กระดานความรู้สึก


เรื่องจริงของผมในยุคทองและปัจจุบัน
เรื่องจริงของผมในยุคทองและปัจจุบัน

เรื่องของผมคือว่า ผมจบการศึกษาจากต่างประเทศ
เข้าทำงานใน บ. พัฒนาที่ดินชื่อดัง ของเมืองไทย ตอนปี
2535 ตอนเข้าไป ผมทำงานตำแหน่ง Assistant Manger
เงินเดือน 1.8 หมื่นบาท เชื่อไหมครับ ทำงานแค่ สองปี
ผมได้ปรับเป็น ห้าหมื่นบาท ตอนนั้นผมลิงโลดใจมาก โบนัส
ไม่ต่ำกว่า หกเดือน ทุกอย่างในชีวิตไปได้สวย
ผมเปลี่ยนจากรถญี่ปุ่นคันที่ซื้อมาเป็น BMW E36 อย่างโก้
โดยดาวน์ ไปก่อน ที่เหลือ ผ่อนสบายๆ เดือนละ 2
หมื่นกว่าๆ และไปผ่อนคอนโด ไว้ย่านกลางเมือง
ซึ่งเป็นที่ดินของที่ทำงานผมเอง ให้ราคาพิเศษ 3.4 ล้าน
ผ่อนได้ครับ

ปีนั้น มีการฉลองชัยครั้งใหญ่หัวหน้าผมเรียกเข้าไปบอกว่า
จะเลื่อนให้เป็น marketing manager ปรับเงินขึ้นเป็น 7.5
หมื่น แต่ต้องทำงานหนักขึ้นนะ
คิดดูแล้วกันครับสำหรับเด็กอายุ 26 ตอนนั้นมันสุขขนาดไหน
แฟนผมก็น่ารักทำงานไฟแนนซ์ ตอนนั้นผมใช้เงินจริงๆ
มือถือรุ่นไหนออกใหม่ ผมเปลี่ยนทันที ซื้อทันทีด้วย
ไม่เกี่ยงราคา ทุกอย่างในตัวผมมียี่ห้อทั้งสิน
ของถูกผมไม่เคยใส่ ใครๆ มองว่าตอนนั้นผม hit มากๆ
แต่แล้ว ลางไม่ดีก็เริ่มออกเมื่อผ่านไป 1 ปี บ.
ขึ้นเงินเดือนให้น้อยลง แต่ผมก็ยังระเริงใจ เพราะคิดว่า
ยังไงๆ รถก็ผ่อน ได้ คอนโดก็ของ บ.เราเองคงคุยกันได้
ประกอบกับ ทุกอย่างตอนนั้นมันเหมือนชะงักชั่วคราว
ลางของจริงเริ่มมาเมื่อมีการปิดสถาบันการเงิน

บ. ผมลดเงินเดือน ลง ผมเหลือแค่ 6 หมื่น แต่ผมก็ยังเฉยๆ
บ.ผมเริ่มแย่ เพราะว่า คอนโด ขายไม่ออก และ ตัว
ไฟแนนซ์ที่ถือหุ้นใหญ่ใน บ. ผมต้องแยก หลักทรัพย์
และเงินทุนออกจากกันเพื่อไม่ให้ตายคู่ บ. ผมเริ่ม
ลดเงินเดือน อีกครั้ง และเชิญ พนง.ออก ผมถูกมอบให้ลด
พนง.ในผ่ายลง หลังจากชี้แจงให้น้องๆ เสร็จ
คนที่ถูกให้ออก นั่งซึมคนหนึ่ง อีกคน ด่าผมว่า
ทำไมพี่ไม่ลดเงินเดือน พี่เพื่อให้พวกเราอยู่รอด
ผมรู้สึกสะอึกในคอ อยากจะบอกว่า
แค่ค่าผ่อนรถก็จะไม่ไหวอยู่แล้ว
เมื่อค่าใช้จ่ายเริ่มไม่พอ ผมหันไปเล่นบอล
เพื่อหาเงินมาโปะค่าคอนโด ผมกลับเสียเงินเก็บไปกับมันอีก
2 แสน และยืมแฟนมาอีก 5 หมื่น ถึงบัดนั้น
แฟนผมก็เลิกกับผม เพราะว่า ผมบอกตรงๆ
ว่าผมแย่และบังเอิญว่ามีหนุ่มรวยกว่ามาจีบเธอ

ปลายปี 41 บ. ได้ลดเงินเดือน ผมอีก เหลือ 3 หมื่นบาท
ผมก็อายุ 31 แล้ว รถผมส่งไม่ได้แล้ว และขายไปแล้วด้วย
คอนโดก็เป็น NPL ไปแล้ว ผมเสียดายที่ผ่อนไปกว่า 2 ล้าน
แต่ทำไงได้ สุดท้ายต้น ปี 43 ผมถูกให้ออก
ด้วยเหตุผลที่ว่า ไม่มีงานให้ทำและเงินเดือนคุณสูง

ผมหางานทำมาเกือบปี
ได้งานเป็นลูกจ้างชั่วคราวในหน่วยงานของรัฐแห่งหนึ่ง
อัตราค่าจ้างรายวันๆละ250 บาท ตอนนี้ผมใช้รถญี่ปุ่นเก่าๆ
และมีเงินเก็บอยู่ก้อนหนึ่งราว 4 แสนบาท
ยังดีที่ผมยังมีบ้านที่อาศัยกับพ่อแม่อยู่
จึงไม่เดือดร้อนเรื่องที่อยู่ บางวัน
ผมนั่งนึกถึงอดีตของผมแล้วสะท้อนใจ แต่ผมไม่ท้อแท้เท่าไร
ผมได้เจอกับน้องๆที่เคยทำงานกับผม บางคนดูถูกผม
เมื่อทักผมแล้วผมไม่มีนามบัตรให้เขา
ขณะที่พวกเขาบางคนได้ดีกว่าผมในยุคทอง วันหยุดผมไปรับสอน
ภาษาอ. ให้ตามบ้าน ก็พอได้เงินเพิ่มเติมเดือนละ
สองพันบาทได้

ตอนนี้ผมแก่ตัวลง ความคิดสุขุมมากขึ้น
วันหนึ่งขณะผมขับรถกลับบ้าน
ผมเห็นแฟนเก่าผมนั่งกับเจ้าของรถ BMW 318 IS คันหนึ่ง
เธอเหลือบมาเห็นผมพอดี เธอมองอยู่พักนึงแล้ว
ก็สบัดหน้าไป ผมรู้ดี ว่าผมคงไม่มีค่าพอที่จะทักเธอ
อย่างเก่าได้

ผมอยากให้ทุกคนฟังเรื่องของผมไว้เป็นบทเรียน
ชีวิตคนเรามันสั้น ทำตัวให้ถูกต้อง ใช้เงินให้เห็นคุณค่า
อย่าดูถูกค่าของเงิน ผมยังดีทียังพอจะมีเหลือบ้าง
แต่คงจะกลับไปทำตัวอย่างเดิมไม่ได้อีกแล้ว
ขอให้จำคำของผมไว้
หรือมีเรื่องคล้ายๆผมก็นำมาเล่าสู่กันฟังได้เป็นอุทาหรณ์
source: forwarded mail
โดยคุณ : เขาว่าฯ - [9:49:19  3 เม.ย. 2544]

ความคิดเห็นที่ 1
นี่คือหนึ่งตัวอย่าง ผลงานของเจ้าใหญ่นายโต ที่บริหารประเทศได้อย่างห่วยแตก ตัวเองและพวกพ้องมีเงินมหาศาล แต่คนที่ซวยคือประชาชน เฮ้อ ประเทศไทย
ยังไงก็ยึดหลักธรรมะไว้ล่ะกันครับ เดินทางสายกลาง และ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน จะได้ไม่ทุกข์ไปกว่านี้ฮับ
โดยคุณ :puiman can do - [11:28:00  3 เม.ย. 2544]

ความคิดเห็นที่ 2
คนเราไม่มีไรแน่นอนเนอะ แต่วันพรุ่งนี้ย่อมดีกว่าวันนี้ค่ะ
โดยคุณ :โอ๊ตจ้า - [13:59:38  3 เม.ย. 2544]

ขอเชิญร่วมเสนอแนะความคิดเห็นครับ
จาก :
email :
icq :
รูปภาพ :

รายละเอียด

อาการ :



กรุณาคลิก "ส่งข้อมูล" เพียงครั้งเดียวครับ....