นว่าไม่มีใครมาขึ้นยานอวกาศกลับบ้านกับผมแน่ละ ผมก็เลยเริ่มประกอบพิธีกรรม
...มารับผมด้วยครับ มารับผมด้วยครับ...
ผมตะโกนขึ้นบนฟ้า
...เงียบ...
ไม่มีเสียงเครื่องยนต์ใด ๆ บนฟ้านั้น คงมีแต่หมาแก่ ๆ สองตัวเดินไปมารอบ ๆ ตัวผม
อืม...อืม อาจจะกำลังมา...
ผมลองใหม่อีกครั้ง
มารับผมด้วยครับ...มารับผมด้วยครับ...
ผมตะโกนเสียงดังขึ้นกว่าเดิม แหงนหน้ามองฟ้า ยืนตัวตรง ถูกตามกฎกติกามารยาททุกอย่าง
...ผมยืนอยู่อย่างนั้นเกือบชั่วโมง....
ยังคงเงียบ แต่คราวนี้เหมือนมีเสียงคนพูดอะไรแบบจับใจความไม่ได้ แว่วเข้ามา ยิ่งฟังก็ยิ่งคุ้น
55555...ไอ้เม้งเอ๊ย...
นั่นไง เพื่อนผมคนนั้นนั่นเอง
ทำไมเอ็งหลอกง่ายงี้อ่ะ ..โห... ไม่น่าเชื่อ บอกมาเกือบทั้งโรงเรียน มีเอ็งนั่นแหละที่มายืนรอตรงนี้ โห.. สุดยอด สุดยอด...
เพื่อนคนนั้นของผม ยืนจังก้าหัวเราะเป็นบ้าเป็นหลัง น้ำลายงี้เต็มปาก ผมยืนมองมันอย่างเงียบ ๆ รอให้มันพูดจบ
..เฮ้ย.. โทษทีว่ะ แค่พูดเล่น ๆ ไม่คิดว่าจะเชื่อ ไม่โกรธกันนะ..
ผมแค่นยิ้ม กำมือเข้าหากัน ก้มหน้าลงพื้น แต่ไม่อยากจะมีเรื่องตอนนี้ ผมได้แต่ด่ามันอยู่ในใจ
เพราะปากมันหยั่งงี้น่ะสิ ...ผมไม่มีวันจะให้มันขึ้นยานอวกาศพร้อมผมหรอก คอยดูสิ...
ตอนผมเป็นวัยรุ่นขึ้นมาหน่อย ก็มีอันจะต้องจากบ้านเกิด มาเช่าห้องพักเล็ก ๆ อยู่แถวชานเมือง (ซึ่งสะดวกกับการมาโรงเรียนของผมด้วย)
ที่นี่บรรยากาศดี ไม่ค่อยมีคนเยอะมากนัก เสียอยู่อย่างเดียว ที่เวลากลางคืน มันจะดูเปลี่ยว เหงา และวังเวงอย่างบอกไม่ถูก แต่นั่นก็ไม่ทำให้ผมหนักใจมากนัก
และสิ่งหนึ่งที่ทำให้ผมรู้สึกชื่นชม และทึ่งกับหอพักแห่งนี้ ก็คือที่นี่มีบริการส่งอาหารให้คุณด้วย
...ส่งแบบคุณไม่ต้องสั่งเลยเอ้า จริงจริง...
ผมเองก็ไม่อยากจะเชื่อ แต่จะเล่าให้ฟัง
เพราะตอนกลางคืน มักจะมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น
พอผมเปิดประตูออกไป ก็จะพบกับถุงพลาสติกแขวนอยู่ตรงลูกบิดประตู ในนั้นมีข้าวหมูอบน่ากินแขวนอยู่
...ผมนึกชื่นชมบริการที่หอพักแห่งนี้...
...รู้ได้ไงนะ ว่าผมชอบกินข้าวหมูอบ...
เป็นอย่างนี้อยู่หลายครั้ง
และผมก็กินมันทุกคืน !
ผมเคยลงไปขอบอกขอบใจโอปะเรเตอร์ที่อยู่ข้างล่าง แต่เธอก็ทำท่าอึกอัก เหมือนไม่อยากจะพูดอะไร เหมือนเก็บงำอะไรบางสิ่งบางอย่าง แต่ผมก็ไม่ได้เอะใจอะไร
..จากวันเป็นอาทิตย์
จากอาทิตย์เป็นเดือน...
เหตุการณ์ยังคงดำเนินไปตามปกติ
..จนวันหนึ่ง...
วันที่ผมจะไม่ลืมเลยตลอดชีวิตของผม !
วันนั้น ดึกสงัด ขณะที่ผมกำลังท่องหนังสือเตรียมสอบวันพรุ่งนี้อยู่ หูของผมก็เหมือนจะได้ยินเสียงอะไรแว่ว ๆ มาจากที่ไกล ๆ ผมพยายามเงี่ยหูฟัง แวบแรกผมคิดว่ามาจากรายการวิทยุ
..แต่อืมม์ ก็ห้องผมไม่มีนี่นะ แล้วจะมาจากที่ไหน...
ผมเริ่มไม่สงบสุข พยายามหาที่มาของต้นเสียงนั้น
เสียงมันยังคงแว่วมาเรื่อย ๆ จนชัดขึ้น ชัดขึ้น
ขนที่แขนของผมเริ่มลุกชัน ผมกลืนน้ำลายลงคออย่างยากลำบาก มือซ้ายยกขึ้นตบหน้าผากสองที เพื่อเรียกสติสัมปชัญญะให้กลับคืนมา
เสียงนั่นเหมือนจะวนเวียนอยู่ประตูหน้าห้องของผมนี่เอง ผมตัดสินใจลุกขึ้น และเดินไปที่หน้าห้อง
..ผมผลักประตูออกไป..
ภาพที่เห็นคือหญิงสาวคนหนึ่ง เธอยืนอยู่ในมุมมืด แต่ก็พอเห็นว่า ผมเธอยาวสลวย แต่ใส่ชุดอะไร ผมเองก็มองเห็นไม่ชัด ผมพยายามเพ่งสายตามองเธอ เอามือขยี้ตาสองสามที
..ผะ ผะ ผะ ผี... ผมนึกในใจ
เอาแล้วมั้ยล่ะ
เธอคนนั้นมองผมด้วยสายตาที่บรรยายยากเหลือเกิน
มันมีทั้งแววตัดพ้อ ผิดหวัง เคียดแค้น เอือมระอา และอะไร ๆ ต่อมิอะไรเต็มไปหมด ลมพัดเข้ามาเป็นระยะ ๆ
ใครอ่ะ...ใคร
ผมตัดสินใจถามออกไป
...เงียบ...
ผมเพ่งสายตามองออกไป ให้แน่ใจว่านี่คือสี่งมีชีวิต ทั้ง ๆ ที่รู้อยู่เต็มอก ว่าไม่ใช่อย่างแน่นอน
พี่..อยู่..ห้อง..นี้...ใช่..ไหม..
เสียงนั้นเยือกเย็น จนผมรู้สึกวูบวาบไปทั้งตัว
ชะ...ชะ..ใช่
ผมตะกุกตะกัก ในใจนึกถึงบทสวดมนต์
พี่..อยู่..ห้อง..นี้..ใช่..ไหม
เธอยังคงถามคำถามเดิมอยู่อย่างนั้น
เธอเดินใกล้เข้ามาอย่างช้า ๆ
ผมก็ค่อย ๆ ถอยหลังเป็นจังหวะเช่นกัน
เธอเข้ามาใกล้ขึ้น ใกล้ขึ้น
ผมก็ถอยออกไปไกลขึ้น ไกลขึ้นเช่นกัน
พี่อยู่ห้องนี้ หึ...หึ... เธอยังคงพูดต่อไป
...พี่อยู่ห้องนี้ก็ดีแล้ว...
เธอพูดอีก แต่น้ำเสียงยังคงเยือกเย็นไม่เลิก แววตาดูอำมหิตเหลือเกิน
ผมเริ่มท่องบทสวดมนต์ดังขึ้น ๆ เสียงลมเริ่มกรรโชกดังขึ้นเรื่อย ๆ ผมของเธอยาวสยายไปตามแรงลม แต่ผมของผมนี่สิ เหมือนจะลุกตั้งขึ้นมาอย่างพร้อมเพรียง
พี่ กิน ข้าว หมู อบ ของ หนู ทุก คืน เลย ใช่ ไหม
เธอถามผม และย้ำทุกประโยคอย่างชัดเจน
ผมมองหน้าเธอ อย่างช้า ๆ นี่มันเรื่องอะไรกันนะ
พอดีลูกบิดประตูที่ห้องมันเสีย
เธอเห็นผมทำหน้างงงวย ก็เลยเริ่มอธิบายที่มาที่ไป
แล้วเวลาหนูซื้อของกินเข้ามา...แบบว่ามันแขวนที่ลูกบิดห้องตัวเองไม่ได้ไง...แขวนไม่ได้...พี่เข้าใจไหม เพราะลูกบิดมันเสีย...
เล่าถึงตรงนี้ เธอดูเหมือนจะกัดฟันกรอดกรอดด้วยนะ...ผมว่า...
เแล้วหนูทำไงน่ะเหรอ...หนูก็เลยต้องแขวนที่ประตูห้องของเพื่อนบ้านน่ะสิ ซึ่งเพื่อนบ้านคนนั้นก็คือพี่ ก็เลยฝากแขวนไว้...แล้วก็แบบจะเคาะประตูบอกพี่น่ะ...ว่าฝากไว้หน่อย ฝากข้าวหมูอบไว้หน่อย...นั่นแน่ ...
เธอแค่นหัวเราะ เสียงหมาหอนยังคงดังเป็นระยะระยะ
...แล้วหนูก็เห็นพี่เปิดประตู...แบบว่าเห็นพี่หยิบเข้าไปต่อหน้าต่อตาทุกครั้งเลย ทุกครั้งเลย...
เสียงเธอดูหนักแน่น ชัดถ้อยชัดคำมาก
ข้าวหมูอบเจ้านี้อร่อยมาก ขอบอก ...แต่ดูพี่ทำ ดูพี่ทำ...
เธอมักจะพูดอะไรซ้ำ ๆ กันไปมาอยู่อย่างนี้ คงเป็นผีที่สับสนในชีวิตพอสมควร
ใช่...ใช่
ผมพยักเพยิดทันควัน แต่พอนึกขึ้นได้ ผมก็รีบหุบปาก เปลี่ยนเป็นบทสวดมนต์ต่อไป
...วันนี้หนูไปซื้อลูกบิดใหม่มาแล้ว ต่อไปหนูคงจะไม่รบกวนแขวนที่ประตูห้องพี่อีก...
เธอหยุดคิดอะไรพักหนึ่ง
วันนี้เลยแวะจะมาดูหน้าพี่ซักหน่อย อยากดูหน้าน่ะนะ ก็แค่นั้นล่ะ ส่วนที่ผ่าน ๆ มา ที่พี่กินไป ถือซะว่าหนูบริจาคละกัน...
เธออธิบายเสียงช้า ๆ ราวกับจะให้ทุกประโยค ทุกคำ มันแทรกซึมเข้าไปในความรู้สึกของผม
...ผมยืนฟังอย่างเงียบ ๆ... ในใจก็อดสงสัยไม่ได้ ว่าทำไมผีข้าวหมูอบตัวนี้ทำไมพูดจาเหมือนคนอย่างเรา ๆ นี่จัง แล้วนี่อยู่ ๆ ก็มากล่าวหาผมด้วยเรื่องนี้ แน่ะ...จะมาอำผมล่ะสิ ไม่มีทางหรอก !
ข้าวหมูอบนั่นเป็นบริการของหอพักนี่ตังหาก อย่ามาหลอกผมซะให้ยากเลย ไม่มีทาง..ไม่มีทางหรอก...
ผีข้าวหมูอบตัวนี้เริ่มทำหน้าเบื่อหน่าย คงเซ็งที่เห็นผมไม่กลัวล่ะสิ
...เอาเถอะเอาเถอะ เอาให้เต็มที่ไปเลย ไม่รู้จะพูดยังไงแล้ว...
ผีตัวเดิมบ่นกระปอดกระแปด แล้วก็เดินเข้าห้องพักที่อยู่ข้าง ๆ ไปอย่างช้า ๆ
ผมนึกในใจ เจอคนจริงเป็นไงเล่า ผีก็ผีเถอะ ต้องเดินหนีไปเลย ผมรู้สึกผ่อนคลายขึ้น ไม่กลัวเหมือนตอนเจอแรก ๆ อาจเป็นเพราะว่า ผมเจอคนหลอกมานักต่อนักละ...เจอผีหลอกบ้างก็คงไม่เห็นจะเป็นไร...
ผีข้าวหมูอบเดินเข้าห้องไปแล้ว
พร้อมเสียงกระแทกประตูดังปังงงงงงงงงง
ผมยังคงยืนยิ้มเหมือนคนอารมณ์ดี ในใจนึกถึงข้าวหมูอบร้อน ๆ หอม ๆ
...ข้าวหมูอบ...
...ข้าวหมูอบ...
...พรุ่งนี้ผมคงได้กินข้าวหมูอบ...
...................................................
สุขสันต์วันฮาโลวีน
:-)
โดยคุณ :
อำนวล รวนเร - [14:40:33 30 ต.ค. 2545] |