......เที่ยวทะเล.......
................................................................
...ประมาณคืนวันเสาร์ ยังไม่ทันที่ดุกดุ๋ยจะได้หลับสนิทดี ก็มีเสียงโทรศัพท์ดังขึ้นสองสามนัด...
ดุกดุ๋ยยังคงสลึมสลือ...ในขณะที่กลิ้งตัวไปรับโทรศัพท์
...ฮัลโหล ไปไหน ไปด้วย...
ยังไม่ทันที่จะรู้ว่าปลายสายจะโทรมาด้วยเรื่องอะไร ดุกดุ๋ยก็ตอบรับเป็นคนใจง่ายไปซะแล้ว
เยี่ยมมาก...ดุ๋ยเพื่อนเลิฟ สุรหน่อยเพื่อนดุกดุ๋ยนั่นเองที่โทรมา
ไปทะเลกัน ไปไหม...ไปไหม เสียงเดิมชวนอย่างไม่ต้องมีคำนำหรืออารัมภบท
ทะเล...ทะเล กรุงเทพฯ ก็มีทะเล... ดุกดุ๋ยตอบไปอย่างไม่ลังเลเช่นกัน
ที่ไหนอ่ะ สวนสยามหรือป่าว... ปลายสายเงียบไปสักพัก ก่อนบอกว่า ไปพัทยากันดีกว่า
อือ..ได้ ได้ ดุกดุ๋ยตกปากรับคำอย่างง่ายดาย ไม่เสียชื่อจริงจริงเลย
..............................................................
สาย ๆ ของวันอาทิตย์ ดุกดุ๋ยและคณะ อันประกอบด้วย ดุกดุ๋ย สุรหน่อย และสมซีด ก็ได้เดินทางมาถึงเอกมัย เพื่อขึ้นรถเที่ยว 11.40 น. และเนื่องจากเราไปกันสามคน ดังนั้น ก็จะต้องมีคนหนี่ง ที่ต้องระเห็จไปนั่งกับคนอื่น ซึ่งทุกคนลงความเห็นว่าดุกดุ๋ยเหมาะสมที่สุดด้วยประการทั้งปวง
สุรหน่อยกับสมซีดนั่งเคียงคู่กัน หน้าตาดูมีความสุข...ในขณะที่ดุกดุ๋ยนั้นเล่า ก็ได้แต่ใจเต้นไม่เป็นจังหวะ นึกลุ้นว่าใครหนอจะโชคเข้าข้าง มานั่งกับเรา...แล้วคำตอบก็มาอยู่ตรงหน้า...
เขาผู้นั้น เป็นชายหนุ่ม ที่ยังหนุ่มอย่างไม่ต้องสงสัย ไว้ผมทรงสกินเฮด แต่งตัวสมกับเป็นนักท่องเที่ยวจริง ๆ ในมือแบกกระเป๋าเป้ใบโต หน้าตาดูใจดีและมีเหตุผล แต่อะไรก็ไม่สำคัญ เท่ากับชายหนุ่มคนนั้น...พี่แกนั่งไอแค่ก ๆ ตลอดทางเลย...
.....เฮ้อ....
..ดุกดุ๋ยจะเป็นโรคอะไรไหมเนี่ย ...
............................................................
พอไปถึงพัทยา สามสาวก็เริงร่าสุดชีวิต เรียกรถสองแถวได้คัน ก็นั่งกันไป พอคนขับถามว่าจะลงตรงไหนของหาดดี
เราสามคนมองตากันอย่างมีความหมาย ก่อนบอกเสียงมั่นใจ
...ตรงไหนก็ได้ลุง ขอที่มีขายไก่เหลืองๆ เยอะ ๆ น่ะ..
..............................................................
ยามบ่าย เราก็มาประจำกันตรงเก้าอี้ผ้าใบสีสวย สุรหน่อยนอนอ่านหนังสือไปอย่างสบายอารมณ์ ส่วนสมซีดบอกว่าไม่ง่วง แต่ขอหลับตาฟังเสียงคลื่นหน่อยนะ ในขณะที่ดุกดุ๋ยก็นั่งเล่น นอนเล่น คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย
นี่เป็นการมาพัทยาครั้งที่เท่าไหร่แล้วไม่รู้ แต่ละครั้ง จำนวนสมาชิกก็มีมากบ้าง น้อยบ้าง และถึงบางคราวจะลดลงอย่างน่าใจหาย แต่พวกเราก็ยังคงเกาะกลุ่มเหนียวแน่น ตอนมองดูทะเลที่อยู่ตรงหน้า ดุกดุ๋ยนึกสนุก หยิบหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ก่ะว่าจะโทรไปหาใครหลาย ๆ คน...อย่างน้อยให้เขาได้ฟังเสียงคลื่นที่อยู่ที่นี่ ก็น่าจะเข้าทีดีเหมือนกัน...
ดุกดุ๋ยทำท่าเลียนแบบโฆษณามือถือยี่ห้อหนึ่ง ตอนยื่นโทรศัพท์ไปในทะเล หวังจะให้ปลายทางได้ยินเสียงคลื่น
..เหนื่อยมั้ย..
ดุกดุ๋ยลืมตัว...นึกว่าตัวเองเป็นพรีเซนเตอร์เครื่องดื่มชูกำลัง ตะโกนถามเสียงเข้ม
อะไรนะ เสียงปลายสายเริ่มงง
..เมื่อยมั้ย... ดุกดุ๋ยยังไม่เลิก
เอ่อ ...ไม่เมื่อยมั้ง ปลายสายเริ่มเล่นด้วย
สุดท้ายแต่ละคนที่ดุกดุ๋ยโทรไปหา ก็ได้ยินเสียงคลื่นกันอย่างทั่วหน้า ..สนุกจริงจริงเลย...
......................................................................
เราสามคนนั่งมองดูคลื่นในทะลลูกแล้วลูกเล่าที่ซัดเข้าหาฝั่ง ไม่มีใครพูดอะไรกับใครมากนัก ต่างคนนั่งเงียบ ๆ คิดอะไรกันไปตามลำพัง มันเป็นการใช้วันหยุดที่ออกจะเข้าท่าดีเหมือนกัน ได้พักผ่อน และทำให้คิดอะไรได้มากขึ้น
พระอาทิตย์ตรงหน้า กำลังจะลับลงตรงเส้นขอบฟ้า แสงสีส้มสาดกระจายไปทั่วบริเวณ เสียงคลื่นยังคงซัดเข้าหาฝั่งเป็นระยะ ๆ หรืออาจจะเป็นเพราะบรรยากาศรอบข้าง....ที่ทำให้อารมณ์ของเราอ่อนไหวไปกับบางสิ่งบางอย่างได้อย่างไม่น่าเชื่อ...
...ชั่วขณะหนึ่ง...ที่ดุกดุ๋ยนึกอยากเป็นกวี และเขียนอะไรสักอย่างขึ้นมา...
....................................................................
กินลมแล้วชมคลื่น
ทะเลตื่นมาซัดฝั่ง
เม็ดทรายที่ก่อกัน
สร้างเป็นฝันให้ชื่นชม
เดินเล่นบนหาดทราย
แสงแดดคลายจนรื่นร่ม
เมฆขาวพราวก้อนกลม
ตามแต่ลมจะพัดไป
เหมือนใจที่ล่องลอย
ให้เธอคอยมาอยู่ใกล้
อยากเกี่ยวก้อยค่อยเดินไป
จะสิ่งใดมองด้วยกัน
ตรงขอบฟ้านั่นเห็นไหม
มีอะไร...อยู่ที่นั่น
เสียงเธอในใจ...บอกให้ฟัง
พระอาทิตย์ตกตรงนั้น...มันสวยดี
..........................................................
18 พฤษภาคม 2546
.........................................................
โดยคุณ :
ดุกดุ๋ยออนเดอะบีช - [17:51:04 20 พ.ค. 2546] |