กระดานความรู้สึก


พี่เจี๊ยบคะ ชอบนิทานเรื่องเห็บกะสุนัขเมื่อวันอาทิตย์ของพี่มากค่ะ
อ่านแล้วสะใจดี ช้อบชอบค่ะ =)
โดยคุณ : passerby - [9:29:08  3 ก.ค. 2544]

ความคิดเห็นที่ 1
ชอบเหมือนกันเลยค่ะ
แต่อยากทราบว่า พี่เจี๊ยบเอาข่าวไหนมาแต่งค่ะ
อยากทราบ อยากทราบค่ะ
โดยคุณ :น้องระเบียง - [11:38:30  3 ก.ค. 2544]

ความคิดเห็นที่ 2
นิทานก่อนนอน

คอลัมน์ ลูกอีช่างคิด


โดย วัชระ ปานเอี่ยม

มีนักวิชาการหลายแขนงเคยบอกเอาไว้ว่า เด็กไทยทุกวันนี้จะโตขึ้นด้วยความเก่งกล้าสามารถแต่ขาดจินตนาการที่ดี หลายคนจะคิดเลขเก่ง พูดอังกฤษไฟแลบ เทควันโด้สายดำ เต้นแจ๊ซแดนซ์เหมือนมืออาชีพ ว่ายน้ำคล่องเหมือนปลา เล่นเปียโนฉกาจเฉกโชแปง รู้จักคอมพิวเตอร์มากกว่าพ่อแม่ นั่นเป็นเพราะเด็กโตแบบหุ่นยนต์ ทำตามคำสั่งได้อย่างคล่องแคล่ว แต่ถึงเวลาให้คิดเอง กลับใบ้รับประทาน

อันที่จริงจินตนาการ มันอยู่ในเด็กทุกคนอยู่แล้ว ที่เห็นลูกของคุณนั่งเล่นอะไรง่วนอยู่คนเดียว บางครั้งก็พูดคนเดียว ถามเองตอบเอง นั่นแหละครับ เด็กเขาสนุกกับจินตนาการของเขา ไอ้ผู้ใหญ่บางคนไม่รู้เรื่อง ไปเห็นเข้า นู่นเลย ... อุ้มไปให้พระรดน้ำมนต์ บอกว่าผีเข้า ไม่ก็ให้หมอผีมาปัดรังควาญที่บ้าน อ้างว่าผีแม่ซื้อจะมาเอาตัวเด็กไป โธ่ๆๆ มันไม่มาเอาไปหรอกครับ เชื่อเหอะ นมผงกระป๋องละเกือบพัน ผีมันไม่มีปัญญาซื้อหรอก ... เชื่อเถอะ เว้นเสียแต่ว่าลูกของคุณจะบวชเดือนหน้าแล้วยังพูดคนเดียว ก๋า ก้ะ ก๋า ก้ะ นั่งหัวเราะน้ำลายไหลย้อย อย่างนี้ล่ะควรจะอุ้มไปให้หมอเขาดูสักนิด

ทีนี้จะทำยังไง ให้เด็กๆ ของเราได้ใช้จินตนาการของเขาได้อย่างเต็มที่ โดยที่พ่อแม่อย่างเราเป็นแค่ตัวกระตุ้น ...คิดออกไหมครับ

นิทาน ไงครับ นิทานแบบเดียวกับที่พวกเราเคยได้ยินกันตอนเล็กๆ นั่นแหละ สุดยอดของจินตนาการเลยทีเดียวเชียว

ลองหาเวลาเล่านิทานให้ลูกฟัง อาทิตย์ละเรื่อง หรือขยันหน่อยก็เล่ามันวันละเรื่องไปเลย ตอนก่อนนอนยิ่งดีใหญ่ เด็กจะได้เก็บไปฝันต่อให้สนุกสนานบานใจ ไม่ควรอ้างว่าลูกไม่มีเวลา ก็ลองหยุดเรียนวิชาส่งเสริมความเป็นหุ่นยนต์ของลูกลงบ้างสิ ... รับรอง เหลือเวลาอื้อซ่าเลย

ลูกพร้อม พ่อแม่พร้อม เอาละ ... มาเล่านิทานกัน

นิทานที่ว่า หลายเรื่องมาจากต่างประเทศ บางครั้งก็เป็นนิทานอีสป บางครั้งก็เป็นนิทานพื้นบ้าน พ่อแม่ควรพิจารณาให้เหมาะกับวัยของลูก เพราะนิทานพื้นบ้านบางเรื่อง ตัวเอกของเรื่องเป็นคนมักมากในกามคุณ ชอบใช้กำลังตัดสินปัญหา ผ่าท้องเมียเอาลูกมาทำกุมารทอง ฟาดเหงือกฟาดยักษ์ให้มั่วไปหมด เดี๋ยวลูกเอาเป็นแบบอย่าง จะเดือดร้อน

แต่ก็อย่างว่า พ่อแม่หลายคนก็อาจจะเบื่อนิทานเก่าๆ เจ้าหญิง เจ้าชาย นางฟ้า แม่มด มังกร ลองแต่งนิทานดูเองไหมเล่า ให้ลูกๆ เป็นพระเอก นางเอก พ่อเป็นคนแคระยักษ์ แม่เป็นแม่มดแสนสวย มีผจญภัย มีคติสอนใจ จะให้สนุกโลดโผนแค่ไหนก็ได้ เล่าๆ ไป คิดไม่ออก ก็หยุดพักไว้ก่อน แล้วบอกลูกๆ ว่า พรุ่งนี้จะมาเล่าต่อ พอวันรุ่งขึ้นก็เล่าใหม่ เดี๋ยวก็คิดตอนใหม่ออกเอง ไม่จำเป็นต้องมีตอนจบ ปล่อยให้ลูกเราได้ใช้จินตนาการเต็มที่ หรือจะผลัดกันเล่า คืนนี้พ่อแม่เล่า คืนต่อไปลูกเล่าบ้าง ... สนุกดีออก เห็นไหมครับ ไม่ยากเลย

ลองจับเอาเรื่องใกล้ๆ ตัว มาแต่งเป็นนิทานก็เข้าท่าเหมือนกันนะ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของเพื่อนร่วมงาน เรื่องของเจ้านาย เรื่องของลูกค้า บางคนอ่านหนังสือพิมพ์จบ ได้นิทานเป็นสิบๆ เรื่องเลยก็มี ถ้ายังมึนตึ๊บ คิดไม่ออก ลองดูตัวอย่างนิทานก่อนนอนแบบลูกอีช่างคิดสักนิด

กาลครั้งนานมาแล้ว (ควรขึ้นด้วยวลีนี้ เพราะจะได้รู้ว่าเป็นนิทานไม่ใช่เรื่องจริง) ยังมีเห็บตัวหนึ่ง อาศัยอยู่บนหลังของสุนัข เจ้าเห็บตัวนี้เกาะอยู่แถวต้นคอของสุนัขพอดี ซึ่งเป็นจุดที่สุนัขเกาไม่ถึง เอาปากไซ้ก็ไม่ได้ เจ้าเห็บตัวนี้จึงยึดเกาะ ดูดกินเลือดสุนัขอย่างสบายใจเฉิบ สุนัขเองก็รู้ว่าที่คอของมันมีเห็บเกาะอยู่ แต่มันก็ไม่ว่าอะไร เพราะมันรู้อยู่แล้วว่า เห็บตัวเล็กกระจิริดมาขออาศัยอยู่ ถึงจะกินเลือด ก็กินนิดเดียว ไม่ได้เจ็บปวดอะไร จะมีก็แต่คันๆ นิดหน่อย พอทนได้

ไม่ว่าสุนัขตัวนี้จะไปที่ไหน แน่นอนอยู่แล้วว่าเจ้าเห็บจะต้องติดตามไปด้วยเสมอ เวลาที่เจ้าของพาไปเดินเล่นออกกำลัง พาไปต่างจังหวัดไกลๆ พาไปหาสัตวแพทย์ในยามป่วยไข้ แม้กระทั่งยามที่เจ้าสุนัขจะไปจู๋จี๋กับแม่สาวน้อยพุดเดิ้ลกลางซอย 22(ถ้าลูกถามเรื่องจู๋จี๋ ให้ติดเอาไว้ก่อน จะอธิบายตอนโต หรือจะปล่อยให้ดูละครหลังข่าวสักตอนสองตอน ก็จะเข้าใจได้เอง) เจ้าเห็บก็ไปด้วย ได้เที่ยว ได้เห็น ได้กิน ทุกอย่างฟรีหมด ช่างเป็นสัตว์ชั้นต่ำที่โชคดีเสียนี่กระไร

ด้วยความสบายเช่นนี้เอง ทำให้เจ้าเห็บนึกหลงตัวเองว่าเป็นสัตว์ชั้นสูง หลงตัวไปว่า เจ้าสุนัขเป็นผู้ส่งบัตรเชิญ เอ๊ย! เชื้อเชิญมันให้ขึ้นมาอยู่บนหัว หลงไปว่าตัวมันเป็นผู้ทำให้เจ้าของหลงใหลได้ปลื้มในตัวเจ้าสุนัข หลงตัวไปว่ามันมีอำนาจ มีอิทธิพลอยู่เหนือสุนัข ทั้งๆ ที่ตัวมันจะกิน จะนอน จะขี้ จะแพร่พันธุ์ออกลูกก็อยู่บนตัวสุนัขตลอด หลงตัวไปว่ามันสามารถสั่งให้สุนัขทำอะไรก็ได้ตามใจฉัน จนกระทั่งหลงว่าตัวเองเป็นคนมีบารมีสูงส่ง สามารถชี้เป็นชี้ตายให้กับทั้งสุนัขและประชาชน เอ๊ย ! ...และเจ้าของได้

เจ้าเห็บมันหลงระเริงอยู่บนตัวสุนัขได้พักใหญ่ๆ จวบจนกระทั่งวันหนึ่ง ขณะที่เจ้าเห็บกำลังดูดเลือดจากคอสุนัขจนตัวกลมอ้วนเป่ง มันอ้วนมากจนดูเหมือนสุนัขมีสองหัว เจ้าของให้นึกสงสัยว่าอยู่ดีๆ ทำไมหัวสุนัขตัวโปรดของตนถึงเลี่ยนๆ พิกล เลยเพ่งพินิจดู ถึงรู้ว่าไม่ใช่สุนัขหัวแฝด แต่เป็นเห็บจอมตะกละ เจ้าของก็เลยใช้เสียมค่อยๆ แซะคมเขี้ยวของเจ้าเห็บ จนหลุดออกมาจากคอของสุนัข แล้วเอาไปหย่อนลงบนพื้นอย่างแผ่วเบา การกระทำที่ดูนุ่มนวลเช่นนี้ ทำให้เจ้าเห็บหลงคิดไปอีกว่า เจ้าของนั้นกำลังมอบความรักให้กับมัน แต่แท้จริงแล้วเจ้าของขยะแขยง จนไม่กล้าเอามือไปสัมผัสกับตัวมันต่างหาก

เจ้าเห็บมัวแต่นอนฝันหวาน หลงตัวเองจนไม่ทันมองว่า เจ้าของสุนัขเงื้อเท้าขึ้นตั้งแต่เมื่อไหร่ สิ่งที่มันเห็นครั้งสุดท้ายก็คือ ตัวเลข 41 ใต้รองเท้า(ไม่ใช่หวยล็อกงวดหน้า) จากนั้นทุกอย่างก็เงียบสงบ

นิทานเรื่องนี้จะจบลงอย่างมีความสุข ถ้าเห็บตัวนั้นไม่เผอิญมีไข่เต็มท้อง และไข่นับหมื่นนับแสนฟองของมันก็กระจัดกระจายไปทั่วบ้านตามแรงกระทืบของคนที่เป็นเจ้าของสุนัข และเมื่อไข่เห็บฟักเป็นตัว ทายาทเห็บก็ได้ฝังตัวเองลงบนสุนัขทุกตัวในโลก สร้างความรำคาญให้กับคนที่เป็นเจ้าของสืบมา

ก่อนจะปิดไฟเข้านอน คนเล่าก็ควรสรุปข้อคิดที่มีในนิทานให้เด็กๆ ด้วย

นิทานเรื่องนี้สอนให้รู้ว่า อย่ากระทืบสัตว์ชั้นต่ำ เพราะพวกมันตายยาก และอาจจะรวมหัวกันเป็นชมรมหรือสมาคม แล้วกร่างไปชี้นำประชาชนทั่วประเทศได้

เห็นไหมครับ นิทานแบบง่ายๆ เอาเรื่องใกล้ตัวมาแต่งเป็นเรื่อง และถ้าอยากจะเปลี่ยนตัวเอกของเรื่องเป็นเหลือบ เป็นพยาธิ เป็นหนอนแมลงวันก็ได้ตามใจชอบ เพราะเป็นพวกปรสิตเหมือนกัน แล้วตั้งชื่อเรื่องให้เก๋ไก๋ เช่น เห็บจอมอหังการ อวสานเหลือบ พยาธิมีผู้เกียรติกับลำไส้ใหญ่ หรือหนอนแมลงวันจอมทระนง น่าฟังทุกเรื่องเลยเนอะ

ขอให้มีความสุขกับนิทานก่อนนอนกันถ้วนหน้านะ อ้อ ... แล้วไม่ต้องสัมภาษณ์ผมนะว่า ผมเอาข่าวไหนมาแต่งนิทานเรื่องนี้

..... จ้างให้ก็ไม่บอก


โดยคุณ :นิทานเรื่องนั้น - [13:35:08  3 ก.ค. 2544]

ความคิดเห็นที่ 3
พี่ น้องระเบียง อยากทราบจริงๆ หรืออำเนี่ย =)
โดยคุณ :passerby - [17:36:30  3 ก.ค. 2544]

ความคิดเห็นที่ 4
อยากทราบจริง ๆ ค่ะ
โดยคุณ :น้องระเบียง - [11:26:45  4 ก.ค. 2544]

ความคิดเห็นที่ 5
กาลครั้งหนึ่ง...ทึ่งจริงๆ ค่ะ
โดยคุณ :NIRAPAI - [17:49:27  4 ก.ค. 2544]

ความคิดเห็นที่ 6
: )
โดยคุณ :พุดซา - [19:28:23  4 ก.ค. 2544]

ความคิดเห็นที่ 7
อืม....
โดยคุณ :ว่าน - [0:06:30  5 ก.ค. 2544]

ความคิดเห็นที่ 8
เรื่องอะไรนะ คุ้นจัง

@^o^@
โดยคุณ :นายละเมอ เพ้อพก - [2:54:56  5 ก.ค. 2544]

ความคิดเห็นที่ 9
มารออ่านคำตอบพี่เจี๊ยบค่ะ ^_^
โดยคุณ :เฌอ - [7:00:43  5 ก.ค. 2544]

ขอเชิญร่วมเสนอแนะความคิดเห็นครับ
จาก :
email :
icq :
รูปภาพ :

รายละเอียด

อาการ :



กรุณาคลิก "ส่งข้อมูล" เพียงครั้งเดียวครับ....