ความคิดเห็นที่ 16
โอย โอย มิบังอาจ จะเทียบกับกลอนของคุณชมพูพันธุ์ทิพย์หรอกค่ะ กลอนของคุณชมพูฯ จะออกแนวหวาน ๆ ของปุ๊กปั๊กปุ้ยป้ายขึ้นกับว่าตอนที่แต่งน่ะ อารมณ์ไหน .. ส่วนใหญ่จะติดฮา เล็ก ๆ ^_^
ขอบคุณทุกคนนะคะ ที่เข้ามาอ่าน ^_^
...
กลอนมีหลายประเภทค่ะ ทั้งกลอนสาม กลอนสี่ กลอนหก กลอนแปด กลอนเปล่าก็มี แบบไม่มีสัมผัสน่ะค่ะ ตอนนี้เอาฉันทลักษณ์ ของกลอนแปดไปก่อนละกันค่ะ
ooooooo*....oo*oooo๏
ooooooo๏....oo๏ooooD
ooooooo$....oo$ooooD
oooooooD....ooDoooo#
ooooooo&....oo&oooo#
ooooooo#....oo#oooo+
-หมายเหตุ-
๑. กลอนแปดหนึ่งบทมีสี่บาทค่ะ แต่ละบาทจะประกอบด้วยแปดพยางค์ (เก้าหรือสิบพยางค์ก็ได้ค่ะ) ข้างบนที่เป็นตัวอย่าง มีอยู่สามบท รวมทั้งหมดสิบสองบาท ห้าสิบสตางค์ เอ๊ย ไม่ใช่ สิบสองบาท เฉย ๆ ^-^
๒. *, $, & คือ สัมผัสระหว่างบาทที่หนึ่งกับบาทที่สองของแต่ละบท
๓. @, # คือ คำลงท้ายของแต่ละบท และจะไปสัมผัสกับบาทที่สองของบทถัดไป และจะกลายเป็นสัมผัสระหว่างบาทที่สามกับบาทที่สี่ของบทถัดไปนั้นด้วยค่ะ
๔. คำลงท้ายของบาทที่สองของทุกบทส่วนใหญ่มักจะเป็นเสียงสูง เช่น ไหว ไหน หมอง ส่วนคำลงท้ายของบาทที่สี่ของทุกบทจะเป็นเสียงกลาง เช่น นอง ใจ มา ทาง คำลงท้ายของบาทที่หนึ่งและบาทที่สาม แล้วแต่ความไพเราะค่ะ ส่วนใหญ่จะเป็นสระเสียงสั้น
๕. คำในบาทที่สองที่จะสัมผัสคล้องจองกับคำสุดท้ายในบาทที่หนึ่ง หรือคำในบาทที่สี่ที่จะคล้องจองกับคำสุดท้ายในบาทที่สาม (พวก *, $, & ในตัวอย่าง) ไม่จำเป็นจะต้องอยู่ในตำแหน่ง(พยางค์)ที่สามดังที่แสดงไว้ในตัวอย่าง อาจจะอยู่ที่พยางค์ที่หนึ่ง สอง หรือสาม (หรือจะยื้อไปถึงพยางค์ที่สี่หรือห้าก็ยังไหว ^-^) แต่โดยทั่วไปเป็นพยางค์ที่สามจะไพเราะกว่าค่ะ ..
๖. สัมผัสใน คือสัมผัสของคำภายในบาทเดียวกัน จะทำให้กลอนเพราะขึ้นค่ะ ...
อืม งง กันไหมนี่ .. เอาเป็นว่า ตอนนี้อยากเขียนอะไรเขียนก่อน นึกก่อนว่าจะเขียนอะไร แล้วค่อยปรับเรื่องสัมผัสเรื่องคำกันค่ะ
โดยคุณ
:ปุ๊กปั๊กปุ้ยป้าย - [23:08:34 20 ก.พ. 2544] |